7 ธ.ค.61 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในงานสัมมนา การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง ณ มหาวิทยาลัยรังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถึงกรณีเสียงสะท้อนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการจัดระเบียบต่างๆ ของรัฐบาลทหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เช่น ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในเมืองที่ถูกยกเลิกจุดผ่อนผันขายของบนทางเท้า หรือเกษตรกรในชนบทที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ป่า ว่า เรื่องนี้อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนว่าคิดเห็นอย่างไร เช่น ผู้ใช้รถใช้ถนนหรือผู้ใช้ทางเท้าที่ตำหนิว่าผู้ค้าหาบเร่แผงลอยทำคนเดินเท้าไม่สะดวกหรือทำให้การจราจรติดขัด ในอีกมุมหนึ่งก็สามารถตั้งคำถามได้เหมือนกันว่าพื้นที่สาธารณะเหล่านั้นมีการระบุไว้หรือไม่ว่าสำหรับรถวิ่งหรือสำหรับคนเดินเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าเป็นทางหลวงหรือทางยกระดับถึงไม่ต้องเขียนไว้คนก็เข้าใจได้ว่าไม่ควรไปเข็นรถเข็นบนนั้น
"ถ้าเป็นตามตรอกซอกซอยที่มีทางเท้ากว้างขวาง และมีความเข้าใจร่วมกันของผู้ใช้รถหรือใช้เท้าสัญจรว่าถ้าเข้ามาตรงนี้มันจะสะดวกน้อยลงนะ เพราะมันเป็นที่ที่เราจะใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน ผมเห็นพ่อค้าแม่ค้าถูกรังเกียจโดยคนที่ให้ความเห็นบ้าง แต่เป็นที่พอใจของผู้ซื้อสินค้าก็มี ไม่เช่นนั้นเขาก็อยู่ตรงนั้นไม่ได้ เพราะมันก็มีคนที่มีความสุขกับการได้ซื้อของของเขา ผมอยากเรียนว่าพื้นที่สาธารณะความจริงมันคือของประชาชนทั้งหมด" นายกิตติรัตน์ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปว่า พื้นที่สาธารณะนั้นเป็นของประชาชนทุกคน เช่นเดียวกันกับพื้นที่ป่า หากเป็นป่าดงดิบหรือป่าชุ่มน้ำ หน้าที่ของมันก็ชัดเจนเหมือนกรณีทางหลวงหรือทางยกระดับข้างต้น แต่หากเป็นพื้นที่ก้ำกึ่งตนเห็นว่าน่าจะจัดระเบียบให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้ ไม่ใช่ไปตัดทิ้งอย่างกรณีที่เห็นในข่าวเจ้าหน้าที่ไปโค่นต้นยางพาราที่ปลูกในป่า จนบางพื้นที่กลายเป็นป่าหัวโล้น แทนที่จะให้ต้นยางยังเป็นส่วนหนึ่งของป่า แล้วการใช้ประโยชน์ให้เป็นไปตามระเบียบและไม่ปล่อยให้ลุกลามไปอีก
หรือการใช้พื้นที่ถนนระหว่างมอเตอร์ไซค์กับรถยนต์ ที่หลายครั้งผู้ใช้รถยนต์มักจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อเห็นผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ขี่คร่อมระหว่างเส้นแบ่งเลน เรื่องนี้ตนอยากชวนคิดต่อไปว่าในรถยนต์นั้นขับมาเพียงคนเดียวไม่มีผู้โดยสารเลยใช่หรือไม่ ในขณะที่มอเตอร์ไซค์อาจจะโดยสารมากันทั้งครอบครัว คำถามคือรถยนต์ที่มีคนเพียงคนเดียวเหตุใดถึงมีสิทธิ์มากกว่ามอเตอร์ไซค์ที่มีคนโดยสาร 2 - 3 คน
"มันอยู่ที่ทัศนคติในการใช้พื้นที่สาธารณะ รัฐสร้างถนนให้รถวิ่งได้ สร้างทางเท้าให้คนเดินได้ การแบ่งพื้นที่ทางเท้าที่เหมาะสม จัดระเบียบให้สะอาดสะอ้านเราก็ก็น่าอยู่ด้วยกันได้ เพราะคนเหล่านั้นเขาใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อโอกาสในการดำเนินชีวิตของเขาได้ แล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแบบปลูกเพิงอยู่ เขาก็หาสินค้าราคาถูก คุณภาพพอสมควรที่คนซื้อยินดีซื้อ" นายกิตติรัตน์ ระบุ
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าบนพื้นที่สาธารณะทุกคนอยู่ร่วมกันได้ แต่ขอให้มีความชัดเจน รวมถึงการไม่เลือกปฏิบัติด้วย เช่น อนุญาตให้เฉพาะญาติหรือพรรคพวกของเจ้าหน้าที่คนนั้นคนนี้ ซึ่งปัญหาคอร์รัปชั่นนั้นมีหลายระดับ อาทิ การฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือการเลือกปฏิบัติให้ประชาชนคนอื่นมีสิทธิ์น้อยกว่าพรรคพวกของตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี