เดินหน้าเปิดตัวผู้สมัครสส.
พปชร.เนื้อหอม
ประกาศลุยเลือกตั้ง24กพ.
สนธิรัตน์แจงเหตุไม่ลาออก
กลัวกระทบงานของรัฐบาล
4พรรคค้านบัตรลงคะแนน
“สนธิรัตน์” ลั่นพลังประชารัฐ พร้อมเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ แจงเหตุไม่ลาออกพ้นเก้าอี้ หวั่น 5 เดือน เกิดสุญญากาศกระทบการทำงานของรัฐบาล ในขณะที่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์-ไทยรักษาชาติ-อนาคตใหม่” โวย “บิ๊กตู่” เสนอ “บัตรเลือกตั้ง” ไร้โลโก้-ชื่อพรรค ส่อขัดรัฐธรรมนูญ ด้านรองเลขาฯกกต.แจงยิบ ยันไร้แทรกแซง
ระบุสัปดาห์หน้าเคาะสรุปก่อนจัดพิมพ์
ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาพปชร.เดินทางเข้าพรรคเพื่อต้อนรับชาวบ้าน จ.สมุทรสาครจำนวน 250คนมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคนำโดย 3ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สมุทรสาครได้แก่ นายอัครเดช สุวรรณชัย เขต 1 นายมาโนช เอี่ยมประเสริฐ เขต 2 น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ เขต 3 พร้อมเปิดรับฟังปัญหาในพื้นที่จากกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กที่เดือดร้อนจากการบังคับใช้กฎหมายประมง ปัญหาการต่อทะเบียนเรือ ปัญหาน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและปัญหาพืชผลการเกษตร โดยนายสนธิรัตน์ รับปากจะนำปัญหาไปแก้ไขให้เสร็จก่อน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวบ้าน
พปชร.พร้อมลต.24กพ.
โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่าส่วนที่มีความชัดเจนการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นั้น ถือเป็นเรื่องดีที่มีความชัดเจน ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามกำหนดนี้โดยพรรคจะเดินตามโรดแมปการเลือกตั้งทุกประการ มีการเตรียมการทำงานรองรับไว้แล้วและมีความพร้อมอย่างมาก ซึ่งในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมพรรค เพื่อคัดเลือกกรรมการสรรหาผู้สมัคร พร้อมเดินหน้าสู่กระบวนการต่อไป พรรคเราพร้อมเดินตามทุกโรดแมป ไม่ว่าจะเป็นวันใด ซึ่งการเปิดให้หาเสียง ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกา(พรฎ.)เลือกตั้งในวันที่ 2 มกราคม 2562นั้น ถือว่าเพียงพอ เพราะโดยปกติแล้วก็เปิดให้หาเสียงประมาณ 45 วันเท่านั้น
ย้ำชัดเมื่องานต่างๆเสร็จจะลาออก
“ส่วนการตัดสินใจลาออก ของ 4 รัฐมนตรี จะเกิดขึ้นเมื่องานต่างๆแล้วเสร็จ ผมอยากให้ดูที่พฤตินัยและผลงานในฐานะรัฐมนตรีของพวกเรามากกว่า ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการใช้ทรัพยากรของรัฐแต่อย่างไร อย่ากังวลใจกับตำแหน่งของพวกผมมากนักเลย ขอให้ดูพฤตินัย ส่วนจะมีความชัดเจนก่อนวันที่ 2มกราคมนี้ หรือไม่นั้น เรื่องนี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ได้พูดไว้แล้ว ขอให้ไปตามดู”นายสนธิรัตน์ กล่าว
แจงเหตุยังไม่ลาออกพ้นตำแหน่งได้
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวว่าในห้วงนี้ได้ใช้เวลาการทำงานส่วนใหญ่ในต่างประเทศแทบทุกอาทิตย์ เนื่องจากขณะนี้ทุกคนทราบดีว่า ปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศต้องได้รับการทุ่มเทในการแก้ปัญหาการแข่งขันทางการค้าโลกและที่สำคัญเวลาเจรจากับต่างประเทศไม่ว่าประเทศใดเขาจะพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเปรียบเทียบกับเวียดนาม หลายประเทศต้องการค้าขายกับเวียดนามมากกว่าไทย เนื่องจากเวียดนาม ไม่มีเรื่องของภาษีทางการค้า
“ตราบใดที่ผมยังอยู่ในตำแหน่งสามารถเจรจาได้ตลอด ไม่เช่นนั้น ถ้าไม่อยู่เกิดสูญญาณกาศอีก 5เดือนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้คือความลำบากใจของผม ผมพูดอยู่เสมอว่าการตัดสินใจใดๆต้องมองหลายปัจจัย อย่ามองที่การเมืองเพียงอย่างเดียว ถ้ามองแบบการเมือง เขาก็ต้องให้ผมออก แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องมองด้วยว่า เวลานี้เราอยู่ตรงนี้เป็นประโยชน์หรือไม่ ผมอยากให้เข้าใจ ถ้าเราออกนั้นมันง่ายแต่สิ่งที่เราต้องทำนั้น มันมาก บางคนอาจถามว่าแล้วคนอื่น ทำไม่ได้เหรอ ก็นี้มันปลายรัฐบาลแล้ว จะให้ปรับ ครม.อย่างนั้นเหรอ ปรับคนใหม่แล้ว จะมีเวลาหรืออย่างไร เพราะมองว่าจะต้องทำงานในฐานะรัฐมนตรีให้เกิดประโยชน์และต้องขับเคลื่อนงานรัฐบาลหลายเรื่องเช่นเศรษฐกิจฐานราก มาบอกว่าอันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ดี แล้วยังมาไล่ผมอยู่แบบนี้เหรอ”นายสนธิรัตน์ ย้ำ
ปัดพูดช่วงเวลา4รมต.จะลาออก
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าปัจจัยทำงานให้รัฐบาล ทำให้ต้องคิดมาก จะต้องลาออกได้เมื่อไหร่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า อย่างที่พูดหลายครั้งแล้วว่าขอดูประโยชน์การทำงาน เป็นตัวตั้งด้วยและดูเงื่อนไขทางการเมืองและตนพูดเสมอว่าทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน เมื่อถามว่า ทั้ง 4 รัฐมนตรีได้พูดคุยกันหรือไม่จะออกพร้อมกันเมื่อไหร่ นายสนธิรัตน์ ตอบว่า ต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสม จะเป็นเมื่อไหร่นั้น ไม่ตอบแล้วเพราะพูดอยู่ทุกวัน
รับไม่ว่าครม.ทำอะไรถูกวิจารณ์
ส่วนที่เราถูกวิจารณ์ว่าในการประชุม ครม.สัญจร เราจะเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เลขาธิการพรรค พปชร.มองว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ถูกวิจารณ์ทุกเรื่องอยู่แล้ว อยากให้ดูเนื้อหาเพราะประเด็นทางการเมือง เกิดขึ้นได้ทุกวัน ครม.สัญจรคือ ลงไปดูแลประชาชน เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น หากบอกว่า การทำให้ประชาชนดีขึ้น เป็นการหาเสียงก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับครม.ด้วย เพราะเราคิดว่าต้องดูประโยชน์ประชาชน เป็นตัวตั้ง อย่ามองแค่ว่าใครได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ เพื่อหยิบเป็นประเด็นทางการเมือง
ชงกก.บห.ทำโพรมารีชื่อนายกฯ
เมื่อถามถึงผู้ที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกฯในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าได้เสนอคณะกรรมการบริหารพรรคแล้วเสนอให้ทำไพรมารีโหวตกับรายชื่อที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯโดยให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศ แสดงความคิดเห็นเพราะคนที่จะได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกพรรค ซึ่งกรรมการบริหารก็เห็นด้วย หรือ ถ้าทำได้ดีกว่านั้น ก็อยากให้รับฟังเสียงประชาชนจากทั่วประเทศด้วยซ้ำว่า ถ้าพรรคพลังประชารัฐ มีผู้ที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯตามรายชื่อดังนี้ ประชาชน จะคิดว่าใครเหมาะสมที่สุด เพราะพรรคนี้เป็นของประชาชน ต้องฟังเสียงประชาชน ส่วนจะเสนอกี่ชื่อขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค เมื่อได้รายชื่อผู้ที่เหมาะสมแล้ว ถึงจะไปทาบทาม
เชื่อทันเดตไลน์ ปัดไม่เคยทาบ‘บิ๊กตู่’
เมื่อถามว่าเคยเปรยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ว่าพรรคพลังประชารัฐ จะขอทาบทาม นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ไม่เคยเปรย และไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเอากับเราด้วยหรือไม่และจะเป็นนายกฯอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่ได้บอก และตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าประชาชนจะนิยมคนไหน ขอทำตามขั้นตอนของพรรคก่อน ถ้าทำไพรมารีโหวตเสร็จแล้ว ได้รายชื่อออกมา 3 อันดับ ต้องเรียงไปว่าถ้าอันดับ 1ไม่เอาก็ต้องเป็นอันดับ 2 และอันดับ 2ไม่เอา ก็ต้องเป็นอันดับ 3 อันนี้ คือ หลักการทำงาน ไม่มีใครตอบได้ ตอนนี้ว่าจะเอาใคร รับรองทันเดตไลน์แน่
สั่งฝ่ายกม.ดูงานระดมทุน600ล้าน
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงการจัดงานระดมทุนพรรคในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 600 ล้านบาทนั้น จะขัดคำสั่งคสช.หรือไม่ว่า ฝ่ายกฎหมาย กำลังดำเนินการเรื่องนี้ ต้องดูว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ เราไม่มีเจตนาฝ่าฝืนใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงการหาเงินเพื่อเตรียมผู้สมัครในอนาคต การจะทำพรรคการเมือง จะต้องมีทุน จึงจำเป็นต้องจัดงานระดมทุนจากประชาชนเพื่อใช้ดำเนินการเรื่องต่างๆของพรรคโดยเราตั้งเป้าไว้ที่ 600 ล้านบาท จำนวน 200โต๊ะๆละ 3 ล้านบาทที่อิมแพค เมืองทองธานี
“สมศักดิ์”ลุยฟังปัญหาเกษตรกรสุโขทัย
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรในจังหวัดสุโขทัย 2 จุด คือ ต.หนองกลับ อ.สวรรคโลก ที่เพาะปลูกข้าวโพดหวาน และ ต.บ้านสวน อ.เมืองสุโขทัย ที่เลี้ยงโคไว้เพื่อจำหน่าย
โดยนายสมศักดิ์ได้กล่าวว่า เกษตรกรบางส่วนยังคงได้รับผลกระทบในเรื่องราคาสินค้าเกษตรซึ่งรัฐบาลก็ช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเรื่องข้าว,อ้อย เพราะไม่มีการควบคุมการปลูก แนวทางที่ดีที่สุดคือการทำ คอนแท็ค ฟาร์มมิ่ง ผูกสัญญาราคากันตั้งแต่ตอนปลูก หากอยากเห็นเกษตรกรอยู่ดีกินดี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องผลักดัน ให้เกษตรกรปลูกพืชผลตามที่ตลาดต้องการรวมถึงนำผลผลิตบางอย่างมาแปรรูปทำเป็นอาหารและหาตลาดส่งออกให้พวกเขามีอาชีพเสริม อยากเสนอให้รัฐกำหนดโควต้าการส่งออกวัวให้ชัดเจนหากส่งออกได้ 1หมื่นตัวต่อเดือน ผู้เลี้ยงโคก็จะสามารถอยู่ได้ วันนี้เราต้องคิดพลิกแพลง ให้เกษตรกร สามารถแปรรูปผลผลิตให้ได้ ไม่ใช่ขายของที่ปลูกได้แค่ด้านเดียว ขอจะเก็บข้อมูลอย่างละเอียดและไปทำนโยบายด้านเกษตรกรรมให้กับพรรคพลังประชารัฐ และผมเชื่อว่าชาวบ้านจะชื่นชอบ
หญิงหน่อยฝ่าฝนลุยเขตลาดพร้าว
วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.)ลงพื้นที่ตลาดอมรพันธ์ 9ย่านเสนานิคม 1 เขตลาดพร้าว รับสมัครสมาชิกพรรคทันทีที่เดินทางถึงฝนได้ตกลงมาอย่างหนักทำให้การรับสมัครสมาชิกพรรคเป็นไปด้วยความทุลักทุเล ซึ่งสมาชิกพรรคที่มาร่วมลงพื้นที่อาทินายวัฒนา เมืองสุข ที่ถูกวางตัวให้ ลง ส.ส.กทม.เขตบางแค ร้อยโทหญิง สุนิสา ทิวากรดำรง ที่ถูกวางตัวว่าจะให้ลง ส.ส.กทม.เขตลาดพร้าวและนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส กลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทย ถูกวางตัวลงส.ส.กทม.เขตบางกะปิ
ลั่นพท.พร้อมหาเสียงเมื่อปลดล็อก
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงผลการประชุม คสช.แม่น้ำ 5สายและพรรคการเมืองที่จะเปิดให้หาเสียงได้ในวันที่ 2มกราคม2562ว่าคสช.จะปลดล็อกเมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยพร้อมจะเลือกตั้ง แม้ระยะเวลาการหาเสียงจะน้อยลงทำให้ผลเสียตกกับประชาชนเนื่องจากมีเวลาพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครน้อยและการที่ คสช.ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้งแบ่งเขต เป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของกรรมการตัวจริง จึงถามกลับไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ว่าตกลงจะเป็นกรรมการหรือ ผู้เล่นกันแน่
คุณหญิงสุดารัตน์ยังเรียกร้องขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจนเสียทีว่า จะอยู่จุดไหนไม่ใช่ว่าเป็นคนร่างกติกา เป็นกรรมการ แล้วลงเล่นในสนามด้วยแต่พอเกมการแข่งขันเสียเปรียบก็วิ่งออกมาเป็นกรรมการเพื่อที่จะทำให้ตนเองได้เปรียบแล้ว วิ่งลงไปเป็นผู้เล่นต่อเพื่อต้องการชนะ แบบนี้จะไม่สามารถตอบใครได้ว่าเข้ามาเพื่อการปฏิรูปประเทศ ที่พูดแบบนี้ ไม่ได้เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออก แต่มองว่าเป็นจิตสำนึกที่ควรคิดได้ว่า ควรจะวางบทบาทไว้จุดไหน จะเป็นกรรมการหรือผู้เล่นควรเลือกให้ชัดเจนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ควรแทรกแซง เพราะจะทำให้การเลือกตั้งออกมา ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมได้
พท.อัดยับบัตรลต.ไร้โลโก้พรรค
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังตั้งข้อสังเกตว่าบัตรเลือกตั้งที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจสร้างความสับสนให้ประชาชนอย่างมาก เนื่องจากบัตรใบเดียว ต้องเลือกถึง 3 อย่าง และไม่มีการใส่โลโก้ของแต่ละพรรค จึงไม่ทราบว่า เหตุใด กกต.ถึงออกแบบบัตรเลือกตั้งมาลักษณะนี้
สมชัยชี้นายกฯเสนอแค่หนึ่งผู้ใช้สิทธิ์
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต กรรมการ กกต.ได้โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊คส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้บัตรเลือกตั้ง มีเพียงเบอร์และชื่อผู้สมัครเพราะบัตรเลือกตั้งที่สมบูรณ์ ควรประกอบด้วยหมายเลขที่จะให้เลือก ชื่อพรรค โลโก้พรรค และชื่อผู้สมัคร เคยมีแบบแผนปฏิบัติในอดีตและเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ให้เป็นบัตรใบเดียว เพื่อนำไปรวมเป็นคะแนนของพรรคทั้งประเทศ ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าชื่อพรรค หรือ โลโก้ของพรรค เป็นสาระสำคัญของการกาบัตร ดังนั้น บัตรเลือกตั้งที่สมบูรณ์ หากทำได้ จึงต้องคิดให้รอบคอบ
“การที่นายกรัฐมนตรี เสนอให้เหลือเพียงเบอร์และชื่อผู้สมัคร ถือเป็นเพียงเสียงจากประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา กกต.ข้อเสนอพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องให้บัตรเลือกตั้ง มีแค่เบอร์และชื่อผู้สมัคร ไม่มีโลโก้พรรคนับว่าแย่แล้ว ข้อเสนอที่เอาแต่ง่ายของสนง.กกต.ที่จะพิมพ์บัตรโหลแบบเดียวใช้ทั้งประเทศ ที่มีแต่เบอร์ผู้สมัครกลับแย่กว่าอีก กกต.คือต้องจัดการเลือกตั้งให้ดี เป็นการเลือกตั้งที่มีคุณภาพและผลการเลือกตั้ง สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน มิใช่จัดเอาแค่ง่ายๆสะดวกแค่เจ้าหน้าที่”นายสมชัย ระบุและย้ำว่าแนวคิดนี้ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แทนบัตรสองใบในอดีต ทั้งสร้างภาระความสับสนให้แก่ประชาชน เนื่องจากเบอร์พรรคที่ต่างกันไปในแต่ละเขต ทั้งเอื้อต่อการทุจริต ที่ตรวจสอบยากบัตรโกงเป็นของเขตใด
อนาคตใหม่อัดขัดเจตนารมณ์รธน.
ด้าน นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า บัตรเลือกตั้งที่ไม่มีชื่อพรรคการเมืองที่ผู้สมัครสังกัด ถือได้ว่าขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะคะแนนของผู้สมัครจะถูกนำไปคำนวณในสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคด้วย หากให้ประชาชนเข้าคูหากาบัตรใบเดียวโดยมีแต่รายชื่อของส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้เลือกโดยไม่มีชื่อพรรคแล้วโลโก้พรรคการเมืองให้ประชาชนช่วยดูประกอบก่อนตัดสินใจ ก็เหมือนให้ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ แต่ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้น
“ทั้งที่ในรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติวิธีการคิดคะแนนจากบัตรเลือกตั้งใบเดียวสำหรับทั้งการหาผู้ชนะส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและสัดส่วนส.ส.ที่แต่ละพรรคพึงมี เพื่อนำไปหักกับส.ส.ที่แต่ละพรรคชนะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตไปแล้วเพื่อเป็นจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ การเสนอเช่นนี้ก็สงสัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ กลัว พรรคอนาคตใหม่ที่กระแสความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆชนะการเลือกตั้งใช่หรือไม่”
กกต.แจงปมตัดชื่อ-โลโก้พรรคบัตรลต.
ทางด้าน นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชี้แจงถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบัตรเลือกตั้งที่ไม่มี โลโก้ของพรรคการเมืองและชื่อพรรคนั้นว่า ในการประชุมจัดทำแผน ขั้นตอนการดำเนินการทางการเมือง และแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อพรรคการเมืองเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีพรรคการเมือง 2 พรรค ถามถึงเรื่องบัตรเลือกตั้ง โดยได้ชี้แจงว่า เดิมที เราคิดว่าจะมีการใส่ชื่อและโลโก้พรรคในบัตรเลือกตั้ง แต่หลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆแล้ว
“พบว่าการใส่ชื่อและโลโก้พรรคในบัตรเลือกตั้ง อาจจะทำให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ เพราะบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์ขึ้นจะถูกใช้ในการเลือกตั้งทั้งในและต่างประเทศโดยเราจะต้องจัดส่งบัตรเลือกตั้งออกไปให้ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรตามเขตที่ผู้นั้นมีสิทธิจึงกังวลเรื่องการขนส่งบัตร หากเกิดปัญหา ผู้ที่ลงทะเบียน ไม่ได้รับบัตรเลือกตั้ง กกต.จะไม่สามารถจัดส่งบัตรเลือกตั้งสำรองให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ เพราะจะต้องส่งบัตรเลือกตั้งของเขตที่ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิ์ ดังนั้น บัตรเลือกตั้งจึงจะเหลือแค่หมายเลขและช่องกาบัตรเท่านั้น เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เลยบอกในที่ประชุมดังกล่าวว่า พรรคการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้”
นายณัฏฐ์ ยืนยันว่า การตัดชื่อและโลโก้พรรคออกจากบัตรเลือกตั้ง คสช.ไม่ได้แทรกแซงการทำงาน กกต.ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย เรื่องบัตรเลือกตั้งเป็นเรื่อง ที่กกต.กังวลถึงปัญหาการขนส่ง ไม่ได้เกิดจากปัญหาอื่น โดยภายในสัปดาห์หน้า ทางกกต.จะมีการพิจารณาเรื่องบัตรเลือกตั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเริ่มดำเนินการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งต่อไป
โพลชี้ปชช.93.5%ตั้งใจเข้าคูหาเลือกตั้ง
“กรุงเทพโพล”โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,200 ตัวอย่าง ในเรื่อง“คนไทยกับการเลือกตั้ง 62”พบว่าประชาชนเพียงร้อยละ36.8 ที่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ แต่ส่วนใหญ่ร้อยละ63.2ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ โดยข้อมูลที่ไม่ทราบมากที่สุดคือร้อยละ79.1 รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละพื้นที่ ร้อยละ62.8ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเลือก ส.ส.และร้อยละ 55.7ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับพรรคการเมืองต่างๆและร้อยละ 55.2ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับวัน/เวลา/สถานที่เลือกตั้ง แต่ที่สำคัญ ยังพบว่า ประชาชน ร้อยละ 93.5 ตั้งใจว่าจะไปเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 2562 และร้อยละ 2.6 ตั้งใจว่าจะไม่ไป โดยให้เหตุผลว่า ต้องเรียน ทำงาน ติดธุระ ร้อยละ 1.3 ส่วนร้อยละ 0.7 เบื่อหน่ายการเมือง
พบปชช.กังวลซื้อสิทธิ์ขายเสียง
นอกจากนี้ ยังพบว่าร้อยละ 67.9 มีความกังวลกับกับการเลือกตั้ง โดย ร้อยละ 45.2 กังวลการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ร้อยละ 31 กังวลการกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีกัน ร้อยละ 30.4 กังวลการใช้นโยบายประชานิยมเกินจริง ส่วนร้อยละ 32.1 ไม่มีเรื่องที่กังวล ส่วนการตรวจสอบทุจริตการเลือกตั้ง ซื้อสิทธิ ขายเสียงนั้นประชาชนร้อยละ 72.2 คิดว่าจะมีการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค, ยูทูป ในการตรวจสอบ โดยร้อยละ 53.8 จะใช้แจ้งเบาะแสให้ กกต. ทราบ ร้อยละ 52.1 มีการแชร์แอบถ่ายคลิป ร้อยละ 45.2 มีการแชร์แอบแต่ร้อยละ27.8 ระบุว่า จะไม่มีการใช้สื่อโซเชียล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี