ครม.อนุมัติปตท.สผ.ชนะประมูลรับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้ง 2 แปลงในอ่าวไทย เบียดเชพรอนหลังยื่นเงื่อนไขแบ่งสัดส่วนกำไรให้รัฐในอัตราที่สูง และกำหนดราคาขายถูกกว่าปัจจุบัน “ศิริ”เผย 10 ปี ประโยชน์ตกกับคนไทยและประเทศกว่า 650,000 ล้านบาท
13 ธ.ค.61 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร)กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน1 (หนองคาย บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภูและอุดรธานี) มีมติอนุมัติรายชื่อผู้ชนะการประมูลยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยแปลงจี1/61 หรือแปลงเอราวัณ และแปลงจี2/61 หรือแปลงบงกช โดยให้บริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตในแปลงสำรวจเอราวัณ ส่วนแหล่งบงกช มีบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตเช่นกัน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานกล่าวว่า จากการเปิดประมูลยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณและบงกช ทั้ง 2 แหล่งมีผู้เข้าประมูล 2 รายคือ บริษัทแรกนำโดยบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ส่วนอีกบริษัทนำโดย บริษัท เชฟรอน ไทยแลนด์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งการประมูลจะมีเกณฑ์พิจารณา 4 ข้อหลักคือ พิจารณาจากราคาก๊าซธรรมชาติตลอดอายุสัญญาตามสูตรราคาที่กำหนดในเอกสารเชิญชวน,ส่วนแบ่งกำไรของผู้รับสัญญาที่จะมอบให้รัฐบาล,โบนัสและผลประโยชน์พิเศษ และสัดส่วนของการจ้างพนักงานคนไทย
“ผลการประมูลสรุปได้ว่า ปตท.สผ.เป็นผู้ได้รับสิทธิผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตทั้ง 2 แปลง คือแปลงเอราวัณ ซึ่งเดิมเชฟรอน เป็นผู้ดำเนินการอยู่ และในแปลงบงกช ที่ในปัจจุบันปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการอยู่ โดยปตท.สผ.ยื่นเงื่อนไขในการประมูลที่ดีกว่าคู่แข่งให้กับประเทศที่จะได้รับ”
สำหรับในเงื่อนไขเกณฑ์พิจารณาทั้ง 4 ข้อมีรายละเอียดดังนี้คือแปลงเอราวัณ ในด้านราคาก๊าซ ปตท.สผ.เสนอราคาก๊าซคงที่เริ่มต้นที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู จากปัจจุบันเชพรอนคิดในราคา 165 บาทต่อล้านบีทียู ส่วนกำไรที่จะแบ่งปันให้รัฐเสนอมาที่ 68% เก็บไว้เอง 32% โดยตามกฎหมายผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสามารถเสนอรับกำไรสูงสุดได้ที่ 50%ของกำไร ด้านสัดส่วนการจ้างพนักงานนั้นทั้ง 2 บริษัทเสนอใกล้เคียงกัน โดยปตท.สผ.เสนอจ้างพนักงานไทยตั้งแต่ปีแรกเป็นต้นไปที่ 98% ขณะที่แปลงบงกช ปตท.สผ.เสนอราคาที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู เป็นราคาเดียวกับแปลงเอราวัณ จากปัจจุบันปตท.สผ.คิดราคาอยู่ที่ 214 บาทต่อล้านบีทียู สัดส่วนแบ่งปันผลกำไรให้รัฐอยู่ที่ 70% ปตท.สผ.รับไว้เอง 30% ใช้สัดส่วนพนักงานคนไทยตั้งแต่ปีแรกที่ 99%
“จะเห็นได้ว่าราคาขายก๊าซที่ผู้ชนะการประมูลคือปตท.สผ.เสนอมา ต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันค่อนข้างมาก ส่งผลให้การซื้อก๊าซธรรมชาติจาก 2 แหล่งที่คิดเป็นปริมาณกว่า 75% ของก๊าซที่ผลิตจากอ่าวไทย ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไปประเทศไทยจะสามารถซื้อก๊าซในราคาถูกลง ราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงทั้งการผลิตไฟฟ้า สำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถขนส่งเอ็นจีวีจะมีราคาถูกลงในอัตราเทียบเท่ากับ 550,000 ล้านบาทในระยะ 10 ปี หรือประหยัดลงได้ปีละ 55,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ได้จากการประมูลโดยตรงที่จะไปถึงผู้บริโภคในทันที หากนำทั้งหมดมาลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนจะลดลงได้หน่วยละ 29 สตางค์ ซึ่งปัจจุบันค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.60บาทต่อหน่วย หรือจะลดลงได้ 8% แต่เนื่องจากก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ต้องแบ่งไปใช้ในส่วนต่างๆ มีสัดส่วนใช้ผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 58% ที่เหลือใช้ทั้งภาคอุตสาหกรรมและรถขนส่งเอ็นจีวี ดังนั้นส่วนลดต้องเกลี่ยไปให้ทั้งหมดสำหรับผู้ใช้ทุกราย เมื่อเกลี่ยเฉลี่ยทั้งหมดแล้วส่วนลดค่าไฟฟ้าจะลดลง 17 สตางค์ต่อหน่วย”
ขณะเดียวกัน ในการประมูลครั้งนี้ปตท.สผ.ได้เสนอส่วนแบ่งกำไรในอัตราที่สูงให้กับรัฐ คำนวณแล้วรัฐจะได้เงินจากผลกำไรเพิ่มขึ้นเป็นเงินอีก 100,000 ล้านบาทในช่วง 10 ปีแรกของการผลิตในรูปแบบของค่าภาคหลวงและการแบ่งปันผลกำไรจากการผลิต ดังนั้นโดยรวมแล้วประโยชน์จากการประมูลครั้งนี้ทั้งผู้บริโภคในสังคมที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 550,000 ล้านบาท และมีเงินงบประมาณเข้ารัฐเพิ่มอีก 100,000 ล้านบาท ประโยชน์โดยรวมจึงอยู่ที่ 650,000 ล้านบาทในระยะเวลา 10 ปี
ทั้งนี้คาดว่าจะเชิญปตท.สผ.มาเจรจาและทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติโดยเร็ว เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนก.พ.2562 เนื่องจากระยะเวลาผ่านมานานและมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมการในการส่งมอบทรัพย์สินต่างๆจากผู้ผลิตรายเดิมให้ผู้ชนะการประมูล เพื่อผลิตก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่องไม่ให้สะดุดหรือขาดตอน เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องผลิตไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แบ่งเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตจากแหล่งเอราวัณ และ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตจากแหล่งบงกช โดยเริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี