ฉะ2พรรคใหญ่
‘พปชร.’ท้าหักบัตรคนจน
พท.เสียงอ่อยไม่กล้ายกเลิก
ปชป.ห่วงพฤษภาทมิฬภาค2
“พลังประชารัฐ” โต้เดือดถูกโจมตี “บัตรคนจน”รายวันท้า 2 พรรคใหญ่แน่จริงให้ประกาศยกเลิกโครงการดังกล่าวไปเลย ขณะ “เพื่อไทย”ยันไม่เลิก แต่จะสานต่อทำให้ดีกว่าเดิมพร้อมเสวนาอนาคตประมงอัดรัฐบาล“ลุงตู่”ยอมต่างชาติเกินไปจนตังเกไทยออกทะเลไม่ได้ ด้านปชป.ห่วงขัดแย้งรอบใหม่ ไม่มีใครยอมใครอาจเกิดพฤษภาทมิฬ2
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีแชร์คลิปโจมตีโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่าคนรวยก็ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะมีการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเคร่งครัดว่าเป็นผู้มีรายได้น้อยจริงๆ ส่วนที่จนไม่จริงรัฐบาลก็สั่งการให้ตรวจสอบแล้ว หากจนไม่จริงก็จะถูกยกเลิกบัตรทันที ซึ่งโครงการนี้เป็นประโยชน์กับพี่น้องคนยากคนจนอย่างมาก จะเห็นได้จากการที่พี่น้องคนยากคนจนต่างมีความสุขมากที่ไปกดเงินจนล้นตู้เอทีเอ็ม
นายธนกร กล่าวอีกว่า จากการที่ตนและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พปชร. ลงพื้นที่หาสมาชิก พี่น้องคนยากคนจนทั่วประเทศต่างฝากขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินโครงการนี้ และอยากให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนไม่เข้าใจพรรคการเมือง2พรรคใหญ่ที่ออกมาโจมตีเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลแจกเงินล่วงหน้า ทั้งที่นโยบายนี้ทำมาก่อนแล้ว หาก2พรรคใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ประกาศเป็นนโยบายของพรรคว่าจะยกเลิกไปเลย แต่ตนมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะนำนโยบายดีๆ ของรัฐบาลไปทำต่อ เพราะเป็นนโยบายที่ดี พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์
พท.ไม่เลิก-จะขอทำให้ดีกว่าเดิม
ด้าน นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่า พท.จะไม่ยกเลิกบัตรคนจน ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดจะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม และจะส่งเสริมพัฒนาให้ประชาชนมีความสุขมีความเจริญก้าวหน้า มีอาชีพมีรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนหายจน สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี
ทั้ง ยังวิจารณ์ว่า บัตรคนจนในยุคพล.อ.ประยุทธ์ เป็นการบริหารที่ร้การวางแผนแก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืน ไร้ฝีมือ ไร้ประสบการณ์ จะช่วยคนจนทั้งทีแต่เงินจำนวนมหาศาลกลับไหลไปให้กลุ่มทุนเพียงไม่กี่ราย ต่างจากแนวปฏิบัติของ พท.ที่เคยแก้ปัญหาความยากจนสำเร็จมาแล้ว และมั่นใจว่าไม่เกินความสามารถของทีมเศรษฐกิจ พท.ที่จะรับภาระหยุดความยากจนครั้งใหม่ให้แก่ประชาชนชาวไทยทุกคน เพราะเราเป็นมืออาชีพ
เพื่อไทยเสวนาอนาคตประมง
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยยังจัดเสวนาอนาคตประมงไทย โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง กล่าวว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา การบริหารจัดการที่ไม่เข้าใจ และยินยอมทำตาม ต่างชาติโดยไม่ได้พูดจาต่อรองให้เหมาะสมส่งผลต่อรายได้ โดยเฉพาะการส่งออกสัตว์น้ำ ซึ่งอดีตเคยส่งออกได้ถึง 1.6 ล้านตันต่อปี สวนทางกับการนำเข้าสัตว์น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รายได้จากการประมง ควรเป็นรายได้ที่นำมาพัฒนาหรือส่งเสริมประเทศได้ ในอดีตเรือประมงเคยมีอยู่ถึง 80,000 ลำ ปัจจุบันมีชาวประมงที่ออกเรือประมาณ 30,000 ลำเท่านั้น เหล่านี้คือปัญหา ที่แม้จะมีเรื่องของกติกาสากลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าบริหารจัดการ อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถนำรายได้จากประมงกลับเข้าสู่ประเทศได้อีกครั้ง ซึ่งมีผลต่อการยกระดับทางเศรษฐกิจ
‘ทษช’ห่วง’ลุงตู่’มาชาติถอย20ปี
ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวในงานเสวนาพิเศษ “เศรษฐกิจการเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง” ที่เซนทรัลลาดพร้าว ว่า อนาคตเศรษฐกิจและการเมือง ของ ประเทศไทยขึ้นกับผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ หากผลการเลือก ตั้งออกมาปรากฏว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เศรษฐกิจไทยจะถอยหลังไปอีกนาน 5-20 ปี และไทยจะล้าหลังเร็วมากเพราะการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไทยจะตามไม่ทัน
พร้อมระบุอีกว่า 4 ปีที่ผ่านมาการลงทุนชะลอตัวถึงเวลาแล้วที่ต้องได้คนมีความสามารถมาบริหารประเทศ ให้กลับมาเหมือนดังเดิม
แนะ’บิ๊กตู่’ถามประชาชนก่อน
ทางด้าน นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)กล่าวกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศยอมรับเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วนั้น ถือว่า เป็นเรื่องที่ดีจะได้ชัดเจนว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริง เพราะก่อนหน้านี้เวลาถามว่า เมื่อไหร่จะเลือกตั้ง ท่านจะหงุดหงิดเป็นพิเศษ วันนี้เมื่อท่านอยากเล่นการเมือง การเลือกตั้งก็คงมีจริงตามกติกาที่ท่านคิดว่าเป็นธรรมแล้ว
นายจุฤทธิ์กล่าวต่อว่าระหว่างที่ยังไม่มีใบเชิญเข้าบัญชีว่าที่นายกฯก็ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจให้ดีว่า ควรจะเล่นการเมืองดีหรือไม่และควรไปปรึกษาประชาชนกลุ่มต่างๆ เสียก่อนเช่นไปถามชาวสวนยางที่ลำบาก เพราะราคาตกต่ำมาหลายปีว่ายังจะเอาราคายาง 3 กิโลร้อยแบบนี้หรือไม่ ถามชาวสวนปาล์มที่รัฐบาลปล่อยให้มีการนำเข้าจนราคาตกมาถึงวันนี้ ถามพ่อค้าแม่ค้าที่นั่งมองตากันในตลาดสด เพราะยอดขายตกไป 70-80%ถามชาวสวนสับปะรดที่ต้องนำสับปะรดมาโยนทิ้งหน้าศาลากลางหลายจังหวัด เหตุราคาตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ถามชาวประมงที่กำลังลำบาก เพราะรัฐบาลเกาไม่ถูกที่คัน รอวันเจ๊งไปตามๆ กันว่า ยังจะเห็นชอบให้ท่านและพรรคพวกเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศอีกหรือไม่ เผื่อท่านจะได้คิดออก แล้วค่อยตัดสินใจว่า อยากเล่นการเมืองต่อหรือไม่
จุรินทร์ห่วงเกิดพฤษภาทมิฬ 2
วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวในเวทีการอภิปรายเรื่อง”การเมือง เศรษฐกิจหลังเลือกตั้ง 62”ในงาน”THAILAND Smart Money”ของเครือหนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ลาดพร้าวในการตอบคำถามเรื่องสถานการณ์การเลือกตั้ง’62 หลายประเด็น โดยนายจุรินทร์ ระบุว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะควบคุมการเลือกตั้งยังเป็น คสช. ไม่ใช่ กกต.และมาตรา44ก็ยังอยู่ตลอดการเลือกตั้งส.ส. การเลือกประธานสภา การเลือกนายกรัฐบาล ไปถึงการตั้ง ครม.
“สภาวการณ์เช่นนี้ยังจะอยู่ต่อไปอย่างน้อย 8 ปีหรือ 2 รัฐบาลเป็นอย่างน้อย เพราะบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญบังคับไว้ ซึ่งนอกเหนือไปจากระบบเศรษฐกิจตกต่ำแล้ว ยังมีจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งใหม่จะเกิดได้ เมื่อมีการบังคับเลือกข้าง ข้างแพ้ไม่ยอมรับ หรือ การเลือกตั้งไม่ยุติธรรม มีการโกงเลือกตั้ง ใช้อำนาจรัฐเอื้อบางพรรคการเมืองสู่การสืบทอดอำนาจ อาจนำไปสู่การปะทุความขัดแย้งถึงขั้นเกิดพฤษภาทมิฬภาค2ได้”นายจุรินทร์ ย้ำ
‘หนูนา’นำชทพ.เปิดสาขาเมืองคอน
วันเดียวกันคณะของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)นำโดย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้า เดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางไปสักการะพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช และศาลหลักเมือง กล่าวบูชาองค์จตุคามรามเทพ ก่อนที่จะเดินทางไปสำนักงานพรรคชาติไทยพัฒนา สาขานครศรีธรรมราช ที่ถนนประตูลอด อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
โดยน.ส.กัญจนาให้สัมภาษณ์ว่าสาขานี้เป็นสาขาพรรคภาคใต้แห่งแรกของชาติไทยพัฒนา เราเตรียมผู้สมัครพร้อมหมดแล้วทั่วประเทศส่งประมาณ 320 เขต เรามีความหวังว่าจะได้รับใช้พี่น้องในภาคใต้ โดยเฉพาะขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่มีปัญหาพอสมควร ทั้งปัญหา ราคาพืชผลการเกษตร ราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวและปัญหาการประมง ซึ่งจะช่วยปัญหาเหล่านี้เป็นหลักให้กับพี่น้องในภาคใต้
ส่วนจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนาคือเราไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใครไม่ทะเลาะเบาะแว้ง เพราะไม่ก่อประโยชน์กับประเทศชาติ ทำให้ประเทศหยุดอยู่กับที่ เพราะไม่ว่าใครทะเลาะกันคนเดือดร้อนคือประชาชนและเศรษฐกิจก็จะแย่
ยกผลงานบรรหารทำไว้เพียบ
อ้อนถึงไร้ สส.ไม่เคยทิ้งคนใต้
ทั้งนี้น.ส.กัญจนาได้พบปะกับสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้กว่า 500 คน โดยน.ส.กัญจนา กล่าวกับสมาชิกพรรคตอนหนึ่งว่าในส่วนของภาคใต้ พรรคชาติไทยพัฒนาได้รับใช้พี่น้องมาตั้งแต่สมัยของนายบรรหาร ศิลปาอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว แม้จะมีผู้แทนราษฎรบ้าง หรือไม่มีบ้าง แต่พรรคชาติไทยพัฒนา เราก็ไม่เคยทอดทิ้งซึ่งในอดีตนายบรรหาร เคยสร้างถนนจากอำเภอสะเดาไปมาเลเซียและปรับปรุงสนามบินภูเก็ตให้เป็นสนามบินนานาชาติ หลายคนคงจำได้ว่าหลังจากที่นายบรรหาร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางลงมาจ.สงขลา เป็นจังหวัดแรก เพื่อมาที่บ้านหัวเขาแดง อำเภอสิงหนคร มาดูปัญหาชาวประมง นอกจากนี้ ยังสั่งทำถนนลาดยางเข้าหมู่บ้าน และงานที่นายบรรหาร ภาคภูมิใจมากที่สุดคือโครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับว่าที่ผู้สมัครสส. 8 เขต ของชทพ.ประกอบด้วย เขต 1 นายวิโรจน์ พรหมสุด เขต 2 นายมณีเหมทานนท์ เขต 3 นายชยุต หนูสาย เขต 4 นายสมยศ หนูหนอง เขต 5 นายจอมไกร สวัสดิวงศ์ เขต 6 นายสิริบรรจบ คงใหม่ เขต 7 นายนิติศาสตร์ ทองสมัคร และเขต 8 นายวัชนะ งามขำ
นายกฯมอบคำขวัญ’วันเด็ก’ปี62
ผู้สื่อข่าวงานว่า ถือว่าเป็นพิธีปฏิบัติเป็นประจำเช่นทุกปี นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็กให้แก่เด็กๆจะเป็นกำลังสำคัญและเป็นอนาคตของชาติ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติปี 2562ซึ่งตรงกับเสาร์ที่2ของเดือนมกราคมทุกปี ตรงกับวันที่ 12 มกราคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มอบคำขวัญวันเด็กปี 2561 เป็นการเขียนด้วยลายมือ มีข้อความว่า”เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี