17 ธ.ค.61 ที่ จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย , นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม , นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี , อดีต ส.ส. , ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมพิธีทำบุญเปิดอาคารสำนักงานสาขาพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 4 (ภาคใต้) ซึ่งถือเป็นสาขาพรรคลำดับสุดท้ายที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการจัดตั้งหลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดสาขาพรรคที่ภาคกลาง ที่ จ.สมุทรปราการ , ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ และภาคอีสาน ที่ จ.อุดรธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเวลา 09.55 น.คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินทางมาที่เอทู รีสอร์ท เพื่อเลือกประธาน และคณะกรรมการสาขาพรรคเพื่อไทย บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีสมาชิกพรรค และประชาชน จำนวนมากมาร่วมกิจกรรม
คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคัดเลือกคณะกรรมการสาขา ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้ติดแผ่นป้ายหาเสียงขนาด A3 และต้องติดในจุดที่ กกต.กำหนดไว้ให้เท่านั้น ว่า คงไม่ใช่ปัญหาของพรรคเพื่อไทย เราโดนมาเยอะแล้ว ก็คงมีอะไรที่แปลกๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม อยากถามว่าการที่ กกต.ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งเพื่อให้คืนสู่ประชาธิปไตย การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด และอำนวยการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม และส่งเสริมประชาธิปไตย กับการที่พยามจะไม่ให้เกิดข้อมูลข่าวสารถึงประชาชนอย่างแพร่หลาย เช่น การกำหนดจำนวน หรือขนาดป้ายที่อาจจะไม่สามารถสื่อสารได้เท่าไหร่ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ออนไลน์ รวมไปถึงการที่บัตรเลือกตั้งไม่ต้องมีชื่อ หรือโลโก้พรรคเป็นการพัฒนาหรือส่งเสริมให้มีการรับรู้ด้านประชาธิปไตย หรือการเลือกตั้งให้ประชาชนมากน้อยแค่ไหน แล้วมีเหตุผลอะไรถึงทำแบบนี้ ควรจะเปิดเผย และสนับสนุนพรรคการเมืองให้เปิดเผยตัวผู้สมัครได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ควรสนับสนุนให้ทุกพรรคการเมืองได้พูดนโยบายอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสตัดสินอนาคตของเขา ว่าเขาอยากฝากอนาคต และความหวังไว้กับใคร แต่กลับเป็นการเลือกตั้งที่พยายามให้ข้อมูลไปถึงประชาชนน้อย พยายามให้เป็นการเลือกตั้งที่เป็นความลับ ผู้สมัครจะไปลงพรรคไหนก็อย่างไปรู้มาก เป็นใครก็ป้ายเล็กๆหน่อย ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตยกับแนวคิดแบบนี้
"ก็อยากให้ กกต.เป็นตัวของตัวเอง ผู้ที่มีอำนาจแล้วอยากกลับคืนสู่อำนาจเขาอาจจะทำงานหาแค่ 1 ใน 3 ของพรรคการเมืองที่ต้องหา เพราะเขามี ส.ว.250 คน อยู่แล้ว ก็ได้เปรียบมากอยู่แล้ว ช่วยตอบหน่อยว่าแบบนี้มีประโยชน์อะไรต่อประชาชน และประชาธิปไตย ถามมาหลายวันแล้ว" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ห้ามใช้ภาพของอดีตนายกฯ และบุคคลภายนอกในการหาเสียง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เขาก็บอกอยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อเขา เมื่อไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อเราก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เราก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำงาน แม้กติกาจะยากเย็น และเอารัดเอาเปรียบ เราก็สู้ แต่ทั้งนี้ กกต.ต้องตอบว่าระเบียบที่ออกมานี้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง และประชาชนที่จะออกไปใช้สิทธิอย่างไร กกต.ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของผู้มีอำนาจที่อยากกลับคืนสู่อำนาจ กกต.ต้องอธิบาย
เมื่อถามว่า ต้องฝากไปยังรัฐบาล หรือหัวหน้า คสช.ให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิยุติธรรมหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า คงไม่ฝากแบบนั้น เพราะวันนี้หัวหน้าคสช.ไม่ใช่คณะกรรมการกลาง ถ้าจะฝากก็คงบอกว่า อย่างมายุ่ง โปรดอย่าใช้อำนาจทำให้องค์กรอิสระต้องบิดเบี้ยว และต้องไม่ใช้อำนาจและอิทธิพลเข้าไปแทรกแซงหน่วยงานราชการในพื้นที่เพื่อให้คุณแก่พรรคการเมืองที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ต่อ
นอกจากนี้ ควรเป็นรัฐบาลรักษาการ เพราะวันนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น รัฐบาล และหัวหน้ารัฐบาลที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยังมีอำนาจเต็ม และใช้งบประมาณในโครงการที่เป็นชื่อเดียวกับพรรคการเมือง ประชาชนก็ต้องพิจารณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนตัวกลัวเกรงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่ใช้อำนาจรัฐ และอำนาจเงินมากที่สุด กกต.ต้องช่วยทำให้ศักดิ์สิทธิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี