‘สดศรี’ถล่มบ้านเก่า จี้ กกต.บอกนายกฯเดินเองได้ไม่ต้องพึ่ง‘ม.44’
วันที่18 ธ.ค.61 โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ สมาคมแห่งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง จัดการเสวนาการเลือกตั้งคุณภาพกับอนาคตประเทศไทยภายหลังการเลือกตั้ง
นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการ กตต. กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการปฏิวัติของ คมช. มีบทบาทควบคุม กกต.มากกว่า คสช. แม้ที่ผ่านมาจะมี มาตรา 44 แต่ก็เชื่อว่าคำสั่ง คสช. ที่ 16/61 เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่เราขอร้องเขามากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่แก้ปัญหาลำบาก ส่วนประเด็นบัตรเลือกตั้งแบบโหลที่หลุดออกมาเนื่องจาก กกต.จะทำบัตรยากมาก การพิมพ์บัตร 350 แบบ มีโอกาสพลาด ถ้าพลาด กกต.ทั้ง 7 คน ต้องโดนก่อน
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้ง กกต.ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องยาก กกต.เป็นองค์กรที่ต้องชี้ขาดว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ ซึ่งครั้งนี้ไม่ค่อยได้ยินเสียงกกต.ทั้ง 7 คน แต่กลับได้ยินแต่เสียงเลขาธิการ กกต. และรองเลขาธิการ กกต.
“กกต.กลายเป็นตำบลกระสุนตก บางครั้งอาจได้รับคำสั่งอะไรมา แต่ต้องใช้ดุลพินิจว่าคำสั่งใดจะทำให้ติดคุกหรือไม่ ถ้าติดคุกก็อย่าทำ ความกล้าเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อไม่กล้าความเสื่อมจะตามมา การทำงานครั้งนี้ กกต.ต้องแสดงฝีมือ อย่าให้เสียเปล่า ต้องชี้ขาดในสิ่งที่ถูกต้อง การเฉยไม่ทำให้สถานภาพของกกต.ดีขึ้น อาจถูกมองว่าอ่อนแอ ไม่เป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง ต้องจัดการเลือกตั้งให้สุจริต เที่ยงธรรม เพื่อชี้ชะตาบ้านเมือง ประชาธิปไตยจะเดินทางไปด้วยดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับกกต.” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า อยากฝากถึงนายกฯ ว่าการใช้ม.44 แม้จะใช้ด้วยความหวังดี แต่สิ่งที่ตอบแทนกลับมาอาจจะลบสิ่งดีๆ ที่ท่านสร้างไว้ 5 ปี หลังจากนี้ขอให้สงสารกตต. ท่านเซ็ตซีโร่ กกต.ไปแล้ว 1 คณะ ขอให้คณะนี้ได้เดินต่อไป ซึ่งเชื่อว่า กกต.ทั้ง 7 คน จะสามารถทำได้ ขอให้กกต.พูดกับนายกฯตรงๆ ว่าขอบคุณที่ช่วยใช้ ม.44 แต่หลังจากนี้กกต.เดินต่อเองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ ม. 44 หรือเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆมาช่วยแล้ว
สำหรับประเด็นป้ายหาเสียงที่ห้ามขึ้นภาพบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง นางสดศรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กกต.หวังดีไม่อยากให้พรรคการเมืองถูกตีความกฎหมาย กรณีนายชวน หลีกภัย ยังเป็นสมาชิกพรรค การติดภาพสามารถได้เพราะไม่ใช่การชี้นำ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ การนำภาพที่ถ่ายคู่กับบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมือง กกต.อาจตีความว่าเป็นการครอบงำพรรคหรือผู้สมัคร ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคทันที แต่ที่ผ่านมาการอธิบายของกกต.ไม่ได้พูดให้ชัดว่าทำไมจึงใช้รูปนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ ส่วนพรรคชาติไทยหรือพรรคชาติพัฒนา จะใช้ภาพนายบรรหาร ศิลปอาชา หรือพล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วถือเป็นปูชนียบุคคล สามารถนำมาใช้ได้ เปรียบเทียบคล้ายกับการนำภาพพระเกจิ เช่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่มั่น มาติดในป้าย
ขณะที่นายเมธา ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการกกต. กล่าวว่า การเลือกตั้งคุณภาพอาจวัดได้ยาก ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ คุณภาพจะมองคู่กับปริมาณ กกต.จึงตั้งเป้ารณรงค์ให้มีผู้มีสิทธิไปลงคะแนนไม่น้อยกว่า 80% บัตรเสียไม่เกิน 2% เพราะถ้าขยับเป็น 3 % คือ มีเสียเป็นล้านใบ ถ้ามองการเลือกตั้งคล้ายแข่งกีฬา ต้องมีผู้เล่น กองเชียร์ และกรรมการ โดยทั้ง 3 ส่วนต้องอยู่ในกรอบกติกา ซึ่งเขียนเอาไว้แล้วว่าต้องแข่งกันแบบนี้ เชียร์กันแบบนี้ รัฐธรรมนูญปี 60 เขียนเรื่องการไปเลือกตั้งต่างจากฉบับปี 40 และ 50 โดยเขียนว่าให้ไปสิทธิเลือกตั้งอย่างอิสระ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ แปลว่าแม้ว่าเราจะชอบใครเป็นพิเศษไม่ได้หมายความว่าต้องเลือก แม้ว่าเขาจะบริการเราเป็นพิเศษ ฝากลูกเข้าโรงเรียน เวลาต้องเสียค่าปรับก็จ่ายน้อยลง แต่สิ่งเหล่านั้นอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
“ผมในฐานะคนข้างในเข้าประชุมกกต.ค่อนข้างบ่อยเห็นบรรยากาศความทุ่มเท ไม่เข้าใครออกใคร มีประโยคที่พูดกันเสมอว่า เราจะไปฟังคนอื่นทำไม เรามีอำนาจ หรือถ้าเราทำอย่างนี้จะไปเอื้อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ ประเด็นเขตเลือกตั้งที่ใช้ ม.44 อาจเป็นเพราะกกต.ทำงานไปแล้วไม่สบายใจ เช่น ในจ.ตาก มีผลต่างจำนวนประชากรระหว่างเขต 3-4 หมื่นคนหรือมีเรื่องร้องเยอะจนพิจารณาไม่ทัน ม. 44 จึงอาจเป็นความต้องการของหลายฝ่าย ส่วนเรื่องบัตรโหล ก็ชี้แจงหลายครั้งว่า ไม่ใช่ กกต.เตรียมไว้ 2 แบบ แต่ก็ถูกติชมมาโดยตลอด วันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า กกต.มีมติเลือกบัตรที่มีครบทุกอย่าง” นายเมธา กล่าว
หลังจากนั้นรองเลขาธิการ กกต. ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการสังเกตการณ์เลือกตั้งขององค์กรระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา กกต.ก็อนุญาตให้เข้ามา ไม่มีปัญหาและคิดว่าถ้าเข้ามาก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน ซึ่งพิธีกรถามย้ำว่า อำนาจในการพิจารณาให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งเป็นของ กกต.หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนายเมธายืนยันว่าเป็นอำนาจ กกต. ที่สามารถพิจารณาได้เอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี