30 ธ.ค.61 นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงสถานการณ์การเมืองปี 2561 ระบุว่า วันนี้ตนจะมาคุยกับทุกคนในวันก่อนวันสุดท้ายของปี 2561 อยากจะขอสรุปสั้นๆ เพื่อให้เอาไปพิจารณาวิเคราะห์ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกตั้งในปี 2562 เพราะกระแสต้องการเลือกตั้งเป็นกระแสหลัก เพราะประชาชนต้องการให้การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งการเมืองเชื่อมโยงไปกระบสถานการณ์ทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ ที่ย่ำแย่
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการเลือกตั้งก็จะมี 3 ขั้วใหญ่ คือ 1.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่เก่าแก่ 2.พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองที่ครอบครองอำนาจยาวนาน และ3.พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่มีพลังอำนาจ และอำนาจแฝงหลายอย่าง ซึ่งเป็นขั้วอำนาจของรัฐบาลปัจจุบัน ส่วนพรรคอื่นๆ ไม่สามารถที่จะชิงเก้าอี้ผู้แทนราษฎรได้พอเพียง
พรรคแรก คือ พรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อม ทั้งเรื่องอำนาจสนับสนุน แกนนำหลัก 4 คน นโยบายชื่อเดียวกับชื่อพรรค การหาเสียงก็ชัดเจนว่าใช้นโยบายนำเสนอ หรือสานต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน สำหรับ จุดแข็งของพรรค คือ มีทุนที่ใช้อย่างเปิดเผยโดยการระดมทุน ส่วนทุนที่ไม่เปิดเผยยังไม่ทราบ ทั้งนี้ พรรคพลังประรัฐสามารถกวดต้อนส.ส.อาวุโสให้ย้ายจากพรรคอื่นๆ ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐได้
ส่วนความที่ไม่พร้อม คือ ประชาชนไม่ได้มีความคิดโน้มน้าวหรือสนับสนุนพรรคเท่าที่ควร การลงพื้นที่กระแสการตอบรับไม่ได้รับผลตามที่ผู้บริหารพรรคต้องการ โดยตัวของพรรคไม่มีนโยบายของพรรคที่ชัดเจน เพราะยังไม่เห็นตัวหัวหน้า เลขาพรรค ออกมาแถลงนโยบายอย่างชัดเจนว่าหากเป็นรัฐมนตรีแล้วจะมาบริหารประเทศอย่างไร แต่กลับเอานโยบายของรัฐบายปัจจุบันไปหาเสียง จึงไม่เห็นว่านโยบายที่แท้จริงเป็นเช่นไร เรื่องนี้เป็นผลอย่างมากในการช่วงเลือกตั้งจริง
สำหรับ พรรคเพื่อไทย ต้องยอมรับว่าเป็นรัฐบาลที่ยาวนาน จุดแข็ง คือ ชัยชนะการเลือกตั้ง เพราะมีฐานสนับสนุนจากประชาชนอย่างเหนียวแน่น คำนวณได้ว่าจะได้ส.ส.กี่ที่นั่ง ฐานสนับสนุนเลือกตั้งชัดเจน รวมถึงมีส.ส.ใน ปี 2554 ลงสมัครเลือกตั้งอีกครั้งในนามพรรคเพื่อไทย
จุดอ่อนของพรรคเพื่อไทยนั้น จะมีปัญหากับการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งพรรคประกาศชัดว่าพรรคไทยรักษาชาติ “ทษช.” และ ทษช.ก็ประกาศชัดว่าจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงแค่ 100 คน ซึ่งคาดว่าจะให้พรรคเพื่อไทยลง ซึ่งอาจจะทำให้ส.ส.ไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้ ทั้งนี้ ยังมีพรรคเพื่อชาติที่มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ประกาศว่าจะลงผู้สมัครครบทั้ง 350 คน การแยกพรรคทำให้การแบ่งพื้นที่ลงส.ส.คือจุดอ่อน และการเสนอนโยบายยังไม่ชัดเจน
และสุดท้าย คือ พรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมในการเลือกตั้งและมีฐานเหมือนคะแนนเสียงเหมือนพรรคเพื่อไทย ผู้สนับสนุนเหนียวแน่น และจำนวนมวลชนก็ไม่ได้ลดลงยังอยู่ในระดับ 10 ล้านเสียง รวมถึงอดีตส.ส.ที่ลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจนในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะมีแค่พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่พร้อมส่งผู้สมัครส.ส.เขต ครบ 350 เขต และมีนโยบายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมกว่าพรรคอื่นๆ ที่ก้าวหน้ากว่าพรรคอื่น ส่วน จุดอ่อนนั้น มีปัญหาเรื่องทุนสนับสนุนในการหาเสียงที่ชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี