3 ม.ค.62 จากกรณีมีข่าวจากพรรคเพื่อไทยระบุว่า แกนนำของพรรคได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะส่งชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีลำดับแรก ส่วนลำดับที่ 2 และ 3 จะเป็น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยพรรคจะเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯทันทีหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันให้เสนอชื่อได้นั้น
ล่าสุด เพจกรุงเทพ กรุงเทพ กระบอกเสียงที่มักรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แบบใกล้ชิดที่สุด ได้โพสต์อ้างอิงประเด็นข่าวความเคลื่อนไหวภายในพรรคเพื่อไทยดังกล่าว พร้อมระบุว่า
“เป็นข้อมูลจากสื่อ ตอนนี้ก็รอความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยครับว่า ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีลำดับแรก ถ้านับผลโหวต 2 คน ใครเหมาะเป็นนายกฯ นายชัชชาติ 80% คุณหญิงสุดารัตน์ 20%”
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมปรับแผนเสนอชื่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม ขึ้นเป็นเบอร์1 ชิงเก้าอี้นายกฯในโค้งสุดท้าย เนื่องจากโพลภายในพรรคมีคะแนนนิยมดีกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ก่อนที่จะกระแสข่าวออกมาหักล้างดังกล่าว
นอกจากนี้เพจดังกล่าว ยังได้ร่ายประวัติของนายชัชชาติ พร้อมกับประมวลภาพชุดขณะร่วมทำงานในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกด้วย โดยระบุว่า นายชัชชาติ มาจากสายวิชาการมาก่อน เคยเป็นอาจารย์วิศวฯ จุฬาฯ ทำให้เข้าใจงานภาคทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง การทำงานเชิงวิชาการที่ต้องมีข้อมูลสนับสนุน การทำงานกับระบบราชการและการนำเสนอเรื่องราวให้เข้าใจง่าย
การนำเสนอแผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ของนาย ชัชชาติ จะมีเหตุผลทางวิชาการกำกับเสมอ ทำให้ได้ใจคนชั้นกลาง ที่ต้องการเหตุผล กึ่งวิชาการ มาสนับสนุนแนวทางการดำเนินงาน
นาย ชัชชาติ ในฐานะนักวิชาการ ได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานและให้คำปรึกษาแก่กระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 และรัฐบาลสมัครโดยที่ไม่ได้มีตำแหน่งใด ๆ
จนกระทั่ง พ.ศ. 2555 เขาได้รับการทาบทามทางโทรศัพท์ จากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เขาก็ตกลง และเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555
จากการที่เขาเข้ามารับงานทางการเมืองเป็นครั้งแรก ทำให้ในช่วงแรกในตำแหน่งรัฐมนตรี เขากลายเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จักมากที่สุด และจากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อมา เขาก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555
เมื่อได้ขยับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการเต็มตัว ทำให้มีประสบการณ์การทำงานกับกระทรวงคมนาคม มาช่วยสนับสนุนการทำงานในฐานะเจ้ากระทรวง
บุคคลิกส่วนตัวของนาย ชัชชาติ คือ ที่เป็นคนไม่ก้าวร้าว ยอมรับความจริง มุ่งเน้นการแก้ปัญหารู้จักขอโทษประชาชน
ในขณะเดียวกันก็ไม่โบ้ยปัญหาไปให้พนักงานระดับล่าง เน้นการให้กำลังใจและแก้ปัญหาที่ตัวระบบหรือกลไกราชการที่ล่าช้า ซึ่งทำให้นาย ชัชชาติ ได้รับความนิยม ทั้งในหมู่ประชาชนทั่วไปและในหมู่พนักงานระดับปฏิบัติงาน ในฐานะรัฐมนตรีคมนาคมถือเป็นบุคคลระดับหัวกะทิของรัฐบาลในด้านการวางยุทธศาสตร์ของประเทศ
เขาได้รับการกล่าวถึงในฐานะรัฐมนตรี "ดูโอเศรษฐกิจ"ของรัฐบาลคู่กับกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ “ดูโอระบบราง” คู่กับประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟฯ ที่นโยบายของนาย ชัชชาติ ให้ความสำคัญกับการขนส่งระบบรางเป็นพิเศษ
ผลงานในช่วงที่เขาเป็นรัฐมนตรี อาทิ การแก้แบบสถานีกลางบางซื่อ ให้รองรับรถไฟความเร็วสูง การแก้แบบสายสีแดงเข้มจาก 3 ทางเป็น 4 ทาง การจัดซื้อจัดขบวนรถด่วนพิเศษ CNR จำนวน 8 ขบวน การเปลี่ยนรางรถไฟในภาคเหนือตอนบนทั้งหมด ให้ข้าราชการระดับ 9 ขึ้นไป นั่งรถเมล์มาทำงานแล้วรายงานปัญหา
นาย ชัชชาติ มีภาพลักษณ์เป็นรัฐมนตรีติดดิน ซ้อนจักรยานยนต์รับจ้าง โหนรถเมล์ นั่งรถสองแถว โดยสารรถไฟ ออกตรวจตราราชการในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อตรวจปัญหาด้วยตนเอง หลายครั้งที่เขาไปตรวจงานตามองค์กรของรัฐ โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
นายชัชชาติ เป็นรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากภาคการเมือง แม้จะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ตาม ทำให้ไม่ได้มีวิธีคิดแบบนักการเมืองเลือกตั้ง และไม่จำเป็นต้องสนใจคะแนนเสียง เน้นการทำงานบริหารอย่างเดียว จุดนี้จะคล้ายกับรัฐมนตรีคนนอก ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1ที่ประสบความสำเร็จ ในแง่การทำงานบริหารเช่นกัน
นี่ล่ะ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ !
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี