6 ม.ค.62 นายเอกพร รักความสุข หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ได้กล่าวถึงการหารือของคณะกรรมการบริหารพรรคในการทาบทามตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคพลเมืองไทย ว่า ในวันอังคารที่ 9 ม.ค.62 นี้ พรรคจะเริ่มทาบทามบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในนามของพรรคพลเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเปิดเผยให้ทราบในรายละเอียดต่างๆ เมื่อได้มติเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่น่ากังวลในเวลานี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและความชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเรื่องที่จะต้องพิจารณาใน 3 ประเด็น ดังนี้
1.ความสับสนทางการเมือง
ตั้งแต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61 แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดแนวทางเบื้องต้นที่จะเสนอให้มีการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 14 - 18 ม.ค.62 และมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 24 ก.พ.62 แต่ปรากฏว่า มีการหารือระหว่างผู้แทนรัฐบาลกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีแนวทางให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นวันเวลาใดที่ชัดเจน ทำให้เกิดความสับสนในการทำงานของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะต้องเตรียมพร้อมในการสมัครรับเลือกตั้ง
2.กฎหมายเฟ้อเกินความจำเป็น
ตามมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กำหนดให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วเสร็จภายใน 150 วันนับแต่วันที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีผลบังคับใช้ หมายความว่า ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จในวันที่ 9 พ.ค.62 อันเป็นการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเป็นเช่นนี้ การเลื่อนการเลือกตั้งจะส่งผลให้มีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งตกเป็นโมฆะ เสียเปล่า ดังเช่นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี พ.ศ.2549 และปี พ.ศ.2557 ดังนั้น การกำหนดเวลาในการเลือกตั้งจึงเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องมีหลักการที่ถูกต้อง แม้ว่า สภาพบ้านเมืองในช่วงนี้ จะนิยมการใช้อำนาจพิเศษ มาตรา 44 แก้ปัญหาทุกเรื่อง แต่การเลื่อนการเลือกตั้งด้วยอำนาจพิเศษเป็นการทำลายอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระในการตัดสินใจกำหนดวันเลือกตั้ง และไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะทำเกินกว่าหลักการที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ การชะล่าใจในการใช้กฎหมายอย่างไรก็ได้อาจเป็นปัญหาที่ใหญ่โตในวันข้างหน้า
3.การสืบทอดอำนาจที่ฝ่าสัญญาณไฟแดง
ทางออกที่จะเลื่อนการเลือกตั้งนั้น อาจจะต้องคิดแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ถ้าคนต้องการเลื่อนการเลือกตั้งอยากอยู่ในตำแหน่งนานขึ้น แต่การขยายเวลาเกินกว่า 150 วัน ย่อมแสดงถึงความพยายามสืบทอดอำนาจ เมื่อครั้งที่มีการพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีการกำหนดให้ใช้บังคับหลังจาก 90 วันที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยอ้างว่า เพื่อให้เตรียมการต่างๆ ได้ทันเวลา ต่อมาในเวลานี้ อาจจะต้องเพิ่มเติมจากเดิม หากคิดแก้ไขปัญหาด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ ย่อมเป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่า คณะผู้ปกครองส่งสัญญาณพิเศษที่ต้องการอยู่ในอำนาจนานขึ้น ซึ่งไม่ควรจะคิดเช่นนั้น คล้ายกับการขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง โดยเข้าใจว่า ไม่มีรถคันอื่นวิ่งสวนมา แต่การฝ่าไฟแดงย่อมผิดหลักการในการใช้ถนนร่วมกัน
การเลือกทางรอดหรือเลือกทางล่ม
จากสามเรื่องข้างต้นนี้ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง การทำหน้าที่ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จะต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมาย ความคิดใดๆ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มุ่งตามใจตนเองหรือไม่สนใจหลักการของบ้านเมือง อาจส่งผลร้ายให้ผู้คนหมดความหวังและหมดความเชื่อมั่นในระบบของสังคม ดังจะเห็นจากการตัดสินของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเรื่องการยืมนาฬิกาเพื่อน โดยไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งผลการตัดสินในลักษณะนี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ขัดต่อสามัญสำนึกของคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นนี้ เป็นเรื่องที่มีการเลื่อนมาแล้ว 4 ครั้ง โดยนายกฯ เป็นผู้ตอบชี้แจงมาโดยตลอด สาระสำคัญอยู่ที่ว่า บุคคลที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นคนๆ เดียวกับนายกฯ ดังนั้น ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ ไม่อาจปฏิเสธเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งและกระบวนการต่างๆ ในการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้การได้รัฐบาลชุดใหม่จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นความรับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องตั้งคำถามกับนายกฯ ถึงความรับผิดชอบทางการเมืองโดยตรง แม้ว่า จะมีคำกล่าวว่า "ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ" ก็ตาม สถานการณ์วันนี้ กลับเป็นเรื่อง "แป๊ะพายเรือล่ม" ได้ หวังว่าบ้านเมืองจะมีทางรอด และมีทางเลือกมากกว่าการนั่งเรือล่ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี