11 ม.ค.62 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ....โดยมีสาระสำคัญคือ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีมาตรการการจัดเก็บ รวบรวม และกำจัดซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ ทำให้ประชาชนทิ้งซากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวปนอยู่กับสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอย หรือขายให้กับผู้รับซื้อของเก่าทั่วไป การจัดการซากผลิตภัณฑ์อย่างเป็นพิธีทำให้มีการถอดแยกชิ้นส่วนและเกิดการรั่วไหลของสารพิษต่างๆ ออกไปยังสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอันตรายในระยะสั้น และสะสมตกค้างในระยะยาว ดังนั้น หากมีกลไกในการควบคุมการจัดการซากผลิตภัณฑ์ให้เป็นระบบและถูกต้องตามหลักวิชาการ จะป้องกันมิให้เกิดการรั่วไหลของโลหะหนักและสารพิษไปสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการรักษาสุขภาพของประชาชน อีกทั้งการคัดแยกชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์อย่างถูกต้อง จะทำให้สามารถนำกลับมาใช้ ใหม่ได้ เป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐศาสตร์อีกด้วย นอกจากนี้ ยังจะส่งผลเป็นการกระตุ้นให้เกิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและง่ายต่อการจัดการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฎหมายดังกล่าวยังห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งซากผลิตภัณฑ์ในที่สาธารณะ ที่รกร้างว่างเปล่า หรือทิ้งปนอยู่กับสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้ผลิตซึ่งหมายถึงเจ้าของยี่ห้อหรือเครื่องหมายการค้าบนผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จัดทำแผนความรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์เสนอต่อกรมควบคุมมลพิษ โดยต้องมีรายละเอียดได้แก่ ประมาณการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำหน่ายในแต่ละปี รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์รับคืนซากผลิตภัณฑ์และวิธีการรับคืน การจัดเก็บ การรวบรวม และการเก็บรักษาซากผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความสะดวกของผู้บริโภค เป้าหมายในการรวบรวมซากผลิตภัณฑ์ วิธีการขนส่งซากผลิตภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมไปยังโรงงานที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการรับคืน การจัดเก็บ การรวบรวม การเก็บรักษา การขนส่งซากผลิตภัณฑ์ และอันตรายจากซากผลิตภัณฑ์ โดยหากผู้ผลิตไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สมาชิกสนช.ส่วนใหญ่อภิปรายโดยแสดงความกังวลว่า กฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ที่ประกอบอาชีพรับซื้อของเก่าได้รับผลกระทบ รวมทั้งอาจจะทำให้ผู้ผลิตเกรงกลัวจนย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ที่ประชุมสนช.ได้อภิปรายกันพอสมควรแล้ว ที่ประชุมสนช.จึงลงมติรับหลักการในวาระแรกแห่งร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ด้วยคะแนนเห็นชอบ 170 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 2 เสียง พร้อมทั้งตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจำนวน 21 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน ระยะเวลาการดำเนินงาน 45 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี