ภาคประชาชนจี้นายกฯแก้ปม ส.ป.ก.-คนอยู่ในป่า ดันเป็น “วาระแห่งชาติ” ชงร่างแก้ไขกฎหมายเพิ่มวัตถุประสงค์ใช้ที่ดิน-เปลี่ยนมือ หนุนไอเดีย “เปลี่ยนส.ป.ก.4-01เป็นทองคำ’ยังสลักสิทธิ์ คุมใช้ประโยชน์ตรงจุด ยังเป็นที่ดินของรัฐ เชื่อไม่ตกถือมือนายทุน
เมื่อวันที่ 11มกราคม ที่ห้องประชุมสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กทม.เครือข่ายประชาชนที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน(ส.ป.ก.)และเครือข่ายผู้อยู่อาศัยในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรมกว่า300รายจากหลายจังหวัดอาทิจ.อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ราชบุรีและฉะเชิงเทรา เป็นต้น นำโดยนายสาธุ อนุโมทามิ เลขาธิการเครือข่ายพสกนิกรไทย รวมใจสามัคคี(คพ.รส.)ผู้ประสานงานเข้ายื่นข้อร้องเรียนพร้อมนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาและพัฒนาการปฏิรูปที่ดินส.ป.ก.4-01และที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ซึ่งมี พ.อ.คฑาวุธ ขจรกิตติยุทธ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนนายกฯมาผู้รับเรื่องแทน พร้อมด้วย ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมรับเรื่องและชี้แจงแนวทางดำเนินการเบื้องต้นของภาครัฐ
นายสาธุกล่าวว่าเนื่องจาก พ.ร.บ.สปก. พ.ศ.2518มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่ยากจน จัดสรรให้กับประชาชนที่ต้องการทำอาชีพเกษตรกรรม ไม่สามารถนำที่ดินไปทำวัตถุประสงค์อื่นได้เลย เป็นสภาพบังคับตามกฎหมาย แต่สภาพที่ดินหลายแห่งก็ไม่ได้เอื้อต่อการทำการเกษตรโดยเฉพาะการที่ที่ดิน ส.ป.ก.กว่า 40 ล้านไร่สามารถทำระบบชลประทานได้ราว 3 ล้านไร่เท่านั้น ตลอด 43 ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงปัญหาอื่นที่ส่งผลให้เกษตรกรตกอยู่ในภาวะยากจนดักดาน
นายสาธุ กล่าวว่า เครือข่ายฯขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาให้แก่เครือข่ายประชาชนที่อยู่ในเขต ส.ป.ก.และเครือข่ายผู้อยู่อาศัยในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม ดังนี้1.ให้แต่งตั้งคณะทำงานชุดพิเศษเพื่อนำร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ....ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ขึ้นมาพิจารณาเพื่อเพิ่มเติมวัตถุประสงค์การให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก.4-01และการเพิ่มอำนาจการบริหารจัดการให้กับสำนักงาน ส.ป.ก. ในการจำแนกที่ดินที่ไม่เหมาะสมกับการทำการเกษตรและเปิดให้ ส.ป.ก.มีอำนาจบริหารจัดการที่ดินให้ตรงศักยภาพของพื้นที่ 2.วัตถุประสงค์การใช้ที่ดินอื่นให้ดำเนินการได้โดยเก็บค่าตอบแทนตามลักษณะของการประกอบการ รายได้นำเข้ากองทุนนำไปใช้พัฒนาพื้นที่และการเกษตร โดยนำรูปแบบของกรมธนารักษ์มาใช้
3.เอกสารสิทธิ์ที่จะให้แก่เกษตรกรหรือผู้ที่ใช้ประโยชน์ที่ดินอื่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยใช้ใบสลักสิทธิ์ เปลี่ยน ส.ป.ก.4.01 ให้เป็น ส.ป.ก. 4.0 ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการที่ดินส.ป.ก.อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ซึ่งมีความเหมาะสมต่อสถานการณ์ของปัญหาและสภาพปัจจุบัน ซึ่งที่ดินยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก.แต่สามารถเปลี่ยนมือได้โดยการเสียภาษีและค่าธรรมเนียมอย่างเหมาะสมตามการจำแนกศักยภาพของที่ดิน และนำเงินรายได้นี้เข้า กองทุน ส.ป.ก.ถือว่าที่ดินยังเป็นของแผ่นดิน ไม่ตกไปถึงนายทุนอย่างที่กังวลกันแน่นอนและ 4.เสนอปรับเปลี่ยนแนวทางของคณะกรรมนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.)ให้สอดคล้องตามแนวทางที่ทางเครือข่ายฯ นำเสนอ
ทั้งนี้ ขอเสนอให้รัฐบาลได้เร่งรัดแก้ไขปัญหา โดยยกเป็น”วาระแห่งชาติ”เพราะรัฐบาลนี้มีความพิเศษที่จะสามารถใช้อำนาจและกลไกทางกฎหมายและนโยบายพิเศษที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ที่มีความวิกฤตให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ถ้าปล่อยให้ปัญหานี้ ยังดำรงอยู่ต่อไป ก็เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลต่อไปจะสามารถยกปัญหานี้ขึ้นมาแก้ไขได้เพราะมีความสลับซับซ้อน หากรอให้รัฐบาลปกติ ที่มีอำนาจไม่สมบูรณ์มาแก้ไขปัญหานี้ได้ จะเป็นการปล่อยให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส
ด้านพ.อ.คฑาวุธ กล่าวว่า รัฐบาลและคสช.รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนดีโดยพยายามแก้ไขมาตลอด โดยจะนำข้อสรุปจากการรับฟังความคิดเห็นประชาชนพร้อมเอกสารแนวทางต่างๆเพื่อนำไปศึกษาในรายละเอียด และนำเสนอต่อนายกฯต่อไป
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงต่อการนำเสนอนโยบายการแก้ไขปัญหาที่ดิน สปก.ให้แก่เกษตรกร โดยเป็นห่วงว่าจะทำให้ที่ดินของรัฐหรือ สปก.ที่มีไว้เพื่อทำการเกษตร อาจจะถูกเปลี่ยนไปเป็นของนายทุน จะทำให้อาชีพเกษตรกรจะหมดไปนั้นว่า ต้องขอขอบคุณ นายกฯที่ให้ความเห็นและแสดงความเป็นห่วงแนวคิดของ พปชร.ซึ่งตนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับนายกฯในการที่จะต้องรักษาที่ดินของรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สปก.ไว้เพื่อให้เกษตรกรทำอาชีพการเกษตรต่อไป และควรแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการปัจจุบัน
ด้าน นายพุทธิพงษ์ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกฯแสดงความห่วงใยในนโยบาย สปก.ของ พปชร.ว่าถือว่าเป็นจุดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า นายกฯ ยังไม่ได้รับการทาบทามจากพรรค พปชร.ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ตัดสินใจไปพรรคใดพรรคหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี