ศาลสั่งรวมคดีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง RDN 50 จัดม็อบ ถ.ราชดำเนิน โจมตีบิ๊กป้อม กดดัน คสช.เลือกตั้ง เข้ากับคดีรังสิมันต์ โรม อัยการโจทก์แถลงมีพยานสืบ 13 ปาก ส่วนจำเลยมีพยานแก้ต่าง 14 ปาก ดีเดย์นัดสืบพยานโจทก์ปากแรก 1 ส.ค.
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 14 ม.ค.62 ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมเพื่อตรวจหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน คดีชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง รวม 2 คดี คือ คดีหมายเลขดำ อ.1197 /2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 กรณีจัดชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้งที่ ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2561
คดีหมายเลขดำ อ.2893/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว อายุ 25 ปี , นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ อายุ 25 ปี , นายอานนท์ นำภา อายุ 33 ปี อาชีพทนายความ , น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ อายุ 39 ปี วิทยากรอิสระ , นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ อายุ 24 ปี นักกิจกรรม และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 25 ปี แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ชุด RDN50 เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุมชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ในที่สาธารณะ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558
กรณีสืบเนื่องเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2561 ได้ร่วมกันจัดการชุมนุม “หยุดยื้ออำนาจ หยุดยื้อเลือกตั้ง: หมดเวลา คสช. ถึงเวลาประชาชน” กล่าวโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
วันนี้อัยการโจทก์ และ จำเลยมาศาลตามนัด พร้อมทนายความ เว้นเพียงนายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ์ ที่ติดสอบอยู่ต่างประเทศ ซึ่งได้ขอพิจารณาลับหลังและศาลอนุญาต
ทั้งนี้ อัยการและทนายจำเลยคู่ความทั้งสองฝ่ายได้แถลงร่วมกัน ยืนยันว่าเหตุทั้ง 2 คดีเกิดขึ้นในวันเดียวกัน มีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน หากรวมการพิจารณาเข้าด้วยกันจะเป็นการสะดวก
ศาลพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย จึงอนุญาตให้รวมพิจารณาทั้ง2 คดีเข้าด้วยกัน โดยให้นายรังสิมันต์ โรม เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนนายสิรวิชญ์ กับพวกรวม 6 คน ให้เป็นจำเลยที่ 2-7 ตามลำดับ
โดยจำเลยทั้ง 7 คน แถลงแนวทางต่อสู้คดีร่วมกันว่า พวกจำเลยได้แสดงความคิดเห็น ติชมการบริหารประเทศของรัฐบาลโดยสุจริต ไม่มีเจตนาปลุกปั่น ยุยงให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนตามที่โจทก์ฟ้อง
ขณะที่อัยการโจทก์แถลงว่า มีพยานบุคคลรวม 13 ปาก โดยเป็นพยานปากสำคัญ 3 ปาก โดยพยานที่เหลืออีก 10 ปาก จะนำสืบให้เห็นถึงเหตุการณ์เป็นขั้นเป็นตอน ใช้เวลาสืบพยาน 5 นัด
ขณะที่ทนายจำเลยทั้ง 7 คน แถลงร่วมกันว่า ติดใจสืบพยานจำนวน 14 ปาก ใช้เวลา 4 นัด
ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่ 1 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ นายสิรวิชญ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลนัดมาเพื่อตรวจพยานหลักฐานคดีการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 61 โดยพยานหลักฐานที่นำมา อาทิ หลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนว่าเรามีสิทธิในการชุมนุมได้ รวมถึงคลิปวีดีโอที่เป็นความเห็นของนักวิชาการที่ชี้ให้เห็นสิทธิในการชุมนุม ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ ก็จะไปโต้แย้งในขั้นตอนการสืบพยาน โดยก่อนหน้านี้ตนให้การปฏิเสธว่าการชุมนุมครั้งนั้นเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
#แฟ้มภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี