10พรรคประชันกึ๋นแก้เหลื่อมล้ำ "มาร์ค"ชู7แนวทางแก้ไขปัญหา "เสี่ยท็อป"ชงตั้งสภาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ "ธนาธร"ย้ำต้องเปลี่ยนโครงสร้างสังคมก่อนแก้เหลื่อมล้ำ "นพดล"ดันนโยบายลดเวลาเรียนให้น้อยลง-เด็กไทยพูดได้3ภาษา
16 ม.ค.62 ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร โครงการความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดการเสวนา "มุมมองทางการเมืองต่อความเหลื่อมล้ำทางสังคม" โดยมีตัวแทนพรรคการเมือง 10 พรรคการเมือง เข้าร่วมในการเสวนา
โดย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำ มีสาเหตุจากการผูดขาดของเจ้าสัวและคนรวยในธุรกิจหลายๆอย่าง มาเป็นเวลานาน ไม่มีการกระจายให้กับชาวบ้าน และนักธุรกิจรายเล็กจะถูกกฎหมายหรือข้อบังคับจากรัฐบาลทำให้อยู่ไม่ได้ จึงเกิดความไม่เป็นธรรม ดังนั้น ทางพรรคเพื่อชาติจะยกเลิกการผูกขาด แต่ถ้าเป็นกิจการเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ก็มีความจำเป็น ส่วนเรื่องการศึกษา ตนเห็นว่า การสอบคัดเลือกใช้วิธีแพ้คัดออก ไม่ให้โอกาสผู้แพ้ในการศึกษา ควรให้โอกาสพัฒนา ในการศึกษาแบบตลอดชีวิต และครูดีๆ มักกระจุกในส่วนกลาง ทางพรรคแก้ปัญหาให้โอกาสครูที่ดีมีโอกาสไปสอนไกลและให้สวัสดิการที่ดี เพื่อให้เด็กต่างจังหวัดมีความทัดเทียมกัน และมีความเสมอภาค รวมถึงการกระจายการรักษาพยาบาลไปสู่ท้องถิ่นอย่างเพียงพอ โดยใช้งบประมาณพัฒนายกระดับทั้งหมดน้อยกว่าซื้อเรือดำน้ำลำหนึ่งเสียอีก
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าเราจะแก้ปัญหา เราต้องยอมรับความจริงว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ 1.ปัญหาเชิงโครงสร้าง เราจะแก้ไขปัญหาโดยใช้มาตราการเฉพาะหน้าคงไม่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงต้องเข้าไปปรับเปลี่ยน และ 2.ความเปลี่ยนแปลงของโลก ในระบบเศรษฐกิจ และทุนนิยม ขณะนี้เทคโนโลยีมีแนวโน้มทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ หล่ยอาชีพกำลังเสียอาชีพไปเพราะเทคโนโลยีมาทดแทน
ดังนั้น พรรคทางพรรคจึงมีแนวทางแก้ไขในปัญหาความเหลื่อมล้ำ 7 ประการ ได้แก่ 1.รัฐบาลต้องมีเป้าหมายในการกระจายรายได้ให้เป็นสิ่งสำคัญ ความเหลื่อมหล้ำที่เห็นได้ชัดจากรัฐบาล คือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เม็ดเงินไม่ได้หมุนเวียนในชุมชน ดังนั้นต่อไปหากรัฐบาลจะทำโครงการเช่นนี้ จะต้องมีการประเมินโครงการก่อน 2.ต้องจัดสรรทรัพยากรของชาติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 3.จัดการปัญหาการผูกขาดระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการต่างๆ 4.มีระบบสวัสดิการที่เป็นแนวคิดช่วยเหลือเกษตรกร เช่น โครงการประกันรายได้ ที่จะทำให้เกษตรกรไม่ขาดทุน 5.บริการพื้นฐานด้านสาธารณสุข และการศึกษา ต้องมีความเป็นธรรมมากขึ้น 6.ระบบสวัสดิการจะไม่มีประโยชน์ถ้าการพัฒนาระบบภาษีนังถดถอย เราต้องปรับระบบภาษี ให้คนที่มีกำลังจ่าย ต้องจ่ายมากขึ้น และ 7.การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยที่การเมืองจะต้องไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอีกต่อไป
ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำทางด้านปัญหาของเกษตรกรจะเห็นได้ว่าสังคมเมืองกับสังคมชนบทมีรายได้ที่ชัดเจน รวมถึงความเป็นอยู่ หัวใจสำคัญคือต้องช่วยเกษครกรมีทักษะ ต้องแก้ปัญหาที่ผลิตได้แต่ขายไม่ได้ ให้กลับมาขายได้ และปัญหาทึ่ผลิตได้แต่ประสิทธิภาพต่ำ เราต้องแก้ปัญหาโดยการลดต้นทุนทางการเกษตร ให้ชาวนาผลิตได้และมีประสิทธิภาพ เราจะแก้ไขโดยการนำเอาองค์ความรู้ หรือปราชญ์ชาวบ้านมาช่วยในการผลิตเกษตรกรรม
นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า อีกปัญหาต้นตอใหญ่ของความเหลื่อมล้ำ คือ การศึกษา จะเห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งหนึ่ง นโยบายทางการศึกษาก็จะเปลี่ยน ทั้งที่บางครั้ง รัฐมนตรีที่เปลี่ยนก็มาจากคนที่อยู่พรรคการเมืองเดียวกัน ดังนั้น เราจะต้องทำให้ ศธ.หลุดออกจากวงจรการเมืองพรรคชาติไทยพัฒนาจึงจะเสนอให้มีการตั้ง "สภาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ" เหมือนที่พรรคของเราเคยเสนอไปแล้วในปี 2538 ก็ประสบความสำเร็จ โดยคณะกรรมการของสภานี้จะต้องมีนิสิต นักศึกษา เข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย
"สิ่งสำคัญคือ กรรมการต้องมาจากคนทุกภาคส่วน แต่กรรมการชุดนี้อายุเฉลี่ยต้องไม่เกิน 60 ปี เราไม่เอาแบบกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีแต่คนหัวหงอกเข้ามา ทั้งที่กรรมการเหล่านั้นอาจจะมีอายุไม่ถึง 20 ปี ด้วยซ้ำ ทำไมเขาทำจะทำยุทธศาสตร์ชาติตั้ง 20 ปี เขาไม่มาถามพวกเรา นักเรียน เยาวชน ดังนั้น เราควรมาติดอาวุธทางปัญญา ให้กัย เยาวชน นักศึกษา เกษตรกร ชาวนา เลิกสู้กันในประเทศ แต่ติดอาวุธสมองไปสู้กับต่างประเทศ พรรคเราเคยทำสำเร็จในการแก้ไขความขัดแย้งตรงนี้มาแล้วในปี 2538 เราจึงเชื่อว่าเราจะทำสำเร็จอีก โดยมีพละกำลังนักศึกษาอย่างพวกคุณในห้องนี้เป็นกำลังสำคัญ" นายวราวุธ กล่าว
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ต้องดูว่าปัญหาเกิดจากอะไร มีคนบอกว่า คนไทยจนเพราะโง่ หรือจนเพราะขี้เกียจ แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ เป็นปัญหาโครงสร้าง โครงสร้างที่ทำให้สังคมก้าวหน้าไม่ได้ ทำให้สังคมไทยล้าหลัง คือ กลุ่มทุนผูกขาดทางเศรษฐกิจมาช้านาน กองทัพ ข้าราชการระดับสูง ชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม เป็นกลุ่มคนที่รวมตัวกันเพื่อผูกขาดอำนาจทางการเมืองและผูกขาดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทยมาอย่างช้านาน ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างได้จะแก้ปัญหาอื่นไม่ได้เลย
ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยนับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะระบบอุปถัมภ์ ระบบการเล่นพรรคเล่นพวก กลุ่มอภิสิทธิ์ชน กลุ่มที่เป็นผู้นำในสังคมซึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่มีพลัง กุมอำนาจค่อนข้างจะเบ็ดเสร็จ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและเครือข่าย จึงมีนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพิ่มแหล่งเงินทุน และสิ่งสำคัญที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เน้นกระจายรายได้ มีมาตรการดูแลคนกลุ่มใหญ่ในสังคม ทั้งภาคเกษตรกร โดยพยุงราคาพืชผล นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ สร้างโอกาสให้คนทุกกลุ่ม ให้เข้าถึงสิทธิการศึกษา และสาธารณสุขอีกด้วย
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่สำคัญที่สุด และการแก้ไขปัญหา คือ โอกาสทางการศึกษา การประกอบอาชีพที่ถูกต้องโดยไม่ผิดกฎหมาย การได้รับบริหารทางสาธารณสุข การเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกัน แนวทางแก้ปัญหาของพรรคมี 3 แนวทาง ได้แก่ 1.ปรับแนวคิดของภาครัฐ เช่น การออกกฎหมาย นโยบายภาครัฐ 2.การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง 3.ความเหลื่อมล้ำของหน่วยงานราชการเอง ลดอำนาจรัฐและเพิ่มอำนาจประชาชน
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ตัวแทนจากพรรคชาติพัฒนา ระบุว่า เมื่อช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนมากขึ้น ปัญหาทางสังคมจะเกิดขึ้นตามมา เช่น การศึกษา รายได้ เพราะฉะนั้น จะกระจายอำนาจอย่างไร โดยเฉพาะส่วนใหญ่ คือ เกษตรกร รัฐต้องลงทุนทางการพัฒนาทางการเกษตรอย่างจริงจัง ดิน น้ำ ต้นทุนทางการเกษตร เช่น การพัฒนาแหล่งน้ำ 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศและแหล่งน้ำเล็กๆ เพื่อให้เกษตรกรทำเกษตรกรได้ แม้จะต้องลงทุนมหาศาลก็ตาม รวมถึงการแปรรูปสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ตัวแทนจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ระบุว่า ประชาธิปไตยจะไปได้ดีเมื่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ใกล้เคียงกัน เช่น การศึกษา ทำอย่างไรให้ความเหลื่อมล้ำลดลง ทำอย่างไรให้เพิ่มคนชั้นกลางและเพิ่มเป็นคนชั้นกลางระดับบน คนที่จะเป็นนายกฯรัฐมนตรีที่เราไว้ใจให้มากที่สุดในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลนี้ต้องทำเรื่องลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาความเหลื่อมล้ำตอนนี้เพราะประชาชนรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนบ่นกันมาก เพราะเรากำลังเปลี่ยนยุคสมัยจากยุคเทคโนโลยีจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าเราเป็นรัฐบาลทำเท่าที่ทำได้ เน้นเรื่องการเกษตรให้เป็นหลัก พัฒนาภาคการเกษตรและภาคท่องเที่ยวชุมชนเชิงเกษตร เราไม่สามารถทำได้เก่งเท่ากับการพัฒนาทางเทคโนโลยีแต่เราจะสามารถทำได้ดีในภาคการเกษตรและธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เราถนัด
"สิ่งแรกต้องทำให้ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดี นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาปากท้อง วางแผนทางการเกษตรให้ดี เน้นการท่องเที่ยวชุมชน และเชิงนิเวศน์ สำหรับระบบขนส่งมวลชน ควรต้องส่งเสริมรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เพราะช่วยลดการใช้น้ำมัน แต่รถเมล์ยังจำเป็น และในพื้นที่กรุงเทพฯ คนใช้รถมอเตอร์ไซด์กันมาก จึงควรปรับปรุงให้ปลอดภัย และควรขยายระบบรถไฟไปในต่างจังหวัด" นายเอนก กล่าว
สุดท้าย นายนพดล ปัทมะ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย มองว่า ล่าวว่าความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ต้องดูแลประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส ด้วยการสร้างรายได้ สร้างโอกาส สร้างอนาคต ด้วยแนวคิดเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างราคาข้าวไม่ควรมีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท การสนับสนุนปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงและป่าไม้มีค่า การใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาการเกษตรเพื่อลดต้นทุน การเปิดให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน สปก.มากขึ้นตลอดจนการใช้ค้ำประกันในธนาคารได้ การเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มผลิตผลและพื้นที่การเกษตร รวมถึงการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานด้วยการประกันรายได้ขั้นต่ำ 350 บาทต่อวัน การสนับสนุนการท่องเที่ยวในชุมชน
"การกระจายความเจริญด้วยการสร้างรถไฟความเร็วสูง ตลอดจนการกระจายโอกาสทางการศึกษาและเพิ่มคุณภาพโรงเรียนทั่วภูมิภาค ความจนต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียน ด้วยการสนับสนุนการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัยตลอดจนการเรียนการสอนที่ทำให้เด็กคิดเป็น ลดการเรียนในห้องเรียนน้อยลง และสามารถสื่อสารได้ 3 ภาษา รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ กยศ.เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับนักศึกษา" นายนพดล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี