“วิษณุ” ขู่ เก็บประชาชนโยงใบแดงได้หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมา สอนมวย “กกต.” จะบีบตัวเองให้เวลาทำงานกระชั้นชิดทำไมเสี่ยงเสียหาย เหน็บ ในประเทศมีสงสัยอยู่คนเดียว นักกฎหมายเขาเห็นตรงกันหมด
18 ม.ค. 62 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ปลัดจังหวัดแห่งหนึ่งสั่งเก็บบัตรประชาชน โดยให้เงินเจ้าของบัตร 500 บาท ถือเป็นการซื้อเสียงหรือไม่ว่า หากมีการกระทำเช่นนั้นจริงถือเป็นความผิดอยู่แล้ว ต้องดำเนินคดี โดย กกต. จะแจ้งความหรือสอบสวนเองว่า เป็นการกระทำของใคร ซึ่งแยกเป็น 2 ทางคือ คดีเลือกตั้ง และคดีอาญา และเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐถ้าได้รับเรื่องร้องเรียนหรือมีเบาะแสจะต้องเข้าไปดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง จะโยงไปถึงการให้ใบเหลืองและใบแดง ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อาจจะทำให้โยงไปถึงได้ถ้าทำคดีเป็น เพราะเมื่อมีเวลา พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง คนที่เป็นเจ้าของบัตรประชาชนจะไม่มีบัตรอยู่กับตัว ความผิดแม้จะทำก่อน แต่ผลก็ไปเกิดตอนนั้น อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย เพราะเคยเกิดมาเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ตอนเลือกตั้งกึ่งพุทธกาล ถือว่า เป็นความผิด และเรื่องดังกล่าว หากมีการร้องไปยัง กกต.จังหวัด ก็สามารถเก็บเรื่องไว้รอให้ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งได้ ซึ่งไม่เชิงเป็นการเอาผิดย้อนหลัง เพราะมีผลต่อเนื่องกัน
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังไม่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง แต่มีการร้องเรียนกันแล้ว ถ้ามีการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง การร้องเรียนจะยิ่งมีจำนวนมากกว่านี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า รับทราบ เป็นห่วงอยู่ แต่จะให้ตนทำอย่างไร
ต่อข้อถามว่า หากเรื่องร้องเรียนเยอะ จะกระทบการรับรองผลการเลือกตั้งที่ กกต.ระบุจะใช้เวลาน้อยกว่า 60 วันหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ทำให้มันได้ 60 วันสิ เขาให้ 60 วัน คุณก็จะเอาให้มันสั้นเอง โดยสร้างข้อจำกัดตัวเอง ติดโน่นติดนี่
เมื่อถามอีกว่า กกต.กังวลว่า ต้องประกาศผลให้ทันกรอบ 150 วัน นายวิษณุ กล่าวว่า กลัวมันมีได้ 2 ทาง คือ กลัวว่า ใช้ 60 วัน ซึ่งจะเกินกรอบ 150 วันแล้วจะมีปัญหา และกลัวอีกอย่างคือต้องกลัวด้วยว่า เมื่อไปสร้างข้อจำกัดตัวเองให้การประกาศผลต้องอยู่ในกรอบ 150 วัน มันจะทำให้การทำอะไรก็ตามไม่ละเอียด รอบคอบ จะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่า อย่างนี้จึงควรกลัวด้วยเหมือนกัน ดังนั้นวิธีการคือ ต้องหาความชัดเจนและถูกต้องให้ได้ โดยเป็นหน้าที่ กกต.อยู่แล้ว ส่วนการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ รัฐบาลไม่สามารทำได้ ผู้สมัคร ส.ส.หรือใครก็ส่งไม่ได้ เว้นแต่ กกต. แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถส่งเรื่องได้ เพราะยังไม่มีเหตุ ไม่มีเรื่อง ที่สำคัญ ศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ที่ปรึกษากฎหมาย อีกทั้งวันนี้ยังไม่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลย ถึงเวลา กกต.อาจจะทำได้ทันก็ได้ แต่ตนและใครๆ ยังคงยืนยันว่า การประกาศผลเลือกตั้งไม่รวมอยู่ในกรอบ150 วัน
“คนที่คิดว่า ต้องรวมถือว่า แปลกมาก ท่านไปเอาที่ไหนมา มีคนเดียวในประเทศไทย ผมยังยืนยันว่า กรอบเวลา 60 วัน กับ 150 วัน คนละอย่างกัน ก็ควรใช้เวลา 60 วันให้เต็มที่ จะไปบีบตัวเองให้มันเหลือ 40 กว่าวันทำไม และเรื่องนี้พูดก็พูด ตั้งแต่เริ่มต้นมา ก็บอกแล้วมีคนสงสัยอยู่คนเดียว คนอื่นไม่มีใครเขาสงสัย คุณอ่านรัฐธรรมนูญเป็นคุณก็รู้ ถ้าเชื่อคนนั้นคนนี้ไปถึงศาลแล้ว ศาลไม่เอา ก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นเมื่อยังไม่ถึงศาลก็ใช้สามัญสำนึกของเราเองคิด ไปถามนักกฎหมายทั้งหลายดู” นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามว่า หาก พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งประกาศออกมา กกต.สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่ใช่แค่สงสัยแล้วไปยื่น มันต้องมีความขัดแย้งระหว่างองค์กร เช่น รัฐบาลขัดแย้งกับ กกต. ซึ่งกรณีถ้ารัฐบาลและ กกต.เห็นตรงกันก็จบ ขณะที่พรรคการเมืองไม่ถือเป็นองค์กรที่มีส่วนได้เสีย เพราะเลือกตั้งแล้วก็จบ พอเลือกตั้งแล้วจะประกาศผลช้าหรือเร็วเป็นเรื่อง กกต.
เมื่อถามย้ำว่า หากเลยวันที่ 9 พ.ค.ไปแล้ว มีคนสงสัยแล้วไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อย่างนั้นถือเป็นความขัดแย้งแล้ว แต่ความขัดแย้งแบบนี้ไม่ค่อยดี เพราะถ้าไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วศาลวินิจฉัยว่าเลยกรอบมันทำไม่ได้ จะมีปัญหา เพราะไม่สามารถย้อนเวลากลับได้ และถึงตอนนั้นไม่ใช่ กกต. ประชาชนก็สามารถยื่นให้ตีความได้ จึงเป็นเหตุผลให้ กกต.พยายามจะทำให้ทันภายในเวลา150 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี