นายกฯออกแถลงการณ์
ซัดโจรใต้ป่วน
มุ่งสร้างเงื่อนไขขัดแย้ง
หวังดึงไปสู่ระดับสากล
ลอบเผารถชรบ.วอด2คัน
นายกฯออกแถลงการณ์ “สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้” ชี้ผู้ก่อเหตุมุ่งสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง ยั่วรัฐใช้กำลังปราบ หวังดึงสู่ระดับสากล วอนสื่อ-โซเชียลร่วมสร้างความเชื่อมั่น เฝ้าระวังคุมเข้ม “เป้าหมายอ่อนแอ” ยันยัง “พูดคุยสันติสุข” ต่อ “สุวพันธุ์” สั่งมอบ“พศ.”เยียวยาพระมรณภาพ-เจ็บ แม่ทัพ4ยัน388วัดในชายแดนใต้ยังบิณฑบาตปกติ ยังป่วนไม่เลิกลอบเผารถยนต์ ชรบ.โรงจอดรถ อบต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ 2คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงถล่มเข้าวัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้ พระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ และพระสมุห์อรรถพร(พระลูกวัด)มรณภาพ และ มีพระสงฆ์บาดเจ็บ เป็นเหตุให้คนไทยทั้งประเทศเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายกฯแถลงสถานการณ์ จชต.
เมื่อวันที่ 21 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทรืโอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ออกแถลงการณ์เรื่อง“สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้”โดยระบุว่าจากสถานการณ์ความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในระยะนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง มีความพยายามในการสร้างสถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพยายามดึงเข้าสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง อันจะทำให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยไปสู่สากลให้เกิดการรับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการใช้การเสนอข่าวของสื่อมวลชนและสื่อโซเชียลเป็นเครื่องมือในขณะที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้
มุ่งสร้างเงื่อนไขขัดแย้งไปสู่สากล
กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามใช้เหตุความรุนแรงที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาสเมื่อวันที่14ม.ค. ทำลายขวัญกำลังใจ ความอดทนในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีของไทย มุ่งหวังจะให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเข้าสู่เงื่อนไขสากลนำไปสู่การปฏิบัติการขององค์การระหว่างประเทศดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายพื้นที่ ในหลายประเทศ สังคมสื่อมวลชนสื่อโซเชียลและสื่อต่างๆ ควรเข้าใจประเด็นนี้ ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มการเฝ้าระวัง แจ้งข่าวสารไม่สนับสนุนความพยายามดังกล่าว
ย้ำเฝ้าระวังดูแลเป้าหมายอ่อนแอ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประชาชนซึ่งถือเป็นเป้าหมายอ่อนแอเช่นครู นักเรียน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนา ประชาชนทั่วไปรวมถึง เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ล้วนแต่ได้รับการดูแลและเฝ้าระวังอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าจากจำนวนและความกว้างขวางของพื้นที่ รวมถึงห้วงเวลาในการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนนั้น ทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงหรือร้อยเปอร์เซ็นต์ หากพื้นที่ใดต้องการให้มีการดูแลเป็นพิเศษ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหารหรือกอ.รมน.ภาค 4ได้โดยตรง ตลอดจนขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและให้ข้อมูลข่าวสารกับเจ้าหน้าที่ด้วย
รบ.-คสช.ขอให้กำลังใจทุกฝ่าย
“รัฐบาลและคสช.ขอให้ทุกคนให้กำลังใจประชาชนทั่วไป ผู้นำศาสนาทุกศาสนา ครู นักเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ทุกคนในพื้นที่ เพราะเขาอยู่ในพื้นที่เสี่ยง อันตราย และขอให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เคารพกฎระเบียบ กติกาที่ฝ่ายความมั่นคงกำหนด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เช่นการตั้งจุดตรวจด่านตรวจ การตรวจยานพาหนะ การตรวจค้นสถานที่ฯลฯ รวมทั้งขอให้สื่อมวลชน สื่อโซเชียล เสนอข่าวด้วยความระมัดระวังและพรรคการเมือง นักการเมือง หาเสียงด้วยความระมัดระวังเช่นกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความระมัดระวัง ป้องกันดูแลประชาชน และตนเองให้ได้ไปพร้อมๆกัน คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ พัฒนางานด้านการข่าวควบคู่ไปกับการปรับยุทธวิธีให้เหมาะสม โดยรัฐบาล และคสช.ยังคงบังคับใช้กฎหมายและบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ รัฐบาลและ คสช.ขอส่งกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และขอให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ปลอดภัยทุกคน
ยืนยันเดินหน้า”พูดคุยสันติสุข”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีระบุอีกว่า ในส่วนของการพูดคุยสันติสุข ยังคงดำเนินการต่อไปเพื่อให้ประชาคมโลกได้ทราบว่าเราได้ทำทุกมาตรการ ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงบางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วย จึงสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น อยากให้ประชาชนและสังคมได้เข้าใจมาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐทั้งภายในประเทศและต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมา องค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC ก็ให้การสนับสนุนแนวทางของไทยมาโดยต่อเนื่อง สำหรับนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่ม NGO ต่าง ๆ ขอให้เข้าใจและดูแลทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
สมช.เข้มคุ้มกัน’เป้าหมายอ่อนแอ’
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่าฝ่ายความมั่นคงได้ประณาม ผู้ก่อเหตุต่อเด็กและพระสงฆ์ เพราะถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำให้เฝ้าระวังและมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อดูแลประชาชน จากเดิมผู้ก่อเหตุมุ่งดำเนินการกับเป้าหมายไม่อ่อนแอทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร แต่ปัจจุบัน 4-5 เหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุ เปลี่ยนเป้าหมายมาไปที่ เป้าหมายอ่อนแอ ทางภาครัฐต้องไปเข้มงวดมาตรการให้มากขึ้น ส่วนผู้ก่อเหตุนั้น ได้เน้นย้ำจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายซึ่งเจ้าหน้าที่ กำลังสืบสวนอยู่และคงจะติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว
‘บิ๊กป้อม’ย้ำอย่าหลงยั่วยุให้ขัดแย้ง
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม(กห.)เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกล่าวถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ว่ารัฐบาลยังคงยึดหลักสันติวิธี ผ่านกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขที่ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เดินหน้าใช้แนวทางการพัฒนา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนมาโดยตลอด ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนรวมทั้งการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ประชาชนในพื้นที่อย่างเข้มงวด
โดย พล.อ.ประวิตรยังกำชับ ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ไม่หลงไปกับการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างศาสนา โดยให้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างมีสติและไม่ประมาท ไม่ผูกใจแค้น อาฆาต พยาบาท ในการติดตามและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด และขอให้ช่วยดูแลและปกป้องประชาชนที่บริสุทธิ์และสนับสนุนให้ทุกศาสนสถานในพื้นที่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ตามปกติเพื่อให้ประชาชนในทุกศาสนา ยึดมั่น ในหลักคำสอน เมตตา ให้อภัย และการไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน
มอบ’พศ.’เยียวยาพระมรณภาพ-เจ็บ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงการดูแลพระสงฆ์ในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการ พศ.รายงานผลการประชุมเหตุการณ์ให้คณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)รับทราบ โดยเบื้องต้นได้มอบให้ผอ.พศจ.ในพื้นที่เข้าไปดูแล จัดงานศพให้เรียบร้อยสมเกียรติ ให้ดูแลพระที่บาดเจ็บทั้ง2 รูป ให้ดูแลเรื่องการเยียวยาทั้งหมด เพื่อเสริมกำลังใจให้กับพระสงฆ์ ให้ยังคงทำหน้าที่ในพื้นที่ โดยเฉพาะพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และให้ประสานหน่วยงานความมั่นคงเพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในเรื่องนี้ว่าให้ทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด
ไทยพุทธ-มุสลิมแห่ให้กำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในวัดรัตนานุภาพว่ามีคนไทยทั้งพุทธและมุสลิมเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจ ร่วมแสดงความเสียใจจากเหตุร้ายที่เกิดขึ้นไม่เพียงมีพระสงฆ์ที่ถูกยิงเสียชีวิต ยังมีโต๊ะอีหม่ามมัสยิดถูกลอบยิงเสียชีวิตมาหลายคน กลายเป็นความรู้สึกร่วม ระหว่างประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดระยะเวลา15 ปียังไม่มีท่าทีจะสงบตามที่ทุกคนคาดหวัง
นายจำนัล เหมือนดำ ที่ปรึกษาผู้แทนพิเศษของรัฐบาลร่วมกับนายธนาธิป พรหมชื่น กำนันตำบลสุไหงปาดี นายใหญ่ดี ดือราแม กำนันตำบลโต๊ะเด็ง พร้อมชาวบ้านโคกโกจัดให้มีครัวมุสลิมขึ้นในวัดรัตนานุภาพ เพราะแต่ละวันมีพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามมา ร่วมแสดงความเสียใจและให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก โดยครัวมุสลิมจะจัดให้มีทุกวันจนกว่าเสร็จพิธี
ตัวแทนจุฬาราชมนตรี ลงเยี่ยม
ด้านนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ส่งตัวแทนนายศักดิ์กริยา บิลสาแหละ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย นายซากี พิทักษ์คุมพล รองเลขานุการจุฬาราชมนตรี เดินทางไปวัดรัตนานุภาพร่วมแสดงความเสียใจ และเข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับครอบครัวของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพและพระสมุห์อรรถพร(พระลูกวัด)ที่มรณภาพจากเหตุบุกยิงที่วัดรัตนานุภาพ โดยมีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าฯนราธิวาส และพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ จากนั้น คณะได้เดินทางไปโรงพยาบาลโกลกเพื่อเยี่ยมให้กำลังพระสงฆ์ที่บาดเจ็บ
ต่อมาคณะได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัว นายดอเลาะ สะไรโต๊ะอีหม่ามประจำมัสยิดบ้านปูโป๊ะหมู่ 2 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ที่เสียชีวิตเหตุคนร้ายยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่11 มกราคม พร้อมยังได้เข้าเยี่ยมบ้าน อิหม่าม อิสมาแอ มามะ มัสยิดบ้านตาเร๊ะ ต.กะมิยอ อ.เมือง จ.ปัตตานี ที่ถูก3คนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม2561ในบริเวณมัสยิดหลังละหมาด
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีเผยตัวเลขยอดอิหม่ามเสียชีวิตถูกยิงจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ในห้วงที่ผ่านมาจำนวน 12 คน
ยัน388วัดในจชต.ยังบิณฑบาตปกติ
ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน. )ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4สน.แถลงว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงพระสงฆ์ในพื้นที่จ.นราธิวาส มาตรการดูแลเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ ทางแม่ทัพภาค 4 สั่งการให้ไปสำรวจชุมชนล่อแหลม เป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ วัดทุกวัด ทุกสำนักสงฆ์ ทั้ง388แห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องมีการวางแผนในการรักษาความปลอดภัย ทุกวัดจะต้องมีเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหารกำลังภาคประชาชนจะเข้าดูแลอย่างน้อย1ชุดปฏิบัติการ เพื่อดูแลความปลอดภัย ส่วนข่าวลือ เรื่องงดบิณฑบาตนั้น ก็ไม่เป็นเรื่องจริง แม่ทัพภาค 4 ไม่เคยสั่ง ท่านสั่งเพียงแค่ให้ไปวางระบบรักษาความปลอดภัย ส่วนการบิณฑบาต จะห้ามไม่ได้ เป็นกิจของสงฆ์ ขณะนี้ทั้ง388วัด พระยังคงออกบิณฑบาตเหมือนเดิมตามปกติ
ป่วนลอบเผารถ ชรบ.บาเจาะ2คัน
เช้าวันเดียวกัน ร.ต.อ.สุพิชัย สร้อยนาค ร้อยเวร สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุเผารถยนต์ซึ่งจอดอยู่ภายในโรงจอดรถของสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลปะลุกาสาเมาะ ตั้งอยู่ หมู่2 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้รับความเสียหายทั้งคันรวม2 คันซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลา 03.30น.วันที่ 21มกราคม ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดวิทยาการและเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองของหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ได้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด
จากการสอบสวนนายรอมะมือลี ดือราแม เป็นชุดคุ้มครองหมู่บ้าน(ชรบ.) ทำหน้าที่เฝ้า อบต.ปะลุกาสาเมาะให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดไว้ในโรงจอดรถของ อบต.จากนั้นมานั่งเฝ้าเวรยามที่ป้อมข้างประตูทางเข้า อบต. ขณะเวลาประมาณ 03.00น.ได้ยินเสียงคล้ายไฟไหม้ที่บริเวณโรงจอดรถจึงวิ่งไปดู ก็เห็นไฟกำลังโหมไหม้รถยนต์ พร้อมมีเสียงดังระเบิดขึ้นจำนวน5ครั้งจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของอบต.มาช่วยกันฉีดจนไฟสงบลง
ส่วนสาเหตุครั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นก่อกวนของผู้ไม่หวังดี เนื่องจาก เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวเป็นชรบ.ในพื้นที่ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี