หนูไม่กลัวน้ำร้อน! เขย่า ‘บุรีรัมย์โมเดล’ สะเทือนถึงแคนดิเดตเก้าอี้ ‘นายกฯ’ ปั้นฝันสารพัดนโยบายภท. โดนใจปชช. ฮือฮา ‘กัญชาเสรี’ โดนใจสายเขียว เยิ้มทั้งแผ่นดิน
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการเปิดตัวผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย(ภท.) 350 ส.ส.เขต บวกอีก 150 แบบบัญชีรายชื่อ และการอาสาตัวอย่าง “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เบอร์ 1 ของพรรค ที่อาสาเป็น “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” ของเมืองไทย เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา สะท้านทุกตารางนิ้ว โดยเฉพาะบนพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ โซนอีสานใต้ อย่าง “บุรีรัมย์”
เชื่อว่า เสียงเชียร์จากพี่น้องประชาชนกว่า 3 หมื่นคนจากเมือง “ปราสาทสองยุค” ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนจากสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เข้าไปสร้างความหวาดหวั่นให้แก่บรรดา “แคนดิเดต” นายกฯ ของพรรคการเมืองต่างๆ ได้ไม่น้อย
นอกจากตัวผู้นำพรรคที่เมื่อส่องดู ถือเป็นคนทำงานที่ได้รับการยอมรับ กอปรกับผู้สมัครของพรรคก็เป็นอดีตส.ส.จำนวนมากแล้วนั้น ยังมีสิ่งที่โดดเด่น ถูกพูดถึงกันมาก คือนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่วันนี้ตรงต่อความต้องการของชาวบ้านแทบจะทั่วประเทศ ที่ต้องการให้แก้ปัญหาปากท้องก่อนการเมือง ภายใต้สโลแกน “ลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน”
ที่ตอนนี้เข้าไปเขย่าจิตใจของผู้ยากจน ให้เกิดความหวัง ที่จะเปลี่ยนแปลง หลังให้โอกาส “รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ” หรือ คสช. คืนความสุขมา 5 ปี ถือว่าระยะเวลาก็มากพอแล้ว บางสิ่งดีขึ้น บางสิ่งก็แย่ลง บางอย่างได้รับการแก้ไข แต่บางกรณีก็ยังมีความขัดแย้งฝังลึกอยู่ จำเป็นที่จะต้องคายบรรยากาศประชาธิปไตยให้กลับไปอยู่กับเหล่าบรรดาผู้แทนที่อาสาเข้ามารับใช้ประชาชน ผ่านการเลือกตั้ง ที่จะเป็นวัน ว. เวลา น. ไหนนั้น ต้องติดตามกันต่อไป
ขณะเดียวกันก็มีเสียงจากออกมา ต้องการความเปลี่ยนแปลง และภูมิใจไทย ก็เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่ชาวบ้านอยากทดลองให้โอกาส ด้วยมาตรฐาน “บุรีรัมย์โมเดล” ที่จะนำแนวคิดนี้ ไปพัฒนาจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศให้เกิดความเจริญ พร้อมทลายความยากจนที่ผูกติดกับอำนาจรัฐ และนายทุนผูกขาด
ผ่านนโยบายสำคัญๆ อาทิ ระบบกำไรแบ่งปัน ( Profit sharing ) มาใช้สินค้าการเกษตร ยกตัวอย่างเรื่องข้าวให้ชาวนามีส่วนแบ่งทางการตลาด 75 % โรงสีและผู้ส่งออกได้ 25 % โดย “อนุทิน” ได้แสดงความมั่นใจว่า ทำได้จริง และตอบคำถามผู้ใหญ่ในรัฐบาลได้รับทราบวิธีการดำเนินงานของพรรคไปแล้วดังเช่นกฎหมายอ้อยและน้ำตาลที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2527 หรือ 35 ปีมาแล้ว จนกระทั่ง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี จากพรรคเพื่อไทย ยังต้องยืมนโยบายนี้จากคนภูมิใจไทย ไปหาเสียงกับชาวนา
ถัดมาคือนโยบายพักหนี้กยศ. 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย และผ่อนจ่ายภาษีประจำปี ก็ได้รับเสียงเชียร์จากลูกหนี้กยศ. ที่เป็นนักเรียน และนักศึกษากว่า4 ล้านคนทั่วประเทศ การยกระดับอสม.กว่าล้านคนให้มีศักดิ์ศรี กฎหมายรองรับที่ชัดเจน และมีรายได้ 2,500 –10,000บาทต่อเดือน แก้กฎหมายคนขับแกร็บคาร์ และไบค์ ให้ถูกกฎหมาย ที่สร้างรายได้ให้แก่คนเมืองหาเช้ากินค่ำ และเพิ่มทางเลือกการเดินทางที่ตรงใจแก่ชาวกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่กระแทกใจคนไทย ถือเป็นความท้าทายใหม่ เรียกเสียงฮือฮา ปรับเปลี่ยนความเชื่อเดิม ๆในสังคมไทย คือการ “ปลูกกัญชาเสรี” ที่ “อนุทิน” มั่นใจว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะเข้าไปผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จ ภายหลังกฎหมายดังกล่าว ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้ความเห็นชอบวาระ 3ไปแล้ว แต่ยังมีเสียงท้วงติงว่า เอื้อให้เฉพาะนายทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ขณะที่ชาวบ้านยังถูกกีดกันเช่นเดิม ไม่ต่างจากการไม่สามารถผลิต “คราฟต์เบียร์” ในประเทศไทยได้ หรือเกษตรกร ต้องจำใจซื้อเมล็ดพันธุ์พืชจากบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น เป็นต้น
แนวคิด การปลูกกัญชาเสรีของ พรรคภูมิใจไทย เริ่มที่จะแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ใช้โมเดลของ “มลรัฐแคลิฟอร์เนีย” ซึ่งทำให้กัญชากลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ถือเป็นตลาดกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าถึง 5 แสนล้านบาทและหลังเปิดให้ประชาชนสามารถซื้อขายได้อย่างเสรี ทำให้เก็บภาษีได้ 1 แสนล้านบาท
โมเดลดังกล่าวนี้หากประเทศไทยนำมาใช้ จะทำให้ทุกครอบครัวสามารถปลูกกัญชาได้โดยไม่ติดข้อจำกัดเรื่องค่าใบอนุญาตการปลูกที่สูงถึง 30 ล้านบาท ตามที่ สนช.ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายไปก่อนหน้านี้ ที่เอื้อต่อคนรวย และทำให้คนไทยและประเทศไทยสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจ เนื่องจากผลผลิตกัญชา 1 ต้นจะได้ 1 กิโลกรัมต่อปี ราคากิโลกรัมละ 70,000 บาท หากปลูก 6 ต้นตามโควตา จะทำให้มีรายได้ 420,000 บาท ต่อปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน
พร้อมเปลี่ยนความเชื่อว่า “กัญชาจากยาเสพติดให้โทษ” เป็นพืชเศรษฐกิจและให้ประโยชน์ อาทิ ใช้ทำยาเพื่อรักษาทางการแพทย์ เช่น รักษาโรคเบื่ออาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ ลดอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง รักษาโรคหัวใจ ใช้เพื่อการพักผ่อนสันทนาการ ไปจนถึงการใช้เพื่อผสมผลิตภัณฑ์ อาหาร เครื่องดื่ม ขนม เป็นต้น
นี่คือคำมั่นสัญญาของพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของเสี่ยหนู อนุทิน แคนดิเดตนายกฯคนใหม่ ที่กล้าประกาศตัวแบบ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” และปั้นฝันสารพัดนโยบายเพื่อทลายความยากจนของพี่น้องชาวไทย จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ จะพุ่งทะยานเปลี่ยนจากแคนดิเดต เป็นเต็งหนึ่งรอนั่งเก้าอี้นายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทยได้หรือเปล่า หลังวันหย่อนบัตรรู้กัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี