‘พิชัย’เย้ยรัฐถล่ม‘ประชานิยม’ สุดท้ายทำตาม จัดหนัก แจกสะเปะสะปะ
27 ม.ค.62 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวในงานเสวนา “(รัฐ) สวัสดิการไทย เท่าไหร่ถึงจะพอ” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า การที่ประเทศไทยจะเป็นรัฐสวัสดิการได้ รัฐบาลต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งรัฐจะมีรายได้มากได้ก็ต่อเมื่อประชาชนมีรายได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้จ่ายภาษีบุคคลธรรมดาจริงจำนวนน้อยมากเพียงประมาณ 3 ล้านกว่าคน จากประชากร 69 ล้านคน และภาษีจากนิติบุคคลก็ไม่มากนัก รัฐมีสัดส่วนรายได้ต่อจีดีพีเพียง 16-18% เท่านั้น ซึ่งต่ำมาก
ทั้งนี้ ประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการได้รัฐจะต้องมีสัดส่วนรายได้ต่อจีดีพีถึง 50% ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก หลายประเทศที่เจริญแล้วในโลกก็ไม่ได้เป็นรัฐสวัสดิการ ดังนั้นสิ่งที่รัฐต้องทำคือ จัดสวัสดิการให้กับประชาชนตามรายได้ของรัฐเท่าที่กำลังความสามารถทำได้ เมื่อรัฐมีรายได้เพิ่มก็ช่วยเพิ่ม และอยากให้กำหนดเป็นสัดส่วนของจีดีพีเช่น 3-5 % เลย โดยควรจะช่วยเฉพาะกลุ่มและเฉพาะเรื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งในอดีต 30 บาท รักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน กองทุน เอสเอ็มอี เอสเอ็มแอล จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และควรนำมาต่อยอดเพื่อให้ประชาชนมีรายได้และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ไทยประสบปัญหาอย่างมาก
“ความเหลื่อมล้ำนี้จะสร้างปัญหาให้กับประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักมาจากการโจมตีและไม่เข้าใจการช่วยเหลือประชาชนผู้ด้อยโอกาส โดยกล่าวหาว่าเป็นประชานิยมที่เลวร้าย ทั้งๆที่เป็นความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ซึ่งหากจำกันได้ ผมเรียกร้องให้รัฐบาลนี้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตั้งแต่ปีแรกที่ปฏิวัติ แต่รัฐบาลนี้ไม่ทำอะไรมาเกือบ 4 ปี เพราะเคยโจมตีประชานิยมไว้ สุดท้ายรัฐบาลนี้ก็ต้องหันมาทำประชานิยมเสียเอง แถมยังแจกหนักกว่าเดิม อีกทั้งยังแจกสะเปะสะปะ เพราะกลัวแพ้เลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับประเทศและประชาชนมากนัก เพราะไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนและสร้างรายได้ที่มั่นคงเพิ่มขึ้นได้ จึงอยากให้เข้าใจว่านโยบายรัฐในอดีตที่ถูกเรียกว่าประชานิยม จริงๆแล้วคือการให้สวัสดิการแก่ประชาชน จึงอยากให้วิจารณ์ว่านโยบายนั้นดีหรือไม่ แต่ไม่ใช่ไม่ช่วยเลย เพราะประชาชนรายได้น้อยยังต้องการการช่วยเหลือในทุกด้าน” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า ตนจึงขอเสนอแนวทางประเทศดังนี้ 1. การปรับโครงสร้างประเทศ โยกประชาชนไทยจากภาคเกษตรและอุตสาหกรรม เข้าสู่ภาคบริการ เพื่อเพิ่มรายได้ 2. การลดความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี เพราะ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเร็ว ซึ่งจะเป็นปัญหาของประเทศในอนาคตได้ 3. การนำไทยกลับไปเป็นศูนย์กลางอาเซียน โดยเฉพาะใน CLMV โดยให้เป็นแบบ regional integration ซึ่ง 3 แนวทางนี้จะทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น และรัฐมีรายได้มากขึ้น แล้วนำไปเพิ่มสวัสดิการในด้านต่างๆได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี