ว่ากันว่า “การเลือกตั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้” คำกล่าวนี้ไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนรัฐบาล แต่หมายถึงเมื่อใดที่ถึงฤดูกาลเลือกตั้งโดยเฉพาะในสนามใหญ่อย่างการเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎร (สส.) ภาวะที่เรียกว่า “เงินสะพัด” ก็จะเกิดขึ้นด้วยจาก “การใช้จ่ายเพื่อหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ” ตั้งแต่การทำป้ายหาเสียง ติดป้ายหาเสียง รถแห่พร้อมเครื่องขยายเสียงตระเวนไปตามที่ชุมชน ฯลฯ ทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายและมีผู้ได้รับอานิสงส์
กระทั่งระยะหลังๆ ที่มีการพูดถึง “ความเหลื่อมล้ำระหว่างพรรคใหญ่ - กลาง - เล็ก” มากขึ้น หน่วยงานผู้มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งอย่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงพยายามสร้างกฎระเบียบว่าด้วยการหาเสียงเพื่อไม่ให้พรรคขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรมากได้เปรียบพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กมากเกินไป โดยล่าสุดสำหรับ “การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. 2562” กกต. ก็ได้ออกประกาศที่เกี่ยวข้องมาหลายฉบับ อาทิ..
ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่อง กำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ซึ่งออกมาเพื่อ “จำกัดเพดาน” จำนวนเงินหาเสียงไว้ดังนี้ “ข้อ 4” ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนต้องใช้จ่าย ในการเลือกตั้งไม่เกิน 1,500,000 บาท “ข้อ 5” พรรคการเมืองต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สส. ไม่เกิน 35,000,000 บาท ทั้งนี้ “การใช้จ่ายเงินเพื่อหาเสียงต้องเป็นไปตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง สส.” (กล่าวถึงแล้วใน นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่
5-7 ก.พ. 2562)
นอกจากนี้ยังมีกรณีของการ “เลือกตั้งซ่อม” อันหมายถึงเมื่อมีเหตุบางประการทำให้ กกต. วินิจฉัยให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ณ เขตเลือกตั้งที่มีเหตุนั้น เช่น “ข้อ 6” ในกรณีที่มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งใด ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ ดังนี้ 6.1 ในเขตเลือกตั้งใดที่ต้องดำเนินการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคน ต้องใช้จ่ายไม่เกิน 750,000 บาท
กับ 6.2 ในเขตเลือกตั้งใดที่ไม่ต้องดำเนินการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนต้องใช้จ่ายไม่เกิน 500,000 บาท ขณะที่ “ข้อ 7”ระบุว่า ในกรณีที่ กกต. ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งใดที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งรายใดได้รับคะแนนเสียงมากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใดเป็น สส. ในเขตเลือกตั้งนั้น
และต้องรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ตามมาตรา 126 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้งไม่เกิน 750,000 บาท สุดท้ายคือ “ข้อ 8”ในกรณีที่มีการประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว และมีเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้งไม่เกิน 1,500,000 บาท!!!
หมายเหตุ : เนื่องจากมีพื้นที่เหลือ จึงขอประชาสัมพันธ์ว่า “ใกล้จะหมดเขตแล้ว” สำหรับการ “ยื่นคำขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร” กรณีผู้ไม่สามารถไปเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. 2562 ได้ โดยมี 3 วิธี ดังนี้ 1.ยื่นด้วยตนเอง ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น หรือยื่นคำขอต่อเอกอัครราชทูตหรือผู้ที่เอกอัครราชทูตมอบหมาย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 19 ก.พ. 2562 ในวันและเวลาราชการ
2.ยื่นทางไปรษณีย์ ให้ยื่นได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 19 ก.พ. 2562 โดยถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ และ 3.ยื่นทางอินเตอร์เนต ให้ยื่นได้ตั้งแต่วันนี้
จนถึงวันที่ 19 ก.พ. 2562 ที่เว็บไซต์ http://www.khonthai.com/TH/ โดยระบบจะปิดอัตโนมัติในวันอังคารที่ 19 ก.พ. 2562 เวลา 24.00 น. ตามเวลาประเทศไทย!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี