4พรรคประชันนโยบายด้านสุขภาพ "พปชร."ผุดนโยบาย"มารดาประชารัฐ"ดูแลตั้งแต่ตั้งท้องถึง6ขวบ "ปชป."เน้นปรับระบบงบประมาณ "พท."ชูหลักคิด"ทั่วถึงและทัดเทียม"
11 ก.พ.62 ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน มีการจัดเสวนาเรื่อง "ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพไทย" โดยมีผู้ร่วมเสวนาจาก 4 พรรคการเมือง ประกอบด้วย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) , คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
โดย นายสุวิทย์ กล่าวว่า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน ไม่ว่ายากดีมีจนทุกคนได้รับสิทธิ โดยระบบเป็นการร่วมจ่ายก่อนป่วย กล่าวคือ คนมีรายได้น้อยร่วมจ่ายผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ตัวเองใช้จ่าย ส่วนคนรวยมีภาษีหลายทางทั้งภาษีทางตรงและทางอ้อม โดยพรรคพลังประชารัฐมีแนวทางเพิ่มคุณภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยต้องทำให้ครอบคลุมทั่วถึง เพิ่มคุณภาพของหน่วยบริการ และได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพรรคพลังประชารัฐ ไม่เห็นด้วยที่จะให้ประชาชนร่วมจ่าย ณ จุดบริการ แต่ผู้ให้บริการ คือ โรงพยาบาล ควรนำระบบการจัดซื้อยาร่วมกันมาใช้เพื่อช่วยลดต้นทุน
ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐมีแนวนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำของ 3 กองทุน คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า , กองทุนสวัสดิการข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม ด้วยการ 1.กำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนต้องได้รับ 2.กำหนดสิทธิที่แต่ละกองทุนให้กับสมาชิก และ 3.กำหนดสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ผู้ป่วยมีสิทธิร่วมจ่ายได้ เช่น ระบบประกัน
นอกจากนี้ ต้องมีระบบการออม การออกกำลังกาย รวมไปถึงนโยบายมารดาประชารัฐ ที่จะมาดูแลสตรีมีครรภ์ผ่านบัตรประชารัฐ แนวทางเหล่านี้จะลดความเหลื่อมล้ำลงไปเรื่อยๆ โดยรัฐบาลจะนำเงินภาษีมาบริหารจัดการให้มากขึ้น อาจต้องพิจารณาปลดล็อกข้อจำกัดให้ทุกบัตรสามารถใช้ทุกโรงพยาบาลได้หรือไม่
นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญในศตวรรษที่ 21 พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายเตรียมคนไทยเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ผ่าน 3 หลักประกัน คือ หลักประกันสังคมถ้วนหน้า , หลักประกันการศึกษาถ้วนหน้า และหลักประกันรายได้ถ้วนหน้า เพื่อทำให้คนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยทุกคนต้องได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน ต้องให้ อสม.เข้ามาดูแล สร้างหมอครอบครัวให้ครบทุกตำบล เพื่อมาเป็นหมอประจำตัว ถ้าสุขภาพดีสามารถลดหย่อนภาษีได้ สุขภาพดีต้องเริ่มตั้งแต่ในครรภ์มารดา และเมื่อคลอดมาแล้วจนถึงอายุ 6 ปี เป็นจุดสำคัญที่พรรคจะให้การดูแลอย่างเต็มที่ การใช้เทคโนโลยีมาช่วย เป็นต้น
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคมีนโยบาย คือ 1.ต้องปรับระบบงบประมาณให้มีหลักประกันว่า จะได้รับงบเพียงพอครบถ้วน 2.ค่าใช้จ่ายโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น โรคหัวใจ ต้องมีการระดมเงินเพิ่มเติม 3.ต้องมีการปรับระบบภาษีให้คนมีกำลังจ่าย จ่ายภาษีมากขึ้นเพื่อมาดูแลคนมีรายได้น้อย ซึ่งพรรคจะให้ อสม./องค์กรปกครองท้องถิ่นเข้ามาดูแลประชาชนในพื้นที่มากขึ้น สร้างห้องยาชุมชน การจ่ายยา การส่งผลตรวจ การรวมระบบข้อมูลด้านสุขภาพผ่านเทคโนโลยีมาใช้แอพพลิเคชั่นเพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษาพยาบาล
ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หลักคิดที่พรรคเพื่อไทยเสนอ คือ เฮลท์ฟอร์ออลและออลฟอร์เฮลท์ ทั่วถึงและทัดเทียม ต้องเพิ่มสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานการให้บริการ เช่น สิทธิการตรวจสุขภาพ ต้องเพิ่มงบประมาณและจัดสรรให้เพียงพอ ต้องมุ่งเน้นสู่การสร้างสุขภาพและป้องกัน ใครดูแลสุขภาพดีต้องได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ระบบภาษี การได้รับบริการจากรัฐ จะนำเทคโนโลยีมาจัดระบบให้ง่ายขึ้นและถูกลง ต้องให้ประชาชนเลือกโรงพยาบาลได้
ขณะที่ นายธนาธร กล่าวว่า ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยกินได้ เพราะทุกคนได้รับสิทธิอย่างถ้วนหน้า พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่างบประมาณของรัฐมีมากเพียงพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายบัตรทองได้ ไม่ต้องมีการร่วมจ่าย และแนวทางการรวม 3 กองทุน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการมากขึ้น ทั้งในแง่งบประมาณ คุณภาพการบริการ ตลอดทั้งให้ท้องถิ่นมาบริหารจัดการ การเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และโรงพยาบาลชุมชนต่างๆ ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี