14 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามผู้สมัครส.ส.เขตที่มียอดการสมัครกว่า1หมื่นคน และต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครส.ส.เขตตามที่กฎหมายกำหนดในวันพรุ่งนี้( 15 ก.พ.62) พบว่า ขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้มีการแจ้งผลการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาไม่รายชื่อให้เป็นผู้สมัคร โดยมีรายงานว่าผลการตรวจสอบที่มีการแจ้งไปนั้น แยกเป็น ผลการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองกรณี ไม่พบว่ามีชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง
และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคที่ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 172 ให้สิทธินับการเป็นสมาชิกนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรค ลงวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งพบว่ามีผู้สมัครส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าวรวม 253 ราย และผลการตรวจสอบสมาชิกพรรคของผู้สมัครส.ส.ที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคกรณีพบว่า เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวไม่ครบ 90 วันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 96(3) ประกอบมาตรา 41( 3) และเป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อน ลงวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งพบว่ามีผู้สมัครส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าวรวม 253 ราย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ากรณีดังกล่าวสร้างความสับสน วุ่นวายให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อวันที่ 12ก.พ.สำนักงาน กกต. เพิ่งจะได้มีบันทึกข้อความแจ้งเป็นการภายในไปยังผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศว่า กรณีไม่ปรากฎชื่อผู้สมัครส.ส.ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคการเมืองยังไมได้นำเข้าข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองให้ยึดหลักฐานการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ผู้สมัครนำมาแสดงคือ สำเนาใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค สำเนาหลักฐานการชำระเงินค่าบำรุงพรรค
และสำเนาหลักฐานการลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองอื่น เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัคร ส่วนกรณีการนับระยะเวลาการเป็นสมาชิกพรรคของผู้สมัครที่เป็นผู้ร่วมกันจดแจ้งจัดตั้งนั้นให้ยึดหลักฐานสำเนาใบคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง และสำเนาหลักฐานการรับทุนประเดิมของผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัครจึงทำให้
ขณะนี้ในกรุ๊ปไลน์ สำนักงาน กกต. ที่ใช้สื่อสารกับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ ทางผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ได้พยายามขอความชัดเจนว่าตกลงแล้วจะให้แจ้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต ยึดข้อมูลของสำนักงานที่แจ้งไป หรือหลักฐานที่ผู้สมัครนำมาแสดง เป็นหลักในการพิจารณาประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร เพราะตามกฎหมายจะต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากทางสำนักงานฯ
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยังแสดงความกังวลใจว่า หากยึดข้อมูลตามรายงานผลการตรวจสอบ ซึ่งก็จะมีผู้สมัคร ส.ส.เขต ถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้รับการประกาศชื่อจากทั้ง3เหตุผลมากถึง506คนรวมถึงการ ผู้สมัคร ที่จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ประกาศรายชื่อจากเหตุผลอื่น ไปยื่นร้องต่อศาลฎีกา และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตก็ต้องไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาซึ่งก็จะถือเป็นภาระหนักพอสมควร ขณะเดียวกัน ก็จะเกิดปัญหาตามมา ถ้าที่สุดแล้ว ศาลฎีกาฯ ยืนตามความเห็นของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ที่ไม่ประกาศรายชื่อ ผู้นั้นให้เป็นผู้สมัคร สำนักงาน กกต. ก็ต้องแจ้งความ ดำเนินคดีทั้งกับผู้สมัครและหัวหน้าพรรคการเมืองนั้นที่เซ็นรับรองส่งสมัครอีกด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ ตามมาตรา 49 พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กำหนดว่ากรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่รับสมัครผู้ใหด หรือไม่ประกาศรายชื่อบุคคลใดเป็นผู้สมัครตามมาตรา 46 ให้บุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วันวันนับแต่วันที่ไม่รับสมัครหรือไม่ประกาศรายชื่อ โดยการพิจารณาและวินิจฉัยของศาลฎีกาให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามข้อมูลที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต อาจถูกตัดสิทธิไม่ได้ รับการประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัคร จากเหตุดังกล่าวพบว่ามีทั้งพรรคเก่า พรรคใหม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ตั้งขึ้นใหม่ อาทิ พรรคมหาชนถูกระบุว่าผู้สมัครแบบแบ่งเขตไม่พบชื่อในระบบฐานข้อมูลมากถึง 133 คน พรรคผึ้งหลวงมากถึง 40 คน พรรคประชาธรรมไทย 16 คน พรรคประชาธิปัตย์1คน พรรคอนาคตใหม่3 คนที่ ไม่พบข้อมูลในระบบ และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรค
ขณะที่ผู้สมัครแบบแบ่งเขตของพรรคเศรษฐกิจใหม่พบเป็นสมาชิกซ้ำซ้อนกับพรรคการเมืองอื่น 27 คน พรรคเพื่อชาติ 20 คน พรรคประชาชาติ 18 คน พรรคเสรีรวมไทย 6 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคภูมิใจไทย2คน ส่วนพรรคผู้สมัครพรรคครูไทยสังกัดการเมืองไม่ครบ 90 วัน จำนวน 18 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 7 คน ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่ครบ 90 วันและไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้ง พรรคการเมือง เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับในส่วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว กกต. จะต้องพิจารณาประกาศรับรองรายชื่อด้วยนั้น มีรายงานว่าในช่วงเช้า กกต. จะมีการประชุมพิจารณารายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัคร ก่อนที่จะประกาศรับรองรายชื่อ รวมทั้งพิจารณากรณีจะต้องถอนชื่อ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตหัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ออกจากบัญชีรายชื่อแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีที่ กกต. ประกาศรับรองไปก่อนหน้านี้หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี