‘ส.ศิวรักษ์’ถอดรหัสสื่อนอก
ซัด‘ทักษิณ’
อยู่เบื้องหลัง‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’
ฝันเปรียบตัวเองเป็น‘ปรีดี’
สร้างหายนะให้บ้านเมือง
กกต.รับ2,810‘ปาร์ตี้ลิสต์’
ยังปล่อยผี‘ไทยรักษาชาติ’
“ส.ศิวรักษ์” ชี้มิบังควรนำพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องการเมือง ระบุนักวิเคราะห์ต่างชาติแฉ “แม้ว” อยู่เบื้องหลังชงบัญชีนายกฯซัดฝันหวานเปรียบตัวเป็น “ปรีดี”แต่ทำตรงกันข้ามสร้างหายนะให้บ้านเมือง อดีตทนายเสื้อแดงยื่นยุบ “พปชร.” ห้าม “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯ ด้าน “กกต.” รับรองปาร์ตี้ลิสต์ 2,810 คน จากผู้สมัคร 2,917 คน ไม่รับรอง 107 คน สส.เขต โดนสอยร้องศาลใน 7 วัน รับรอง “ทษช.” ไปก่อน รอคำสั่งศาลรธน.ยุบไม่ยุบ
เมื่อวันที่ 15กุมภาพันธ์ ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แกนนำและกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค นายวิม รุ่งวัฒนจินดา นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรค น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค และน.ส.อรุณีกาสยานนท์ รองโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวของดภารกิจทางการเมืองชั่วคราวเพื่อต่อสู่คดี หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกกต.ให้ยุบพรรคทษช.
โดยนายมิตติ อ่านแถลงการณ์ ว่า เนื่องด้วยศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องให้พิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคทษช.ตามที่กกต.ได้ยื่นคำร้องแล้วนั้น พรรคได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้วและกำหนดให้พรรคยื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 7วัน เนื่องจากกก.บห.ต้องพิจารณารายละเอียดของคดีในเวลาที่เหลือ 7วัน ในส่วนของกก.บห.จึงของดหาเสียงและกิจกรรมทางการเมือง เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ส่วนแนวทางสู้คดี ฝ่ายกฎหมายกำลังทำงานอยู่ โดยขอเวลา 3วัน พิจารณาสำนวนคำร้อง จากนั้นจะหารือกับกก.บห.อีกครั้งในวันที่ 18กุมภาพันธ์
พปชร.กำชับสมาชิกอย่าทำผิดกม.
ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรคพปชร.เปิดเผยว่า เนื่องด้วยวันที่ 15กุมภาพันธ์ กกต.จะประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร สส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ อย่างเป็นทางการ ตนจึงเสนอต่อที่ประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันที่ 14กุมภาพันธ์ ว่ากก.บห., ผู้สมัคร สส.,ผู้ช่วยผู้สมัครหาเสียง ตลอดจนสมาชิกพรรคและผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ,พรป.พรรคการเมือง,พรป.เลือกตั้งฯและระเบียบประกาศของ กกต.อย่างเคร่งครัด รัดกุม เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดต่อการเลือกตั้งในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งกฎหมายมีบทลงโทษทั้งเบาหนัก ตามเหตุจนมีโทษหนักบางกรณีถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตหรือการประหารชีวิตทางการเมืองโดยพรรคจะจัดทำเป็นประกาศเพื่อแจ้งเตือนผู้เกี่ยวข้องและจะติดประกาศไว้ที่พรรคเพื่อให้ด้รับทราบทั่วกัน
ทนาย’นปช.’ยืนยุบพรรค’พปชร.’
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี อดีตทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)และเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย(พท.) เข้ายื่นหนังสือถึงประธานกกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้พิจารณาและวินิจฉัยส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดต่อกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญ โดย นายวิญญัติ ยืนยันว่า การกระทำของพรรค พปชร.มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่มีวัตถุประสงค์จัดตั้งพรรคการเมืองโดยผิดกฎหมาย มีกลุ่มบุคคลครอบงำการจัดตั้งพรรคโดยเรียกรับผลประโยชน์เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งและใช้ตำแหน่งเจ้าพนักงานของรัฐโดยมิชอบ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้สมัครหรือพรรคการเมือง โดยอดีตรัฐมนตรีของพรรคดังกล่าว
อ้างกระทำปฎิปักษ์การปกครอง
อีกทั้ง พปชร.กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระกษัตริย์เป็นประมุข โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ได้อำนาจการปกครองมาจากการปฏิวัติ เป็นบุคคลที่มีที่มาโดยมิชอบ ยึดอำนาจมาบริหารประเทศต่อ ซึ่งไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย และขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ หากกกต.เห็นสอดคล้องกับคำร้องขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และตนขอยื่นคำร้องคัดค้านการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯของพปชร.เนื่องจากก่อนและหลังการประกาศ พรฎ.ให้มีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐรับเงินเดือนและยังมีตำแหน่งกรรมการบริหารในหลายองค์กร ซึ่งมีค่าตอบแทนจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามมาตรา14 ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.การประกาศรายชื่อพล.อ.ประยุทธ์ในบัญชีรายชื่อจึงมิชอบ
จี้เร่งส่งศาลรธน.-ชักช้าล่าชื่อถอด
ทั้งนี้ ตนได้รวบรวมพยานเอกสารกว่า 100 แผ่น ส่งให้กกต.เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาความผิดตาม มาตรา92 (2) ของพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยขอให้กกต.ใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ดำเนินการกับพรรคการเมืองอื่นก่อนหน้านี้ หากกกต.รับคำร้องแล้วประวิงเวลาหรือพยายามหาทางออกที่ไม่เป็นไปตามครรลองให้กับพปชร.ถือเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา157สามารถล่ารายชื่อประชาชน 2หมื่นรายชื่อเพื่อถอดถอนกกต.ได้
เมื่อถามว่าการยื่นคำร้องยุบพปชร.เป็นการสวนกลับเพื่อช่วยพรรคทษช.หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า จะกล่าวหาสวนกลับก็ได้ ตนยินดีรับฟัง แต่ได้ติดตามพฤติการณ์ของ พปชร.มาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ก่อนจัดตั้งพรรค ก่อนและหลังมีพรฎ.ให้มีการเลือกตั้ง แต่ตนยังไม่เข้ายื่นคำร้องให้ยุบพรรคก่อนหน้านี้ เพราะต้องการรอให้เห็นพฤติการณ์เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งเรายอมไม่ได้
‘ส.ศิวรักษ์’ชี้ต้องรับพระราชโองการ
ด้าน นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือส.ศิวรักษ์”ปัญญาชนสยาม”และนักคิด นักประวัติศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย เมื่อวันที่ 14กุมภาพันธ์ ว่า”ในแง่ของทูลกระหม่อมหญิงฯ ถือว่าท่านมีสิทธิเสรีภาพจะทำได้ เพราะออกจากความเป็นเจ้าแล้ว แต่ในแง่ของพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านเห็นว่าถึงจะลาออกแล้วก็ตาม แต่ยังใกล้ชิดกับพระราชวงศ์อยู่ ท่านถึงได้มีประกาศพระราชโองการห้ามเด็ดขาดเลยพระเจ้าอยู่หัวมีความสามารถมาก ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเร็ว เพราะฉะนั้นก็ออกพระราชโองการทันทีทันใด เมื่อประกาศออกมาแล้ว ในสังคมไทย วัฒนธรรมไทย คำประกาศนั้นศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถที่ใครจะหลีกเลี่ยงได้”
ห้ามนำพระราชวงศ์ยุ่งการเมือง
พร้อมระบุ ทฤษฎีพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯเรียกว่าท่านผู้หญิง แต่เนื่องจากว่าพระองค์เคยทรงดำรงฐานันดรศักดิ์ แม้จะถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว แต่ด้วยขนบประเพณีของไทยที่มีมา ราษฎรก็เรียกพระองค์ท่านว่าทูลกระหม่อมฯแม้จะทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้วตามกฎมณเฑียรบาล หากยังทรงสถานะและดำรงพระองค์ในฐานะสมาชิกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
ชี้ข้อมูลตปท.เชื่อ’แม้ว’อยู่เบื้องหลัง
ขณะที่การนำเสนอพระนามทูลกระหม่อมฯ เป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรคไทยรักษาชาติ ถูกนักวิเคราะห์ต่างชาติบางส่วนถอดรหัสออกมาว่ามีอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้ส่งสัญญาณ ซึ่งการอ่านสัญญาณที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณเข้าใจ เป็นการ”อ่านประวัติศาสตร์ไทยไม่ออก เขามีความเป็นไทยน้อยมาก เขานึกอย่างเดียวว่าเขาฉลาด เก่งและรวย ถ้าไม่เข้าใจวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งแล้วเนี่ย มันให้โทษมากกว่าให้คุณทุกอย่างจะรวมตัวกันทักษิณจะกลับมา ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) จะกลับมา จะรอมชอม จะดี จะร่วมกันต่างๆ เขามีสิทธิที่จะมอง แต่มองผิด ในพระราชโองการชัดเจนเลยในหลวงท่านไม่เล่นกับใครลับหลัง ท่านพูดตรงไปตรงมาเลย ไม่เอา เอาอย่างนี้ ตรงไปตรงมานี่ผมว่าน่าจะดีใจนะที่ในหลวงท่านบอกว่า บ้านเมืองนี้ต้องเล่นซื่อๆ ตรงไปตรงมา
เย้ยเทียบ’ปรีดี’สร้างแต่หายนะ
‘ทักษิณเขาเป็นคนกล้ามาตลอดเวลา เขากล้าเสี่ยงเขาเคยเปรียบเทียบว่าเขาเหมือนกับ อ.ปรีดี พนมยงค์ เขาต้องไปอยู่ต่างประเทศเหมือน อ.ปรีดี แต่ต่างกันเลย อ.ปรีดี ทำทั้งหมดเพื่อบ้านเมือง เพื่อราษฎร เพื่อความถูกต้องดีงาม ทักษิณทำตรงข้ามหมดเลย เขาฝันหวานว่าเป็นเหมือน อ.ปรีดี พนมยงค์ แต่เขาไม่ใช่วีรบุรุษ เขาคงจะกล้าเสี่ยงอีกเยอะๆ เขาเป็นคนเก่ง เป็นคนกล้า กล้าเสี่ยงกล้าทำ ส่วนมากจะนำความหายนะมาสู่บ้านเมือง’ส.ศิวรักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ บีบีซีไทยรายงานว่า ได้พยายามติดต่อนายทักษิณ เพื่อขอความคิดเห็นต่อคำกล่าวข้างต้น แต่ไม่ได้รับการตอบรับ
พรรคเพื่อนไทยขู่ฟ้องกกต.หั่นชื่อ
ขณะที่ นายอนุวัฒน์วิกัยพัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อนไทย กล่าวหลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ด้านกิจการพรรคการเมืองที่สำนักงานกกต.ว่า เพื่อมายืนยันว่า ตนเองและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)ชุดปัจจุบันได้รับเลือกอย่างถูกต้องตามข้อบังคับพรรค หลังได้รับหนังสือมอบอำนาจจากนายสิริ พิมพ์กลาง อดีตหัวหน้าพรรคคนเดิมแจ้งมอบอำนาจให้ตน ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคในขณะนั้นให้มีอำนาจทำการแทนทุกอย่าง ดังนั้นการจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดพรรคและการส่งผู้สมัครส.ส. 240คนใน 39จังหวัดและสส.บัญชีรายชื่อ 52คน แคนดิเนตนายกรัฐมนตรี 3คนจึงเป็นไปอย่างถูกต้อง ดังนั้น ถ้าหากผู้สมัครของพรรคไม่ได้รับการประกาศชื่อจากกกต.จะฟ้องร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้คืนสิทธิดังกล่าวรวมทั้งหากท้ายที่สุดไม่สามารถกลับมาเป็นผู้สมัครได้ก็จะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับกกต.
พรรคพลเมืองไทยขู่กกต.ด้วย
ต่อมา นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลเมืองไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เพื่อชี้แจงคุณสมบัติผู้สมัคร สส.เขตของพรรค จำนวน 6คน กรณีที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง อาจไม่ประกาศรายชื่อให้เป็นสมัคร เนื่องจากขาดคุณสมบัติ เพราะมีรายชื่อสมาชิกซ้ำซ้อนกับพรรคการเมืองอื่น จึงนำเอกสารมาชี้แจงกับ กกต.เพื่อประกอบการพิจารณาในการประกาศรายชื่อผู้สมัคร สส.โดยพรรคถูกระบุว่ามีผู้ที่ขาดคุณสมบัติ6คน คือผู้สมัคร จ.ชลบุรี 3คน ผู้สมัคร กทม.,กาฬสินธุ์และจ.อุดรธานี จังหวัดละ1คนพร้อมยืนยันว่าผู้สมัครทั้ง 6คน เป็นสมาชิกพรรคจริง แต่อาจเกิดจากเอกสารคาดเคลื่อน ซึ่งพรรคไม่ติดใจและไม่กล่าวโทษว่าเป็นความผิด กกต.หรือเจ้าหน้าที่ของพรรค เพียงแต่ทางพรรคต้องมายืนยันและชี้แจงข้อเท็จจริงให้ กกต.รับทราบหากหากถูกตัดสิทธิ์จริงก็จะไปร้องศาลฎีกาต่อไป
‘ศุภชัย’โวยถูกตัด2คนทั้งที่ไม่ผิด
นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงกรณีกกต.แจ้งผลตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองผู้สมัคร สส.พบมีผู้สมัครสส.พรรคต่างๆจำนวน 506คน ขาดคุณสมบัติ โดยในจำนวนนั้นมีผู้สมัครจากพรรคภท.2คน ว่า ผู้สมัคร2คนดังกล่าว คือ น.ส.นิกกี้ จ้อยเอม ผู้สมัครสส.เขตดอนเมืองและนายสุรชัย เปล่งแสง ผู้สมัครสส.เขตหนองจอก ซึ่งเขายืนยันเรื่องความสุจริตและมีเหตุผลอธิบายว่าเรื่องนี้เป็นความซ้ำซ้อนผิดพลาดของระบบข้อมูลระหว่างพรรคการเมืองกับกกต.รวมถึงอาจเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค เพราะเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกซ้ำซ้อนกับพรรคอื่นในวันที่สมัครสมาชิกพรรคภท.แต่ความจริงวันที่พรรคภท.ส่งเขาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 4กุมภาพันธ์ทั้ง 2คนเป็นสมาชิกพรรคภท.พรรคเดียว ยืนยันว่าหากกกต.ไม่ประกาศว่าทั้ง 2คนเป็นผู้สมัครสส.เราจะไปยื่นร้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง ภายใน 7วันตามกฎหมายต่อไป
รับปาร์ตี้ลิสต์2,810-หั่นทิ้ง107คน
เวลา 16.20น.สำนักงานกกต.ได้เผยแพร่เอกสารประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อและรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี โดย กกต.ประกาศรับรองรายชื่อพรรคการเมืองที่ส่งสมัครแบบบัญชีรายชื่อ 77พรรคและประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร 2,810คน จากจำนวนที่ยื่นสมัคร 2,917คน โดยไม่รับรอง 107คน รวมทั้งให้ยกเลิกประกาศ กกต.ที่รับรองรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11กุมภาพันธ์ จาก 46พรรค 71 รายชื่อ ให้เหลือ 44พรรค 68รายชื่อ โดยไม่ประกาศรับรอง 2คน โดยหนึ่งคนเป็นผู้ที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายศาลและอีก 1คน มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ส่วนอีก 1ราย คือ แคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ที่กกต.ไม่ประกาศรายชื่อไปก่อนหน้านี้
สส.เขตให้ผอ.แต่ละพื้นที่รับรอง
สำหรับการรับรองผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขต ที่มีการส่งสมัครรับเลือกตั้งทั้งสิ้น 81พรรค จำนวน 11,181คน เป็นอำนาจพิจารณาของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่จะตรวจสอบคุณสมบัติสำหรับการประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นอำนาจของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งในการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งต้องดำเนินการประกาศภายในวันนี้เช่นกันและเมื่อได้ประกาศรายชื่อแล้วจะนำไปปิดประกาศไว้ ณ ที่เลือกตั้ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้งทั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังสามารถตรวจสอบได้จากแอพพลิเคชั่นSMART VOTE ด้วย ซึ่งสำนักงานจะเร่งปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันโดยเร็ว
ถูกตัดสิทธ์ชิงสส.ร้องศาลใน7วัน
ทั้งนี้ ผู้สมัครคนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ไม่ได้ประกาศรายชื่อให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ถนนแจ้งวัฒนะ ได้ภายใน 7วันนับแต่วันที่ไม่รับสมัครและหากผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือผู้สมัครผู้ใดเห็นว่าผู้สมัครที่มีชื่อในประกาศรายชื่อที่ กกต.และผอ.กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ก็สามารถยื่นคำร้องต่อ กกต.ได้ภายใน 7วันนับแต่วันที่ประกาศรายชื่อผู้สมัคร
รับรองบัญชีรายชื่อ’ทษช.’ไปก่อน
อย่างไรก็ตาม การประกาศรับรองผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อครั้งนี้เป็นการประกาศรวมพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่ กกต.เสนอยุบพรรค โดยที่ประกาศนั้นเนื่องจากเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำสั่ง ตามกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าเมื่อถูกร้องต่อศาลจะถูกตัดสิทธิทันที ขณะที่พรรคเพื่อนไทยที่กกต.แจ้งไปยัง ผอ.กกต.จังหวัดว่าไม่มีคุณสมบัติส่งสส.แบ่งเขต เนื่องจากไม่ตั้งสาขา หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาข้อกฎหมายแล้วเห็นว่ากฎหมายกำหนดว่า พรรคจะส่ง สส.บัญชีรายชื่อได้ ต้องส่งในระบบแบ่งเขตซึ่งขณะนี้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต ยังไม่รายงานผลการรับรองเข้ามา รวมทั้งการที่จะไม่ประกาศรายชื่อผู้สมัครสสในแบบบัญชีรายชื่อ ต้องเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือตายเท่านั้น ไม่มีจากเหตุอื่น กกต.จึงได้ประกาศไปก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี