“เจาะสนามเลือกตั้ง” ฉบับวันนี้ยังคงอยู่กันที่งานสัมมนา “ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย”ณ โรงละครเคแบงก์สยามพระพิฆเนศ ย่านสยามสแควร์ กรุงเทพฯ โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมจำนวน 4 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคอนาคตใหม่ (อ.น.ค.) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายด้านสาธารณสุขหากได้เป็นรัฐบาล
ปัจจุบันคนไทยอยู่ภายใต้ระบบสวัสดิการสุขภาพโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม และบัตรทอง 30 บาท หรือหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งตลอดมามักมีคำถามเสมอว่า “ข้าราชการมีจำนวนคนน้อยที่สุดแต่เหตุใดได้รับงบประมาณต่อหัวมากที่สุด” กลายเป็นภาพของ “ความเหลื่อมล้ำ” และเกิดเสียงเรียกร้องจากภาคประชาสังคมให้ “ยุบรวม3 กองทุนเข้าด้วยกัน” เพื่อให้คนไทยได้รับการบริการด้านสาธารณสุขอย่างเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง ประเด็นนี้ก็ถูกนำมาพูดถึงในงานสัมมนาดังกล่าวด้วย
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในมุมหนึ่งยอมรับเรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างทั้ง 3 กองทุน ซึ่งมีแนวทางการแก้ไขอยู่ 2 ทาง คือ การรวม 3 กองทุนเข้าด้วยกัน กับการไม่ต้องรวมเข้าด้วยกัน แต่ใช้วิธีจัดระเบียบงบประมาณของแต่ละกองทุน แต่โดยส่วนตัวค่อนข้างเห็นด้วยกับอย่างหลังมากกว่า เพราะนับตั้งแต่ที่มีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเกิดขึ้น วันนี้ผ่านมา 16-17 ปีก็สามารถแบ่งได้แล้วว่าอะไรคือ 1.สวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ว่ากองทุนใดๆ บัตรใดๆ ต้องมีอย่างเท่าเทียมกัน
2.สวัสดิการตามลักษณะเฉพาะเช่น มนุษย์เงินเดือนในบริษัทห้างร้านต่างๆ ที่มีสิทธิประกันสังคม ข้าราชการที่มีสวัสดิการข้าราชการ ตรงนี้จะมีความแตกต่างกันไป 3.สวัสดิการพิเศษแบบประสงค์จ่ายเพิ่ม สำหรับประชาชนที่มีกำลังซื้อและอยากได้บริการที่ดีกว่าระดับพื้นฐาน เช่น การซื้อประกัน นอกจากนี้ยังมองไปที่การมีส่วนร่วมของโรงพยาบาลเอกชนว่าจะทำอะไรอย่างไรได้บ้าง เพราะที่ผ่านมายังมีน้อยมาก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นว่าที่มาที่ไปของทั้ง 3 กองทุนแตกต่างกันเช่น “ประกันสังคม” ที่เป็นระบบผู้ประกันตนร่วมจ่ายเงินสมทบ คำถามคือ “ถ้ายุบรวม 3 กองทุน สิทธิ์ประกันสังคมที่เคยมีจะไปอยู่ที่ไหน?” จึงเสนอให้ “ไม่บังคับลูกจ้างทำประกันสังคม” แต่ละคนสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ในระบบใดระหว่างประกันสังคมหรือบัตรทอง 30 บาท “ถ้าบัตรทอง 30 บาทดีกว่าจริง ระยะยาวประกันสังคมจะหายไปเอง” แต่ไม่ควรรีบยุบรวมซึ่งจะกระทบสิทธิ์ผู้ใช้ประกันสังคม
ขณะที่ “สวัสดิการข้าราชการ” ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาตั้งไว้บนหลักคิด“ให้สวัสดิการที่ดีเพื่อจูงใจคนมาทำงานราชการภายใต้เงินเดือนไม่สูงเท่าเอกชน” และมีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาเป็นข้าราชการเพราะอยากได้สิทธิประโยชน์นี้ ดังนั้น “การไปตัดสิทธิ์ที่เคยได้ เคยมีของคนที่เป็นข้าราชการอยู่แล้วปัจจุบันจึงไม่เป็นธรรม หากจะยุบรวมจริงๆ ควรเริ่มจากข้าราชการที่จะรับเข้าทำงานใหม่ในอนาคต” ในระยะยาวจำนวนคนที่อยู่ในสิทธิ์ข้าราชการก็จะลดลงไปเรื่อยๆ และไม่ส่งผลกระทบไม่ว่ากับฝ่ายใด
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่จำเป็นเสมอไปที่การปรับปรุงคุณภาพการรักษาพยาบาลให้เท่าเทียมกันจะต้องยุบรวม 3 กองทุนเท่านั้น เพราะนับตั้งแต่การเกิดขึ้นของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ตั้งอยู่บนหลักคิด “สิทธิ์ขั้นพื้นฐานอันประกอบด้วยคุณภาพยาและคุณภาพการรักษาต้องทัดเทียมกันไม่ว่าจะใช้สิทธิ์แบบใด” เพียงแต่บริการพิเศษด้านอื่นๆ นอกเหนือจากนี้อาจแตกต่างกันได้
เช่น กรณีผู้ประกันตนของประกันสังคมที่จ่ายเงินเพิ่ม หรือข้าราชการที่หน่วยงานต้นสังกัดจัดงบประมาณเป็นสวัสดิการ อาจได้สิทธิ์พักค้างคืนในห้องเดี่ยวของโรงพยาบาล ได้ยาที่รักษาอาการป่วยหายเหมือนกันแต่มีสรรพคุณพิเศษอื่น อาทิ ยาแก้ไอที่บางสูตรกินแล้วง่วงแต่บางสูตรกินแล้วไม่ง่วง ซึ่งสูตรไม่ง่วงนั้นราคาแพงกว่า “การยุบรวม 3 กองทุน ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าผู้อยู่ในประกันสังคมกับข้าราชการจะได้รับผลกระทบหรือไม่” แต่ ณ วันนี้เพียงการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมก็ทำให้ทุกสิทธิ์ได้รับบริการขั้นพื้นฐานเท่าเทียมกันได้
สุดท้าย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มองว่าอย่างไรเสีย “ในอนาคตก็ต้องรวม3 กองทุนเข้าด้วยกันในส่วนการรักษาพยาบาล” โดยมีข้อเสนอ 1.ลดการเติบโตของงบสวัสดิการข้าราชการด้านการรักษาพยาบาล แล้วนำมาเติมให้งบบัตรทอง 30 บาท ที่ผ่านมาทั้ง 2 กองทุนเพิ่มร้อยละ 8 ต่อปีเท่ากันทั้งที่คนไทยในระบบบัตรทองมีจำนวนมากกว่า
กับ 2.ตัดภาระด้านสาธารณสุขของประกันสังคมออก ให้ประกันสังคมเป็นเรื่องการลงทุนเพื่อเก็บออมสำหรับชีวิตหลังเกษียณ หรือเงินสำรองฉุกเฉินยามว่างงาน ซึ่งหากทำแบบนี้ได้ ระบบสวัสดิการสาธารณสุขของทั้ง 3 กองทุนจะรวมเข้าหากันในระยะยาว อีกทั้ง “การรวมกันทำให้มีอำนาจต่อรองสูงขึ้น” ในการจัดซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ คนไทยทุกคนก็จะได้รับการดูแลด้านสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี