‘บิ๊กตู่’การันตี‘ผบ.ทบ.’
ไม่ยุ่งการเมือง
วอนหาเสียงสร้างสรรค์
ลงชื่อกาบัตรล่วงหน้าแตะ2ล.
รับรองชิงสส.เขต1.1หมื่นคน
พท.-ทษช.ฉุน‘หนักแผ่นดิน’
“ทษช.”ไม่มีอะไรจะเสีย สุมหัวถล่ม ผบ.ทบ.ปมหั่นงบกองทัพ-เลิกเกณฑ์ทหาร ให้ไปฟังเพลง“หนักแผ่นดิน”ระบุทำสังคมแตกแยก ในขณะที่“วัฒนา เมืองสุข”แนะทหารต้องปรับตัว ด้าน“จตุพร พรหมพันธุ์”ย้อนอดีตเปิดเพลงปลุกใจแล้วเกิดรัฐประหารตามมา ชี้โอกาสการเลือกตั้ง 50/50 กกต.ปิดลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วยอดแตะ2 ล้าน ส่วน”บิ๊กตู่”เยือนตลาดนัดกรุงเก่าระรื่น วอนนักการเมืองหาเสียงในทางที่ดี หยุดประจานบ้านเกิดเมืองนอนตัวเอง
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 19 ก.พ. 62 ที่ทำการพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค น.พ.เหวง โตจิรการต์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง ร่วมกับผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงข่าว กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) แนะให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย(พท.)ไปฟังเพลง”หนักแผ่นดิน”หลังให้สัมภาษณ์จะตัดงบประมาณของกองทัพและยกเลิกการแกณฑ์ทหาร
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การที่มีสื่อไปถาม ผบ.ทบ.ว่า พรรคการเมืองมีนโยบายตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหมทำให้กองทัพมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ผบ.ทบ.กลับบอกให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ซึ่งความจริงแล้ว ผบ.ทบ.จะพูดเช่นนี้ไม่ได้เลยเนื่องจากการพูดอย่างนี้เป็นการแสดงความไม่เป็นกลางทางการเมือง ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบทางราชการโดยตรง
แนะผบ.ทบ.ต้องเข้าใจกติกา
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าของกองทัพบก เมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองสามารถเสนอนโยบายได้ ในการปรับลดหรือเพิ่มงบประมาณของหน่วยงานราชการต่างๆได้ แต่ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องนั้นๆ ไม่มีหน้าที่จะมาแสดงอาการต่อต้าน ในเมื่อพรรคการเมืองเสนอนโยบาย และหากประชาชนเลือกพรรคนั้น พรรคการเมืองสามารถดำเนินการตามนโยบายนั้นได้ ไม่ว่าจะในฐานะรัฐบาล หรือ ส่วนหนึ่งของรัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในห้วงพิจารณางบประมาณประจำปี ก็สามารถดำเนินการได้
“ ไม่ใช่ว่าเมื่อพรรคการเมืองเสนอนโยบายเช่นนี้แล้ว ผบ.ทบ. เกรี้ยวกราด โมโหโกรธา ประณาม อันนี้ทำไม่ได้เนื่องจาก ผบ.ทบ.มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง และการตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ผบ.ทบ.ไม่มีหน้าที่อะไร อย่างมากก็แค่สถานะของสมาชิกวุฒิสภา โดยในตำแหน่ง และต้องไปพูดในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งวุฒิสภาก็ไม่มีอำนาจแปรญัตติ แก้ไขใช้งบประมาณอีกด้วย ถ้าเข้าใจกติกาอย่างนี้ ผบ. ทบ. ควรจะประพฤติตัวเสียใหม่” นายจาตุรนต์ กล่าว
ห่วงยุให้คนไทยฆ่ากันเอง
และว่าการที่ ผบ.ทบ.ยกเพลงหนักแผ่นดินขึ้นมา ตนเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่มีการใช้เพลงหนักแผ่นดิน ปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากันตนต้องฟังเพลงนี้อยู่หลายเดือน ในเหตุการ 6 ตุลา ปี 2519 ขณะนั้น ผบ.ทบ.ไม่รู้เข้าโรงเรียนเตรียมทหารหรือไม่ ก็จะไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้เพราะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ตนต้องเจอ ฟังนี้อยู่หลายเดือน สุดท้ายไปจบลงด้วยการรัฐประหารและการสังหารหมู่นักศึกษาและประชาชน เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดให้กับสังคมไทยยาวนาน คนยังไม่ลืม
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าใครจะหนักแผ่นดินหรือไม่ พูดกันไปกันมาไม่จบ การตัดสินใจประชาชนวันที่ 24มี.ค.น่าจะตอบอะไรได้บ้าง การเลือกตั้ง ไม่ได้ชี้ว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเบ็ดเสร็จ แต่ต้องทำให้บ้านเมืองเดินไปสู่ประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชนได้อย่างแท้จริง ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นชัยชนะของทุกฝ่าย หลายปีที่ผ่านมา งบกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ชาวบ้านเลยถามว่า งบเพิ่มขนาดนี้ ไม่มีช่วงโปรโมชั่นลด 10เปอร์เซ็นต์บ้างหรือ พอมีคนพูดขึ้นมา ท่านก็โมโหโกรธา
วัฒนาชี้ปรับลดงบเรื่องปกติ
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Watana Muangsook ระบุว่า “หนักแผ่นดิน” ในโลกของการบริหารยุคใหม่ การปรับตัวและบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นการเสนอให้มีการตัดงบประมาณของกองทัพลง 10% จึงเป็นเรื่องปกติ เพราะแม้แต่องค์กรที่สร้างรายได้เช่นบริษัทห้างร้านหรือธนาคารก็ยังต้องมีการปรับตัว ลดกำลังคนลงในงานบางประเภทเพื่อใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแทน
รัฐบาลบริหารประเทศด้วยเงินที่มาจากภาษีของประชาชน จึงต้องบริหารงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ การปฏิรูปส่วนราชการซึ่งรวมถึงกองทัพด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องทำให้กับประชาชน รูปธรรมที่มองเห็นคือการลดขนาดของกองทัพ เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี ลดความซ้ำซ้อนของภารกิจ
ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารเปลี่ยนมาเป็นการรับสมัครโดยมีความก้าวหน้าเป็นแรงจูงใจ นโยบายนี้เรียกว่า “Smart Military” คำว่าสมาร์ทแปลว่าฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกองทัพและมีบุคลากรที่ชาญฉลาดมาทำงาน จะได้ไม่ออกมาพูดจากับประชาชนที่บ่งบอกถึงสติปัญญาของผู้พูดอีก
ส่อเกิดรัฐประหาร50/50
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่าในวันนี้แม้ผบ.ทบ.สั่งยกเลิกสถานีวิทยุเปิดเพลงหนักแผ่นดินแล้ว แต่การเปิดเสียงตามสายตามที่ทำการเหล่าทัพก็ไม่ควรเกิดขึ้น ณ วันนี้เราควรลดเงื่อนไขต่าง ๆ ตนขอเสนอให้ตามหาเพลงคืนความสุขมาเปิดแทน หรือไม่กล้าเปิด เพราะเพลงคืนความสุขฟ้องว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นความจริง ทำให้ตนคิดว่าอาจจะไม่มีเลือกตั้ง เพราะเมื่อได้ยินเพลงนี้ทีไร จะตามมาด้วยการรัฐประหารทุกครั้ง
นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศไทยไม่มีใครสรุปได้ว่าจะไม่มีรัฐประหารอีก แม้รัฐธรรมนูญจะเขียนเอื้อเรื่องสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) 250 เสียงสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้เสียงมากเท่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะฉะนั้นพรรคพลังประชารัฐจะไม่มีความชอบธรรมใด ๆ ในการเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
“ผมคิดว่าปรากฎการณ์ต่าง ๆ รวมถึงเรื่องเพลงหนักแผ่นดิน เป็นเพราะกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 และผมเชื่อว่าสถานการณ์ของประเทศไทย ระหว่างมีหรือไม่มีการเลือกตั้งยัง 50/50”นายจตุพร วิเคราะห์
หนุนกองทัพไทยต้องเข้มแข็ง
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีที่บางพรรคการเมืองใช้นโยบายหาเสียงเพื่อลดทอนกำลังของกองทัพ เช่น ปรับลดงบประมาณ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ว่า ตนถือว่าความมั่นคงของชาติเป็นความสำคัญอันดับ 1 ใครหรือพรรคใดก็ตามที่ยุยงปลุกปั่นให้คนในชาติแตกความสามัคคี ทำให้ประชาชนสับสน รังเกียจทหาร ออกนโยบายลดงบประมาณกองทัพ 10% ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ลดกองทัพให้เล็กลง แสดงว่าจงใจทำให้กองทัพอ่อนแอ เมื่อกองทัพอ่อนแอต่างชาติจะไม่เกรงใจเรา อาจมารุกรานเอาเปรียบประเทศไทยอันเป็นที่รักและหวงแหนของเรา คนผู้นั้นเหมือนจงใจให้ประเทศไทยต้องตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ ตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจ
นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญในการพัฒนากองทัพและความมั่นคงภายในประเทศและต่างประเทศ พรรคเรามีนโยบายด้านนี้เป็นสำคัญ คือเพิ่มสวัสดิการกำลังพลให้อยู่ดี กินดี ห้ามอมเบี้ยเลี้ยงทหาร เพิ่มกำลังพลกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพอีก 1 แสนนายที่เป็นทหารชั้นผู้น้อย เพื่อทำให้อาชีพทหารเป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติ เสียสละ พร้อมรบตลอดเวลา ดูแลประชาชนยามเกิดอุทกภัย อาวุธยุทโธปกรณ์ต้องล้ำสมัย ราคาสมเหตุผล ใช้งานได้นาน ปลอดภัยต่อกำลังพล ไม่มีการทุจริต เป้าหมายของพรรคเราคือต้องทำให้กองทัพไทยมีขีดความสามารถ ติด 1 ใน 10 ของกองทัพโลกให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น
เชียร์”ประยุทธ์”สู้ๆกระหึ่ม
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เยี่ยมชมตลาดต้องชม ตลาดหลวงปู่ทวด ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายหลังเป็นประธานพิธีปลูกหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์จากเมืองอนุราธปุระ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ที่วัดวชิรธรรมาราม
โดยกล่าวระหว่างเดินตลาดว่ามาเยี่ยมชมตลาดขอให้ขายดีๆ พร้อมบอกประชาชนที่มาเดินเที่ยวตลาดให้ช่วยกันซื้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ตลาดนี้มีทั้งหมด 130 ร้านค้า ปีที่แล้วมูลค่าค้าขาย 200 ล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรีได้อุดหนุนพุทราเชื่อมโบราณ และบอกว่าเป็นของชอบที่เคยกินตั้งแต่เด็ก
วอนทุกฝ่ายร่วมปรองดอง
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้ชิมอาหารและขนมเกือบทุกร้านของตลาดต้องชม โดยมีประชาชนที่มาท่องเที่ยวในวันหยุดวันมาฆบูชาขอถ่ายรูปเซลฟีตลอดการเดินตลาดในครั้งนี้ ผู้ค้าในตลาดตะโกนว่า นายกรัฐมนตรีลุงตู่ สู้ ๆ ขณะที่นางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรีซื้อไอศกรีมโบราณรสถั่วดำให้นายกรัฐมนตรีรับประทาน
นายกรัฐมนตรี สักการะหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ พร้อมกล่าวว่าได้ขอพรให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขและปลอดภัย พร้อมบอกกับพ่อค้าและนักท่องเที่ยวว่าการมาทำบุญท่องเที่ยวภายในตลาดต้องชม ขอให้ทุกคนอนุรักษ์ตลาดที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยไว้ เพราะถือเป็นเสน่ห์ของประเทศไทย ซึ่งการเดินทางมาในวันนี้มีภารกิจของงานบุญและไม่ได้มาเป็นอย่างอื่น หรือมาหาเสียงทางการเมือง ขอให้ช่วยกันสร้างความปรองดอง ทำให้ประเทศชาติสงบสุข เพราะรัฐบาลทำฝ่ายเดียวไม่ได้ และเมื่อมีการเลือกตั้งขอให้ช่วยกันหาเสียงในทางที่ดี ไม่โจมตีกันไปมา ทำให้ประเทศเสียหาย ประเทศอื่นไม่มีใครทำกัน จะประจานประเทศตัวเองอย่างนี้ไม่ได้
ส่วนกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ระบุคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยฟังฟังเพลง”หนักแผ่นดิน”กรณีจะหั่นงบทหาร ทาง พล.อ.ประยุทธ์ส่ายหน้าพร้อมกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้ลงมาขัดแย้งกับนักการเมือง
ไม่รับรองผู้สมัครเขต389ราย
วันเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รวบรวมผลการประกาศรับรองผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตที่มีการส่งสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ. จากพรรคการเมืองทั้งสิ้น 81 พรรค จำนวน 11,181 คน ซึ่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และประกาศรายชื่อแล้วนำไปปิดประกาศไว้ ณ ที่เลือกตั้ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 15ก.พ.ที่ผ่านมา โดยประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครจำนวน10,792 คน. ไม่ประกาศรายชื่อ จำนวน 389 คน ใน55พรรค
แนะยื่นร้องศาลภายใน7วัน
ส่วนการประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่77 พรรคการเมืองส่งสมัคร จำนวน2,917คน โดย กกต.ประกาศรับรอง2,810 คน โดยไม่รับรอง 107 คน
ทั้งนี้ ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ที่ถูกสำนักงาน กกต. ตัดสิทธิสมัคร สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายในเวลา 7วันนับจากวันประกาศ (15 ก.พ.) เพื่อขอให้วินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 49 และมาตรา 59 ตาม พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.ต่อไป
หวั่นถูกกกต.ดำเนินคดีอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประกาศรายชื่อ มีตัวแทนพรรคการเมืองสอบถามมายังสำนักงานกกต.ว่ากรณีผู้สมัครไม่ได้รับการประกาศชื่อ กกต.จะคืนค่าสมัคร 1 หมื่นบาทให้หรือไม่ รวมทั้งหากที่สุดศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามที่กกต.ไม่ประกาศรับรองให้เป็นผู้สมัคร กกต.จะดำเนินคดีกับผู้สมัครและหัวหน้าพรรคตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกออบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ระบุว่าผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 -10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปีหรือไม่ เหตุเพราะบทลงโทษตามมาตรานี้รุนแรงมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงประเด็นค่าสมัครจะไม่ได้รับคืนตามกฎหมาย เพราะเงินค่าสมัครจะถูกนำเข้ากองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ส่วนเรื่องการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่กกต.ไม่ได้ให้คำตอบ
ขอใช้สิทธิ์ล่วงหน้าแตะ2ล้าน
ด้านสำหรับการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและนอกราชอาณาจักร นับตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.จนถึงเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว มีข้อมูลเบื้องต้นไม่รวมวันที่18กพ. ว่า มียอดลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 1,830,711 ราย ส่วนนอกราชอาณาจักรมีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 94,543 ราย ใน 67 ประเทศ 94 สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี