20 ก.พ.62 นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย เปิดเผยว่า จากที่ติดตามสถานการณ์การเมืองและการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ มีความรู้สึกว่าบรรยากาศส่อเค้าให้เห็นความขัดแย้งรุนแรงมากกว่าในอดีต มีการสร้างวาทกรรมโจมตีสาดโคลนให้เกิดความเกลียดชังกันมากกว่าที่จะแข่งขันกันด้วยนโยบาย ทั้งระหว่างนักการเมืองด้วยกันเองที่โต้ตอบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ลุกลามมาถึงข้าราชการประจำระดับสูงบางคน ที่ถูกฝ่ายการเมืองยั่วยุด้วยนโยบายที่สุดโต่งบางเรื่อง บานปลายมาถึงสังคมออนไลน์ที่นำประเด็นมาขยายความต่อโจมตีไปถึงเรื่องส่วนตัว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
นายอุเทน กล่าวอีกว่า ตนในฐานะที่อยู่ในการเมืองมานานได้เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อปรับโหมดเข้าสู่การเลือกตั้งในภาวะที่กฎกติกาไม่เป็นปกติ เค้าลางของความขัดแย้งรุนแรงที่ซ่อนอยู่จะปรากฏขึ้นมาทันที ฟ้องว่าความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมานั้นไม่มีอยู่จริง รวมไปถึงจะได้เห็นธาตุแท้ของนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นนักเลือกตั้ง หรือผู้ที่อยู่ในอำนาจเอง ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการอำนาจ มุ่งแย่งชิงผลประโยชน์ โดยใช้ชาติบ้านเมืองและประชาชนเป็นข้ออ้างเท่านั้น ส่วนเรื่องการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีก็ลืมไปได้เลย เมื่อคนที่อ้างคำเหล่านี้ กลับเป็นคนที่ไม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ก้าวความเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย แล้วก็ยังไม่ก้าวข้าม นายทักษิณ ชินวัตร หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กันได้เลย
“เชื่อว่าประชาชนอยากฟังนโยบายดีๆจากพรรคการเมืองที่ปัจจุบันมีแต่นโยบายลดแลกแจกแถม ประชาชนอยากรู้ว่า ถ้าเลือกผู้สมัครหรือพรรคที่สังกัดแล้วจะได้อะไร นอกจากการลดแลกแจกแถมปรากฏว่าพวกเขาเจอแต่ประเภทด่ากันสาดเสียเทเสีย สร้างวาทกรรมโจมตีกันตลอดเวลา สุดท้ายบ้านเมืองนี้ก็จะได้คนด่าเก่งที่สุดมาเป็นผู้แทนราษฎร ดีไม่ดีด่ากันมากๆอาจกระทบไปถึงการเลือกตั้ง เพราะต่างฝ่ายต่างช่วยกันสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งกันให้หนักข้อมากขึ้น ที่สุดอาจเป็นอย่างที่คนในรัฐบาลบางคนเคยว่าไว้ว่า ถ้าวุ่นวายกันนัก เมื่อบ้านเมืองยังไม่สงบก็ไม่ต้องเลือกตั้งก็อาจเป็นได้” นายอุเทน กล่าว
นายอุเทน กล่าวต่ออีกว่า ความน่ากลัวของการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังมีนักเลือกตั้งประเภทมีเงิน มีทุน สร้างวาทกรรมเก่ง พูดเก่ง สร้างภาพเก่ง ใช้นโยบายชนิดเอามัน สวนทางกับสิ่งที่เป็นอยู่ หวังเพียงเพื่อสร้างกระแสอย่างเดียว จนทำให้ผู้คนหลงไปกับวิสัยทัศน์ปลอมๆที่สร้างขึ้น ทั้งๆที่ตัวตนที่แท้จริงในภาคธุรกิจก็มีประวัติการบริหารองค์กรของครอบครัวโดยไร้หลักธรรมาภิบาล มีแนวความคิดที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ อีกทั้งหากลงลึกในนโยบายที่ออกมา ก็ไม่อยู่ในพื้นฐานของความมีเหตุและผล ขาดความเข้าใจหลักการบริหารประเทศ รวมทั้งไม่รู้ถึงปัญหาของประชาชน หรือหน่วยงานภาครัฐที่แท้จริง
“ประเทศเราก็เคยมีกรณีศึกษามาแล้วเมื่อการเลือกตั้งปี 2544 ที่ว่า คนรวยแล้วคงไม่เอาเปรียบประเทศ แต่พอเข้ามาอยู่ในอำนาจก็กลับตาลปัตร ใช้อำนาจที่มีร่วมกับข้าราชการเอาเปรียบประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อสิ้นอำนาจก็ยังทิ้งมรดกฝังรากลึกไว้ให้ข้าราชการที่จ้องแต่จะเอาเปรียบประเทศ หรือเป็นแบบอย่างให้กลุ่มบุคคลอื่นลอกเลียนเอาเปรียบประเทศมาถึงทุกวันนี้ จึงขอเตือนประชาชนว่าอย่างหลงกลอีก บอกได้คำเดียวว่า “ทักษิณ 2 กำลังจะมา” นายอุเทน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี