20 ก.พ.62 นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวผ่านเฟชบุ๊กไลฟ์เกี่ยวกับกระแสเพลงหนักแผ่นดินว่า ในฐานะเป็นคนหนึ่งซึ่งอยู่ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 14 ต.ค. 16, 6 ต.ค. 19 ได้เห็นพัฒนาการของการเมืองไทยในภาคประชาชนมา เพลงและวัฒนธรรมของความเท่าเทียมกัน การพูดถึงคนยากคนจน ได้เผยแพร่หลัง 14 ต.ค. ไปมาก
แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดการต่อต้าน มีการสร้างมวลชนฝ่ายขวากลุ่มต่างๆ และก็เกิดเพลงหนักแผ่นดิน ในท่วงทำนองปลุกใจ ทำให้เกิดกระแสขวาพิฆาตซ้ายและคิดว่าเอาชนะได้เมื่อ 6 ต.ค. 19 คือปราบปรามนักศึกษาและประชาชนอย่างโหดร้าย อันนี้แล้วแต่จะตีความในทางการทหารคิดว่าประสบความสำเร็จ แต่ในทางการเมือง ตนคิดว่าไม่ใช่
นางธิดา กล่าวว่า ดังนั้นเมื่อผบ.ทบ.บอกให้คุณสุดารัตน์ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินกระแสแห่งความทรงจำในประวัติศาสตร์ก็กลับมา การใช้เพลงปลุกใจก็ต้องตั้งคำถามว่า ปลุกใจไปทำอะไร ในเนื้อหาเพลงนั้นเป้าหมายก็คือคนไทยแล้วก็ถือว่าเป็นฝ่ายซ้าย มาปลุกระดมให้เกิดความแตกแยก แต่ความเป็นจริงแล้วเนื้อเพลงปลุกใจอันนี้ก็ เป็นการสร้างความแตกแยกและปลุกระดมให้คนไทยอีกฝ่ายหนึ่งไปจัดการกับคนไทยที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ใช่หรือไม่
"ตัวเพลงปลุกใจนี้เป็นสัญลักษณ์และเป็นเครื่องมือของทางความคิดสำหรับการจัดการกับความคิดที่แตกต่างภายใน ไม่ได้ไปสู้รบกับต่างประเทศหรืออริราชศัตรูที่มารุกราน รวมทั้งการที่โฆษกกลาโหมออกมาแถลงวอนนักการเมืองอย่าสาดโคลน ชี้มีความพยายามลิดรอนเกียรติภูมิทหาร-กองทัพ สิ่งที่พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.พูดว่าไปฟังเพลงหนักแผ่นดินและสิ่งที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงนั้น ทั้งหมดก็นำมาสู่ประเด็นวันนี้คือกองทัพไทยกับจิตสำนึกประชาธิปไตย"นางธิดากล่าว
พร้อมระบุว่า จากสิ่งที่ผบ.ทบ.แสดงออกมา รวมถึงการที่โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงนั้น อ.ธิดามองไปถึงปัญหาหลักการก็คือ แสดงว่ากองทัพไทยและกระทรวงกลาโหมเข้าใจอะไรผิด หรือเป็นเรื่องของจิตสำนึกประชาธิปไตยที่ยังไม่มี! คือไม่มีจิตสำนึกของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่พรรคการเมืองนำเสนอนั้น เขานำเสนอหลักการว่าเขาจะปฏิรูปกองทัพและเป็นนโยบายของพรรคการเมือง ถ้าท่านมีจิตสำนึกการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีจิตสำนึกว่าอำนาจอธิปไตยของประเทศนี้เป็นของประชาชน ท่านจะพูดอย่างนี้ไม่ได้เลย
ที่ปรึกษานปช. กล่าวอีกว่า ถ้าประชาชนมีอำนาจในฐานะเจ้าของประเทศตามระบอบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ถือว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ผู้สมัครส.ส.หรือแคนดิเดตนายกฯ หรือพรรคการเมืองก็มีสิทธิที่จะเสนอการปฏิรูปกองทัพ การปฏิรูปสาธารณสุข การปฏิรูปในเรื่องต่าง ๆ และประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ท่านจะมาตัดสินแทนประชาชนไม่ได้
แปลว่า นโยบายนี้ไม่ถูกใจกองทัพ ขณะที่นายกฯ ก็ออกมาปกป้อง โดยเฉพาะรองนายกฯ ก็บอกเช่นกันว่าให้ไปฟังเพลงนี้ แต่ถามว่าผบ.ทบ., รองนายกฯ, นายกฯ เข้าใจหรือเปล่าว่าเพลงหนักแผ่นดิน นี้คือสัญลักษณ์ของการปลุกคนให้มาต่อต้านฝ่ายที่เห็นต่าง และปูทางไปสู่รัฐประหารในปี 2519 ปูทางไปสู่การปราบปรามประชาชนให้มีลูกเสือชาวบ้าน, นวพล, กระทิงแดง ไปจัดการกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ตามด้วยตชด.และการทำรัฐประหาร นั่นคือที่มาและเป้าหมายของการใช้เพลงนี้
นางธิดา กล่าวอีกว่า ขณะนี้กองทัพไทยและรัฐบาลคสช.ยังไม่มีจิตสำนึกการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแน่นอน แล้วจะมีการเลือกตั้งเพื่อเปิดทางไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้เช่นนั้นหรือ เพียงพรรคการเมืองพูดนิดเดียวว่าจะตัดงบกลาโหม 10 % เพื่อเอาไปทำประโยชน์อย่างอื่น ท่านก็รับไม่ได้เสียแล้ว
“พูดง่ายๆ ก็คือกองทัพไทยยังไม่มีจิตสำนึกว่าตัวเองอยู่ในการเมืองระบอบประชาธิปไตย ถ้ามีจิตสำนึกการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ท่านต้องยอมรับว่า 1) อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน 2) เมื่อประชาชนตัดสินแล้วว่าให้ใครมาเป็นรัฐบาล กองทัพต้องขึ้นกับอำนาจประชาชน ต้องขึ้นกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 3) อำนาจนิติบัญญัติในการออกกฎหมายต่าง ๆ เป็นอำนาจที่มาจากประชาชน กองทัพต้องขึ้นต่อตัวนี้ด้วย”
นางธิดา กล่าวอีกว่า มาถึงชั้นนี้ชัดเจนว่า ผ่านการทำรัฐประหารมาสองรอบแล้วยังแก้ปัญหาประเทศไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้ก็คือว่ากองทัพไทยและคณะรัฐประหารนั้นยังขาดจิตสำนึกระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนจึงจะพบอุปสรรคอย่างหนัก
“เพราะกองทัพไทยยังไม่มีจิตสำนึกประชาธิปไตย ยังไม่สามารถยอมรับได้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ยังมองเห็นว่าการนำเสนอการปฏิรูปกองทัพเป็นการดิสเครดิต เป็นการทำให้กองทัพเสื่อมเสียเกียรติยศ แทนที่จะมองในแง่ดีว่าเขามีความคิดเห็นปฏิรูปกองทัพให้เหมือนกับอารยประเทศ กลับไม่ชื่นชม เราต้องตระหนักว่านี่คือปัญหาของประเทศไทยที่กองทัพไทยยังอยู่ในยุคร้อยปีก่อนหรือเปล่า”นางธิดา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี