“อภิสิทธิ์”ชี้นโยบาย“แบ่งปันกำไรข้าว”ของพรรคภูมิใจไทย มีความตั้งใจหวังอิงกับแนวทางอ้อย – น้ำตาล หวั่นหากใช้นโยบายนี้จริงทำคนไทยกินข้าวแพงขึ้น
21 ก.พ.62 ที่ตลาดประชาอุทิศ 61 เขตทุ่งครุ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย เสนอนโยบายแบ่งปันกำไรข้าว โดยอิงหลักจากอ้อยและน้ำตาล ว่า การที่พรรคภูมิใจไทยประกาศนโยบายเรื่องข้าวว่าดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์ และจะให้ชาวนาได้รับส่วนแบ่งที่ดีกว่านั้น ตนมองว่ากลไกการทำงานจะแตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จัดทำนโยบายข้าวจากประสบการณ์ที่ได้เคยทำเรื่องการประกันรายได้จนประสบความสำเร็จ เป็นนโยบายที่พิสูจน์แล้วว่าเมื่อทำแล้วไม่เกิดความเสียหายต่อฐานะการเงินการคลังและไม่มีการทุจริต ไม่ทำลายกลไกการค้าข้าวและทำให้ข้าวไทยยังสามารถส่งออกได้ดีในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เข้าใจว่าน่าจะนำแนวคิดเรื่องอ้อยและน้ำตาลมาใช้กับข้าว ซึ่งเป็นความตั้งใจที่ดี แต่ตลาดข้าว อ้อยและน้ำตาลแตกต่างกัน โดยที่ผ่านมาได้มีการตรึงราคาน้ำตาลในระดับที่สูง แต่ทันทีที่มีการลอยตัวราคาน้ำตาลก็ส่งผลกระทบกับราคาอ้อยอย่างรุนแรง หากนำระบบอ้อยและน้ำตาลมาใช้กับข้าว ก็หมายถึงว่าคนไทยจะต้องกินข้าวแพงใช่หรือไม่ ขณะเดียวกัน ในการป้อนอ้อยเข้าสู่โรงงานนั้น โรงงานน้ำตาลก็มีจำนวนโรงงานน้อยกว่าและมีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ ส่วนในการค้าขายข้าวนั้น ข้าวมีหลายประเภทและมีโรงสีจำนวนมาก จึงมองว่าอาจทำได้ยาก ซึ่งไม่ต้องฟังจากตัวเองก็ได้ แต่ไปฟังจากนักวิชาการว่า การจะนำระบบอ้อยและน้ำตาลมาใช้กับข้าวนั้นสามารถเป็นไปได้หรือไม่
“กลไกการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยมีความแตกต่างกัน เรื่องข้าว พรรคประชาธิปัตย์ทำนโยบายข้าวจากประสบการณ์ โดยใช้นโยบายประกันรายได้ ถือว่าประสบผลสำเร็จมาระดับหนึ่ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะมีการปรับปรุงยกระดับขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เป็นนโยบายที่พิสูจน์แล้วว่าดำเนินการไปแล้วระบบการเงิน การคลังไม่เสียหาย และที่สำคัญไม่มีการทุจริต และกลไกการขายข้าวไม่พัง ข้าวไทยยังสามารถแข่งขัน และส่งออกได้เป็นอย่างดี นี่เป็นแนวทางของประชาธิปัตย์” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของพรรคภูมิใจไทยผมเข้าใจว่าจะเอาแนวคิดเรื่องระบบอ้อย-น้ำตาลมาใช้กับข้าว ซึ่งถือเป็นความตั้งใจที่ดีแต่ความจริงแล้วตลาดอ้อย-น้ำตาล กับตลาดข้าวมีความแตกต่างกันที่ผ่านมาระบบอ้อย-น้ำตาล สามารถทำได้ เพราะสามารถตรึงราคาน้ำตาลในราคาที่สูง จะเห็นได้ว่าทันทีที่มีการลอยตัวราคาน้ำตาล และน้ำตาลลดลงราคาอ้อยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
“เพราะฉะนั้นคำถามก็คือถ้าเอาระบบอ้อย-น้ำตาล มาใช้กับข้าว ก็แปลว่าให้คนไทยกินข้าวแพงใช่หรือไม่ ประการที่สองการป้อนอ้อยเข้าสู่โรงงานผลิตน้ำตาล มีโรงงานน้อย มีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ ขณะที่การค้าขาย ข้าวมีหลายประเภท โรงสีมีจำนวนมาก ตรงนี้เป็นปัญหาที่จะทำได้ยาก เรื่องนี้สามารถฟังจากนักวิชาการว่าสามารถเป็นไปได้จริงหรือ ที่จะนำระบบอ้อยน้ำตาลมาใช้กับพืช เช่น ข้าว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี