ทหารว้ากฝ่ายการเมือง
อย่าแตะกองทัพ
มั่วโจมตีโยงใช้หาเสียง
ยันมีไว้ป้องกันประเทศ
‘ผบ.ทบ.’ยึดพื้นโชว์พลัง
กกต.ไร้ข้อมูลยุบ‘พปชร.’
กองบัญชาการกองทัพไทย ส่งโฆษกฯเตือนสตินักการเมือง อย่าชูนโยบายยุบกองทัพไปเป็นประเด็นหาเสียง ระบุกองทัพต้องป้องกันประเทศและดูแลประชาชน ด้าน “บิ๊กแดง” นำ 5 เสือทบ. โชว์ความฟิต บอกทหารรักกันดี ในขณะที่กกต.ย้ำมีอำนาจยื่นศาลยุบพรรคไทยรักษาชาติ ส่วนพลังประชารัฐ มีแค่คำร้องแต่ไม่มีหลักฐาน ด้าน “บิ๊กตู่” บินเยือนเกาะสมุย ระทึกใบพัดเครื่องบินขัดข้อง ต้องวนกลับไปเปลี่ยนลำใหม่
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) แสดงความคิดเห็นกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หาเสียงชูนโยบายยุบกองบัญชาการกองทัพไทยหากได้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า อยากชี้แจงทำความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของกองบัญชาการกองทัพไทยว่า กองทัพไทยถือกำเนิดคู่กับความเป็นชาติไทย เหล่าทหารหาญได้พลีเลือดเนื้อ และชีวิต เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ รวมทั้งสร้างความผาสุกให้กับประชาชนมาโดยตลอด เดิมที่มีเพียงกองทัพบก ต่อมาจึงได้จัดตั้งกองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ตามลำดับ สำหรับกองบัญชาการกองทัพไทยนั้นได้จัดตั้งขึ้นในภายหลัง
“ซึ่งบางคนอาจมีคำถามว่าทำไมจึงต้องมีกองบัญชาการกองทัพไทย บทเรียนที่ได้จากการปฏิบัติการทางทหารในยุคใหม่ แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติการทางทหารในปัจจุบันและอนาคตนั้น ยากที่เหล่าทัพใดจะสามารถชนะในสนามรบได้โดยลำพัง เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้การรบเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รุนแรง และครอบคลุม หลายมิติ มีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องสนธิขีดความสามารถของทุกเหล่าทัพเข้าด้วยกันอย่างประสานสอดคล้อง เพื่อนำขีดความสามารถของกำลังเหล่าทัพหนึ่งไปชดเชยจุดอ่อนของกำลังอีกเหล่าทัพหนึ่ง อันจะนำไปสู่ความได้เปรียบเหนือฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในวงการทหารรู้จักกันดีในนาม การปฏิบัติการร่วม หรือ Joint Operations เมื่อมีการปฏิบัติการร่วม ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่วางแผน อำนวยการ สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติการร่วมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กองทัพสหรัฐฯ ได้มีการจัดตั้งคณะเสนาธิการร่วม หรือ The U.S. Joint Chiefs of Staff ขึ้นในปี ค.ศ.1942 (พ.ศ.2482) และได้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย วางแผน และอำนวยการปฏิบัติการของฝ่ายพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2” โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าว
กองทัพมีไว้ป้องกันประเทศ
พล.ต.กฤษณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้มีการจัดตั้ง “กองบัญชาการทหารสูงสุด” เป็นหน่วยงานถาวร เพื่อทำหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชากำลังสามเหล่าทัพใน พ.ศ.2503 ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนแปลงเป็นกองบัญชาการกองทัพไทย ทำหน้าที่วางแผน อำนวยการ สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทย จะเห็นได้ว่า การมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่วางแผน อำนวยการ สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติการร่วม ถือเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง กองทัพของประเทศ ซึ่งมีหน่วยงานในลักษณะนี้อยู่แล้ว ก็ล้วนพยายามพัฒนาให้มีบทบาทและความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น สำหรับประเทศที่ยังไม่มี ก็พยายามจะจัดตั้งขึ้น เพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ
“ดังนั้น สิ่งที่ควรถาม จึงไม่ใช่ ทำไมจึงต้องมีกองบัญชาการกองทัพไทย แต่สังคมควรถามว่า ทำอย่างไรเราจึงจะช่วยกันพัฒนาและเสริมสร้างให้กองบัญชาการกองทัพไทยสามารถขับเคลื่อนงานด้านการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พร้อมเผชิญกับความท้าทาย ภายใต้สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อประเทศชาติและลูกหลานไทยของเราทุกคน” โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าว
อย่านำกองทัพไปหาเสียงโจมตี
และว่า กล่าวว่าในห้วงสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้ง อาจมีการเชื่อมโยงนำกองทัพไปเป็นประเด็นในการหาเสียง จึงขอให้ทุกฝ่ายพิจราณาทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์โดยไม่สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม การนำเสนอนโยบายของพรรคการเมืองขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ
บิ๊กแดงทดสอบร่างกายโชว์ฟิต
ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 7.00 น. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้นำนายทหารระดับ 5 เสือกองทัพบก ได้แก่ พล.อ.ณัฐพงษ์ นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิจักขฐ์ ศิริบรรสพ ผช.ผบ.ทบ. และ ธีระวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก รวมถึง ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองบัญชาการกองทัพบก ผู้บังคับหน่วยของกองทัพภาคที่ 1 และกำลังพลในสำนักงานผู้บังคับบัญชา ทดสอบร่างกายประจำปี2562 ครั้งที่ 1 ตามนโยบาย “ Smart Soldiers Strong Army”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการทดสอบสถานีแรก ด้วยท่ายึดพื้น พล.อ.อภิรัชต์ ได้นำเบาะผ้าใบรองพื้นออก และ ทำการยึดพื้นกับพื้นซีเมนต์และไม่ได้ใช้เข่าพยุง ซึ่งผลการทดสอบปรากฏว่า พล.อ.อภิรัชต์ สามารถยึดพื้นได้ 42 ครั้ง ผ่านเกณฑ์ 70 % ส่วนสถานีที่ 2 ในท่าลุกนั่ง พล.อ.อภิรัชต์ ผ่านเกณฑ์ทดสอบ 100 % สามารถลุกนั่งได้ 71 ครั้ง อย่างไรก็ตามในสถานที่ 3 ซึ่งเป็นการทดสอบด้วยการวิ่งนั้น จะแตกต่างจากปีที่แล้ว โดยครั้งนี้จะใช้ลักษณะการวิ่งเป็นหน่วยระยะทาง 2 กิโลเมตร ด้วยการตั้งแถวตอนเรียง 6 มี พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพน้อยที่2 เป็นผู้ควบคุมแถว ซึ่งระหว่างการวิ่งนั้นผู้ทดสอบทั้งหมด ได้ร้องเพลง มาร์ชกองทัพบก และ มาร์ชสามัคคีสี่เหล่า ไปพร้อมกันอย่างเข้มแข็ง ในขณะที่ภายในกองทัพบก ยังเปิดเพลง หนักแผ่นดิน (อะคูสติกเวอร์ชั่นใหม่) มาร์ชกองทัพบก ความฝันอันสูงสุด เป็นต้น คลอตามไปด้วย โดยการวิ่งดังกล่าวมีการเดินผ่อนกำลังเพื่อให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่สมรรถภาพร่างกายแตกต่าง สามารถวิ่งไปพร้อมๆ กัน ใช้เวลาทดสอบ 10.30 นาที ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์
สร้างกองทัพให้เข้มแข็ง
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการทดสอบ พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ. 904 ) บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ทหาร ทม.แข็งแรงทุกคน ยึดพื้น เข่าต้องไม่แตะพื้น “ ทั้งนี้ นายทหารในหน่วย ฉก.ทม.รอ.904 ที่เข้าทดสอบร่างกายในวันนี้ ประกอบด้วย พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) พล.ต.ปิยพงษ์ กลิ่นพันธ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารบก เป็นต้น
หลังจากการทดสอบ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า “เหนื่อยมั้ย” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า “เหนื่อยอะไรดูสิ ทหารรักกันจะตาย” พร้อมชี้ไปที่กำลังพลและผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มาร่วมทดสอบร่างกายก่อนกล่าวว่า “ให้กำลังใจ ทหารรักกันขนาดนี้ และพอใจสถิติวันนี้ในภาพรวม ผู้บังคับบัญชาทุกระดับมีกำลังกายที่แข็งแรง ทำให้สถิติดีขึ้นทุกคน สตรองอาร์มมี่” เมื่อถามต่อว่า ช่วงนี้กองทัพถูกโจมตีเยอะจะชี้แจงอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า “ก็นี่ไง สตรอง”
กกต.ขอให้ขรก.วางตัวเป็นกลาง
วันเดียวกันที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นประธานประชุมเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) เป็นการทั่วไป โดยเป็นการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทั่วประเทศ รวมทั้งผู้แทนจากกรุงเทพมหานครเข้าร่วมประชุม โดยประธานกกต. ได้บรรยายสถานการณ์การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่24 มีนาคม พร้อมกับ ขอให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
มีอำนาจชงยุบไทยรักษาชาติ
ส่วนกรณีกกต.ไม่ตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคนายอิทธิพร กล่าวว่า ขอให้ไปอ่านคำแถลงข่าวของกกต.ที่เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ ยืนยันว่ากกต.มีอำนาจพิจารณาตามมาตรา 92 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวน
เมื่อถามย้ำว่า หากศาลตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ กกต.ต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ ในฐานะที่เป็นผู้รับสมัคร นายอิทธิพร กล่าวว่า การมายื่นใบสมัครเป็นการรับเรื่องไว้เฉย ๆ เหมือนกับการที่ใครมาส่งจดหมายก็รับเรื่องเอาไว้ แต่ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณา ถ้าเปรียบก็เหมือนศาลรับเรื่องเอาไว้ แต่ยังไม่ได้รับฟ้อง
ไม่มีหลักฐานยุบพปชร.
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขากกต.ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวกรณีคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เข้าสู่กระบวนการพิจารณา ว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งมีแต่คำร้อง แต่ไม่มีหลักฐาน ก็ต้องไปตรวจสอบให้รอบคอบ คาดว่าจะเสนอให้กกต.ได้ภายใน 1-2สัปดาห์
จ่อให้ลุงตู่ช่วยหาเสียง
ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ช่วย น.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางซื่อ-ดุสิต ของพรรค โดยขึ้นรถแห่จากศูนย์ประสานงานไปซอยประชานฤมิตร หรือซอยโรงไม้ย่านการค้าสำคัญของบางโพ และได้พบปะพ่อค้าแม่ค้าพูดคุย พร้อมยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความเหมาะสมเป็นนายกฯมากที่สุด เนื่องจากบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย
“สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง และทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบและมั่นคง จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในเรื่องอื่น ๆ ได้ ขณะเดียวกันพรรคพร้อมส่งผู้สมัครร่วมดีเบตในเวทีต่าง ๆ ตามคำเชิญของสื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ พรรคมีแนวทางจะส่งจดหมายถึง กกต.อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้ตีความว่าสิ่งใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำได้ หรือไม่ได้”นายพุทธิพงษ์ ระบุ
‘บิ๊กตู่’อ้อนชาวเกาะสมุย
เวลา 11.00น.วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้าคสช.เดินทางถึงอาคารเอนกประสงค์ ท่าเทียบเรือเกาะสมุย ต.หน้าทอน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎรธานี ท่ามกลางประชาชนมารอรับกว่าพันคน น โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นมือทั้งสองข้างเพื่อสัมผัสมือกับชาวปักษ์ใต้ ซึ่งประชาชนได้ตะโกน”นายกฯ สู้ๆ” นายกฯ จึงทำมือเป็นสัญลักษณ์ ไอเลิฟยู จากนั้นได้ร่วมชมการแสดงรำมโนราห์
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอโทษประชาชนที่เดินทางมาล่าช้า เนื่องจากเครื่องบิน C130 ที่ใช้เดินทางมาขัดข้องเครื่องยนต์ใบพัดดับไป1ตัว เหลือแค่3ตัว ตนจึงถามนักบินว่าบินไปให้ถึงได้หรือไม่ เพราะแม้จะเหลือเครื่องยนต์3ตัวก็บินได้ แต่นักบินไม่ยอมก็ต้องบินกลับกทม.เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่
อุปกรณ์กองทัพต้องสมบูรณ์
วันนี้ดีใจเป็นเกียรติที่ได้มา เคยมาเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว จากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย ตอนเป็นผบ.ทบ.ก็เคยมาครั้งนึง แต่พอเป็นรัฐบาลไม่ได้มา จนมาถึงที่นี้ไม่มีอะไรสกัดกั้นผมได้ แม้แต่เครื่องบิน ดังนั้นขอให้รู้ไว้เลยว่าการที่เราต้องซื้ออุปกรณ์กองทัพเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นอย่างที่เห็น อีกทั้งไม่ไช่ผมเพียงคนเดียวที่นั่ง แต่ในวันข้างหน้าก็ต้องใช้ขนประชาชน และใช้ในยามที่เดือดร้อน เช่น พายุปาบึก ทุกคนก็ต้องขึ้นลำเดียวกับผมก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เครื่องบินบางลำอายุมากกว่าผมอีก เวลากำลังพลขึ้นยุทโธปกรณ์ต้องยกมือไหว้ นักบินเองต้องยกมือไหว้พร้อมบอกว่า อย่าเป็นอะไรนะเว้ย ปลอดภัยนะ เจ้าหน้าที่เสี่ยงกันขนาดนั้น เห็นใจเขาบ้าง นึกถึงคนใช้งานบ้าง ทุกคนเขามีความรับผิดชอบ”พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ทั้งย้ำว่า รักใครชอบใครก็เลือกคนนั้น แต่ต้องนึกถึงบ้านเมืองด้วยว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร วันนี้ผมมาด้วยความรัก ถ้าไม่รักก็ไม่มา รักทุกคน อย่าเกลียดชังฉันนักเลยเพราะถ้าตามใจมากก็จะเละเทะ ทุกอย่างต้องมีการหารือและแก้ปัญหา จากนั้นนายกฯพร้อมคณะเดินทางต่อไปยัง จ.กระบี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี