“ทษช.”กางปฏิทินแจงหาเสียง 18 มี.ค.ปิดท้ายกทม.22 มี.ค.หยุด27ก.พ.1วันลุ้นศาลรธน.คดียุบพรรค “ณัฐวุฒิ”ชวน”บิ๊กตู่”ขึ้นเวทีพรรคพปชร.ปราศรัยให้ปชช.ตัดสิน จี้ถอนพรบ.ข้าว ซัดผู้มีอำนาจ กินข้าวแล้วยังกินเลือดชาวนา
22 ก.พ. 62 ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพร้อมคณะร่วมกันแถลงข่าว กำหนดการหาเสียงของพรรค ทษช. ในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัด
โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคได้กำหนดภารกิจลงพื้นที่หาเสียง ตั้งแต่ 23-18 มี.ค.โดยในวันพรุ่งนี้ (23ก.พ.) จะลงพื้นที่วงเวียนใหญ่ จากนั้นวันที่ 24 ก.พ.ลงพื้นที่ในเขต 3 และพื้นที่เขตทุ่งครุ -ราชบูรณะ ,วันที่ 25 ก.พ.ลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ จ.ชัยนาท วันที่ 26 ก.พ.ลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่จ.นครปฐม ,ส่วนวันที่ 27 จะหยุดทำกิจกรรมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดียุบพรรค
จากนั้นจะเดินสายปราศรัยใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. จ.ชลบุรี ,วันที่ 1 มี.ค.ลานคนเมืองกทม.วันที่ 2 มี.ค.พิจิตร ,วันที่ 3 มี.ค.พิษณุโลก ,วันที่ 4 มี.ค. จ.กำแพงเพชร,วันที่ 5 มี.ค. จ.ภูเก็ต และจ.พังงา ,วันที่ 6 มี.ค จ.กระบี่ เขต1-2 ,วันที่ 7 มี.ค.จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส,วันที่ 8 มี.ค.จ.ระยอง,วันที่ 9 มี.ค.จ.จันทบุรี,วันที่ 10 มี.ค.จ.ตราด ,วันที่ 11 มี.ค.จ.กาญจนบุรี, วันที่ 12 มี.ค.จ.ตาก อ.แม่สอดและอ.เมือง,วันที่ 13 มี.ค.จ.นครศรีธรรมราช,วันที่ 14 มี.ค.จ.สุราษฏร์ธานีวันที่15 มี.ค.จ.ตรัง,วันที่ 16 มี.ค.ลงพื้นที่ลงในกทม.วันที่ 18 มี.ค.จ.บุรีรัมย์ ช่วงเวลาที่เหลือเว้นว่างไว้เพื่อจัดเวทีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และจะปิดท้ายเวทีปราศรัยใหญ่ในกทม.วันที่ 22 มี.ค. เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องสถานที่ที่ชัดเจน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์การเมืองอย่างพรรคพลังประชารัฐ(พปชร)ส่งสัญญาณว่าจะหารือกับคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.มาช่วยรณรงค์หาเสียงในนามพรรคช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อเรียกกระแส หรือสร้างความสนใจให้กับประชาชน ฝากไปถึงพรรคพปชร.และพล.อ.ประยุทธ์ ว่าที่ทำมาถึงวันนี้ก็ได้เปรียบเกินกว่าจินตนาการแล้วดังนั้นไม่ต้องรอโค้งสุดท้าย และตนไม่ท้าท่านดีเบตด้วยเพราะเดี๋ยวมีข้ออ้างมากมาย เราเจอบนเวทีหาเสียงเลยดีกว่า
“ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะรอขึ้นเวทีในโค้งท้ายก็ขึ้นพรุ่งนี้ก็เลยปชช.จะได้เห็นกันได้ชัดไม่ต้องใช้ความเป็นผู้นำรัฐบาลลงพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค ใช้เวทีรัฐบาลพูดจาแต่สาระและนัยทางการเมืองก็คือการหาเสียงในนามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ดี ผมไม่ได้ท่าแต่ผม ชวนมาเจอกันบนเวทีปราศรัยไม่ต้องเจอเวทีเดียวกัน ขึ้นคนละเวทีแล้วให้ปชช.เป็นคนตัดสินใจ เมื่อสถานการณ์คือการต่อสู้ เราน่าจะสู้กันอย่างเปิดเผย และเคารพการตัดสินใจของประชาชน.” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึง การผลักดันพรบ.ข้าว ว่าเป็นการสร้างความเจ็บช้ำ สร้างความไม่มั่นคงให้พี่น้องชาวนาทั่วประเทศ ตนได้ยินพรรคพปชร.หาเสียงที่จ.ชัยนาท ระบุถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเข้าไปยกเลิกมาตราที่เป็นปัญหา พรรคพปชร.ไม่ควรเอาพรบ.ข้าวและวิถีชีวิตชาวนาเป็นตัวประกันไม่ควรตั้งเงื่อนไขว่าประชาชนจะเลือกไม่เลือกจึงจะได้ตัวบทกฎหมายที่ต้องการ เรื่องนี้ผู้มีอำนาจต้องถอนออกไปโดยไม่มีเงื่อนไข ให้ชาวนาตัดสินใจพัฒนาซื้อขาย แลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวกันเอง และทำให้เป็นสมบัติของชาติแลัชาวนาอย่างแท้จริง
“ไม่เข้าใจกลุ่มคนที่เสนอคิดอะไรอยู่และไม่เข้าใจสนช.คณะนี้มีผลงานการยกมือผ่านกฎหมายเปรียบเหมือนร้านอาหารตามสั่ง ทำไมผู้มีอำนาจยังไม่สั่งให้หยุดกฎหมาย ท่านกินข้าวชาวนาไปแล้วยังกินเลือดชาวนาอีกหรือ พรบ.ข้าวไม่ใช่เงื่อนไงทางการเมืองพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น และเมื่อมีสภาเลือกตั้งจะหยิบมาอีกหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของสภาชุดต่อไป ผมหวังใจว่า 26 ก.พ.พรบ.ข้าวจะถูกถอนออกไป และหวังว่าพรุ่งนี้ผู้มีอำนาจส่งสัญญาณให้ถอน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุผลที่กับมาปราศรัยอีกครั้งนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เนื่องจากการทำงานของผู้สมัครแต่ละเขตเลือกตั้ง ถูกสอบถามถึงนโยบาย และแนวทางการทำงานการชี้แจงเป็นรายบุคคลก็ทำอยู่แต่พื้นที่มันกว้าง ยังมีจ้อจำกัด เวทีปราศรัยเป็นจึงจำเป็น ถึงการสื่อสารแนวคิดประกอบกับเรามีความชัดเจนในสถานการณ์คดีความจะเป็นการต่อสู้ในศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น เวทีปราศรัยจะไม่มีนัยยะใดเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวเมื่อเป็นเช่นนี้เราก็มีหน้าที่ปฏิบัติกับตามที่ได้รับผิดชอบไว้กับพี่น้องประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี