“ศักดิ์สยาม”ยัน“กัญชาเสรี” ทำได้จริง-ศึกษาวิจัยมาแล้ว ลั่น สร้างรายได้สายเขียวปีละ 3 แสนล้านบาท ลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เหลือ 5% หวั่นกฎหมายรัฐบาลผูกขาดนายทุน ชาวบ้านซื้อยาแพง ขณะที่ แบ่งปันกำไรสินค้าเกษตร ไม่ทำคนไทยกินข้าวแพง เหตุเป็นสินค้าควบคุม โต้โพล “อนุทิน” เป็นที่รู้จัก ด้าน “เศรษฐพงค์” เผย “เสี่ยหนู” สั่งผู้สมัคร เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็น “โลโก้ ภท.” สร้างภาพจำ-ตอกย้ำใกล้ชิดประชาชน เมินใต้ดินเล่นแรง ย้ำ เน้นทำงาน ไม่ตอบโต้การเมือง
22 ก.พ. 62 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.), นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค และ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวชี้แจงนโยบายกำไรแบ่งปันสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าว ที่มีการตั้งข้อสังเกตจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ว่า อาจทำให้ข้าวสารมีราคาแพง และนโยบายกัญชาเสรี ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า นโยบายดังกล่าวทำไม่ง่ายว่า ขอยืนยันว่า นโยบายต่างๆของพรรค ภท. ทั้ง 12 ด้าน ผ่านการศึกษาและวิจัยตามหลักวิชาการ ยกตัวอย่างเรื่องข้าว ที่ยืนยันว่า จะไม่ทำให้ราคาข้าวสารแพงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการควบคุมราคาข้าวสาร และตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2562 ได้จัดให้ข้าวอยู่ในสินค้าควบคุม นอกจากนี้ระบบข้าวกำไรแบ่งปันของพรรคภท.ยังใช้รูปแบบเดียวกับกฎหมายอ้อยและน้ำตาลที่ดำเนินการมาแล้ว 35 ปี ทำให้ชาวไร่อ้อยได้กำไรถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่โรงงานและผู้ส่งออกน้ำตาลได้กำไรจากส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหากนำแนวทางของอ้อยและน้ำตาลมาใช้กับข้าว ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน โดยชาวนาจะได้ส่วนแบ่ง 75% โรงสี 10% และผู้ค้าข้าวได้ 15%
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ส่วนนโยบายกัญชาเสรีนั้น เดิมกัญชาไม่ได้ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ และมีขายตามร้านขายยา แต่ต่อมาปีพ.ศ. 2522 รัฐบาลได้กำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติด กระทั่งปัจจุบัน รัฐบาลได้แก้ไขกฎหมายให้กัญชาสามารถใช้ทางการแพทย์และการพาณิชย์ แต่พรรคภท.เห็นว่า ยังไม่สมบูรณ์ โดยเราได้ศึกษาต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบด้วยการใช้กัญชาเพื่อ 3 วัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อการแพทย์ 2.เพื่อการพาณิชย์ และ 3.ประชาชนสามารถปลูกได้ 6 ต้น/ครอบครัว ซึ่งพรรคภท.ได้นำโมเดลดังกล่าว มาทำเป็นนโยบาย พร้อมเสนอเป็นร่างกฎหมาย โดยเสริมเรื่องที่ 4 คือ แพทย์แผนไทย ดังนั้นหากพรรคภท.เป็นรัฐบาล จะแก้กฎหมายและผลักดันทั้ง 4 แนวทางให้เป็นความจริง ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ประเทศปีละประมาณ 303,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ จะนำเงิน 100,000 ล้านบาท ไปผลักดันนโยบายอีก 11 ด้านของพรรค โดยไม่ต้องกู้เงิน ไม่ต้องขึ้นภาษี หรือขายพันธบัตร ส่วนเงินอีก 200,000 ล้านบาท จะนำไปลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)จาก 7 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการลดรายจ่ายของประชาชน และทำให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจได้มากขึ้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลของนายวิษณุที่ระบุว่า กัญชาบางสายพันธุ์ เป็นโทษมากกว่าเป็นคุณนั้น ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสรรหาสายพันธุ์ที่ดี และมีราคามาให้ประชาชนเพาะปลูก เช่นเดียวกับการหาพันธุ์ข้าวที่รัฐบาลต้องควบคุม ไม่ใช่การต้มแกงไก่ที่จะใช้สายพันธุ์อะไรก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากพรรค ภท.ไม่ได้เข้าไปแก้ไขกฎหมายยาเสพติดให้โทษที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้ ก็จะส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตยามีโอกาสครอบงำและผูกขาดธุรกิจกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ประชาชนจะเสียโอกาสในการสร้างรายได้ด้วยการปลูกกัญชาครอบครัวละ 6 ต้น รวมทั้งยังต้องเสี่ยงซื้อยาที่มีราคาแพง เช่น น้ำมันแคนนาบิไดออล (CBD Oil) ที่สกัดจากพืชกัญชา ซึ่งมีราคาแคปซูลละ 3,000 บาท
“ผมเชื่อว่า นายทุนเหล่านั้นจะไม่ลดราคาให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายอย่างแน่นอน” เลขาธิการ ภท. กล่าว
เมื่อถามถึงโอกาสในการผลักดันนโยบายกัญชาเสรีให้เป็นผลสำเร็จ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า หากประชาชนเห็นด้วยกับนโยบายกัญชาเสรี ขอให้เลือกพรรคภท.กันมากๆในวันที่ 24 มีนาคมนี้ หากพรรคภท.เป็นแกนนำรัฐบาล ก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากใครจะดึงเราไปร่วมรัฐบาล ก็ต้องรับนโยบายทั้ง 12 ด้านไปปฏิบัติ แต่หากไม่รับ เราก็ไม่ร่วม และขอยืนยันว่า หากเราทำนโยบายกัญชาเสรีได้จริง ประชาชนจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่ลดลง เหลือ 5 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า จากผลโพลหลายสำนัก พบว่า พรรคภท.และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ไม่ติดอยู่ในอันดับความนิยม นายศักดิ์สยามกล่าวว่า สำนักโพลมีหลายสำนัก ซึ่งถือว่า เป็นเรื่องดีที่เราจะได้ทำงานให้หนักขึ้น และอยากให้ดูวันที่ 24 มีนาคมว่า สุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนกรณีที่ระบุว่า นายอนุทินไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา นายอนุทินเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และที่ผ่านมา จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนและกล่าวปราศรัยในเวทีต่างๆ ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ใกล้ถึงวันเลือกตั้ง 24 มีนาคมเข้ามาทุกขณะ สถานการณ์การเมืองก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น ที่ผ่านมา เราจะเห็นการใช้เกมใต้ดินต่างๆ ในทางการเมืองเข้ามาทำลายล้างกัน ไม่ว่า จะเป็นการใส่ร้าย ให้ข่าวโจมตี หรือการทำลายป้ายหาเสียง พรรคภท.เองก็มีผู้สมัครที่ถูกกระทำอย่างนั้นด้วย ซึ่งเราเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นพลวัตทางการเมือง จึงไม่ได้มีการโต้ตอบอะไรออกไป อีกทั้งนายอนุทินได้ให้นโยบายไว้ชัดเจนว่าเราทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ตอบโต้ทำลายกันทางการเมือง
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า ช่วงใกล้เลือกตั้งที่เหลือเวลาอีก 31 วันนั้น หัวหน้าพรรคได้กำชับให้ลูกพรรคทุกคนเร่งลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรค และแนะนำผู้สมัครให้ประชาชนในพื้นที่ได้รู้จักมากที่สุด ซึ่งการให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับผู้สมัคร และนโยบายของพรรค จะเป็นส่วนช่วยให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจลงคะแนนให้กับผู้สมัครของเราได้ นอกจากนี้ นายอนุทินยังได้ขอความร่วมมือไปยังลูกพรรคทุกคนให้ใช้ตรา(Logo) ของพรรคภท. นำมาเป็นภาพโปรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ไปจนถึงวันที่ 24 มีนาคม เพื่อให้ประชาชนจดจำพรรคภท.ได้ และสื่อให้เห็นว่าพรรคภท.อยู่กับประชาชนในทุกที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี