โพลล์สำรวจเก้าอี้นายกฯ
‘บิ๊กตู่’นำโด่ง
พปชร.จ่อดึงช่วยหาเสียง
ขอความชัดเจนกกต.25กพ.
คสช.เดือดแจ้งจับเว็บฉาว
ปล่อยข่าวป้ายสี‘ผบ.ทบ.’
หวังผลป่วนในช่วงเลือกตั้ง
เปิดผลโพลล์ ประชาชน ยังหนุน“ประยุทธ์”นั่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่อง ในขณะที่พลังประชารัฐจ่อหารือ กกต.อย่างเป็นทางการ ขอ “ลุงตู่” ร่วมหาเสียงดีเบต 25 กุมภาพันธ์นี้ ส่วน คสช.เต้นผางรุดแจ้งความเว็บไซต์ปล่อยข่าวทาสี “บิ๊กแดง” ชี้มีขบวนการสร้างข่าวเท็จ หวังผลการเมืองป่วนช่วงใกล้เลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผย ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง“นับถอยหลัง 28 วัน สู่การเลือกตั้ง” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,506 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 95.6 ตั้งใจว่า จะไปเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 24 มี.ค. 62 ที่จะถึงนี้ ขณะ ที่ร้อยละ 2.1 ตั้งใจว่า จะไม่ไป ส่วนที่เหลือร้อยละ 2.3ยังไม่แน่ใจ
เมื่อถามว่าสโลแกนนโยบายพรรคที่เห็นหรือได้ยินแล้วสนใจมากที่สุดคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส (พรรคเพื่อไทย) คิดเป็นร้อยละ 37.4 รองลงมาคือ นโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ (พรรคประชาธิปัตย์) คิดเป็นร้อยละ 34.1 ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน (พรรคภูมิใจไทย) คิดเป็นร้อยละ 23.1 7:7:7 สวัสดิการ สังคม เศรษฐกิจประชารัฐ (พรรคพลังประชารัฐ) คิดเป็นร้อยละ 21.5 และเพิ่มคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาปากท้อง พร้อมสานต่อปฏิรูปจริงจัง (พรรคชาติไทยพัฒนา) คิดเป็นร้อยละ 20.7
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ท่านตั้งใจจะเลือกผู้สมัครจากพรรคใดมาบริหารประเทศ พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.7ตั้งใจจะเลือกพรรคเพื่อไทย (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อน ร้อยละ 2.4)รองลงมาร้อยละ 10.6 ตั้งใจจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์(เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3) และร้อยละ 10.2 ตั้งใจจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2) ขณะที่ส่วนใหญ่ร้อยละ51.7 ยังไม่ตัดสินใจ (ลดลงร้อยละ 14.5)
และสุดท้าย เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ท่านจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15.1 จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1) รองลงมาร้อยละ 11.0 จะสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9) และร้อยละ 9.0 จะสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4) ขณะที่ร้อยละ 47.2 ยังไม่ตัดสินใจ (ลดลงร้อยละ 12.2)
กกต.นัดถกบิ๊กตู่ดีเบตได้ไหม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกมา ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)สามารถร่วมดีเบต หรือ ประชันนโยบายกับพรรคการเมืองต่างๆที่กกต.เป็นผู้ดำเนินการได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม
ล่าสุด ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคประชารัฐได้เตรียมทำหนังสือหารือมายัง กกต.เพื่อขอความชัดเจนว่าพล.อ.ประยุทธ์ สามารถช่วยหาเสียงและขึ้นเวทีดีเบตได้หรือไม่ซึ่ง กกต.จะหารือร่วมกันในวันที่25 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มีความแตกต่างจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองอื่นๆทั้งจากการไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค หรือที่ปรึกษาพรรค อีกทั้ง ยังเป็นข้าราชการซึ่งกฎหมายระบุว่า ข้าราชการ ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง โดยกกต.จะเร่งหาข้อสรุปทั้งหมด เพราะถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งและเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พปชร.บุกฝั่งธนฯเสียงตอบรับดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้า นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษก พปชร)พร้อมนายศันสนะ สุริยะโยธิน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 22 คลองสาน-บางกอกใหญ่-ธนบุรี (แขวงวัดกัลยาณ์ หิรัญรูจี บางยี่เรือ ตลาดพลู) เบอร์ 11 ลงพื้นที่หาเสียง ได้เข้ากราบสักการะหลวงพ่อโต ภายในวัดกัลยาณมิตร ศาลเจ้าเกียนอันเกง อายุมากกว่า 100 ปี และโบสถ์ซานตาครู๊ซรวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนต่างๆเช่น โรงขนมฝรั่งป้าเป้า บ้านเรือนไทยจันทนภาพ และบ้านกุฎีจีน
นายกอบศักดิ์ระบุว่าขณะนี้เสียงประชาชนที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐในกทม.ตอบรับดี มีความคึกคัก ในหลายพื้นที่ที่มีโอกาสเข้าไปสื่อสารนโยบาย มั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เหลือซึ่งต้องทำงานอย่างหนัก
ชี้’บิ๊กตู่’ขึ้นดีเบต รอ กกต.ชี้ชัดๆ
นายกอบศักดิ์กล่าวถึงพรรคพลังประชารัฐจะให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ช่วยหาเสียงและร่วมดีเบต กับผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯของพรรคอื่นๆหรือไม่นั้น นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่าง ที่พรรครอฟังความชัดเจนจาก กกต.ที่ต้องตีความเรื่องดังกล่าวให้เรียบร้อย ในลักษณะที่เป็นทางการ ส่วนตัวเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายก ให้กับพรรคถือว่าได้ช่วยพรรคมากแล้ว เพราะพรรค จะได้รับเสียงสนับสนุน จากประชาชนที่ชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์เพิ่มขึ้น พร้อมยอมรับว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ ช่วยหาเสียงได้ พรรคพลังประชารัฐจะยิ้มได้กว้างขึ้น
ยัน ใช้ 250สว.ตั้งรัฐบาลไม่ได้
พร้อมยังยืนยันว่า ส.ว.250คน ไม่ใช่จุดสำคัญในการขับเคลื่อนรัฐบาลเพราะการทำงานจำเป็นต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร จึงเห็นว่าการใช้เสียง ส.ส.เพียง 126 คน รวมกับสว.250คนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นไปไม่ได้ ส่วนใครจะเป็นเสียงข้างมาก ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจคิดว่ายังเร็วไปที่จะบอกว่าใครจะเป็นพรรคที่นำการจัดตั้งรัฐบาลและพรรค พปชร.จะร่วมกับพรรคการเมืองใด
ต่อยอดนโยบาย”ประยุทธ์”
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าขณะนี้บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆพรรค พปชร.ลงพื้นที่อย่างหนักเพื่อขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เน้นนำเสนอนโยบายเป็นหลัก ซึ่งประเทศไทย ต้องการความสงบ ความสามัคคี เป็นอันดับแรก บุคคลที่เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องไม่ใช่คนที่เคยขึ้นเวทีเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดงเพราะนั่นคือคนที่อยู่ในความขัดแย้งมาก่อน การเลือกตั้งครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่ในบัญชีนายกฯของพรรค พปชร.จึงเป็นทางออกของประเทศไทย
พรรคเราเป็นพรรคการเมืองของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใครแต่หลายพรรคพยายาม จะให้เราเป็นคู่ขัดแย้งด้วย กลายเป็นเหมือนเราถูกรุม แต่เราจะมุ่งสู่การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวและเชื่อว่านโยบายของพรรค จะตอบโจทย์พี่น้องประชาชนได้ ขอให้เชื่อมั่นว่าทุกนโยบายพรรคทำได้จริง และบางนโยบายจะต่อยอดนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ด้วย โดยเราจะทำให้ดีกว่าเดิมอีก
มาร์คนำทีมลงหาเสียงเขตสาทร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ทักทายประชาชนในสวนสุขภาพสมาคมแต้จิว เขตสาทรเพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และนางสาว อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต2(ปทุมวัน บางรัก สาทร) เบอร์ 4 อดีต ส.ส.ของพรรค ให้กลับมาเป็น ส.ส. ดูแลพี่น้องประชาชนอีกครั้งซึ่งได้รับการต้อนรับจากสมาคมผู้สูงอายุที่มาออกกำลังกายในยามเช้า เข้ามาทักทาย ให้กำลังใจ และขอถ่ายรูป เป็นกำลังใจกับคณะของนายอภิสิทธิ์ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยคณะ ขึ้นรถแห่รณรงค์เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 จากสมาคมแต้จิ๋วไปยังตลาดกิตติ และลงเดินทักทาย ประชาชนในตลาดเช้ากิตติ ในซอยเซ็นหลุยส์ และตลาดสะพานสอง
วอน250สว.ยอมรับเจตนารมณ์ปชช.
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องสว.250คนจะรวมกับพรรคพลังประชารัฐชิงจัดตั้งรัฐบาลได้ว่าได้แสดงจุดยืนตั้งแต่ต้นว่าแม้สมาชิกวุฒิสภา จะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญแต่ถ้าเราอยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างราบรื่น เพื่อที่จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อที่จะทำให้ประชาธิปไตยเป็นที่ยอมรับ สมาชิกวุฒิสภาก็ควรจะดูเจตนารมณ์ของประชาชน จึงเรียกร้องทุกพรรคการเมืองว่า เราควรจะมาหากระบวนการภายในสภาผู้แทนราษฎรให้ชัดเจนว่าเสียงข้างมากของ ส.ส.สนับสนุนใครเป็นรัฐบาล สนับสนุนใคร เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าทุกพรรคทำอย่างนี้ ก็จะทำให้การเลือกตั้งสะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
“ส.ว.ตามโครงสร้างรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ต้องการให้มีความเป็นกลาง นับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา เพราะฉะนั้นในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายที่ทักท้วงเวลาที่มีพรรคการเมือง หรือ รัฐบาลใดพยายามที่จะเข้าไปครอบงำส.ว.”ง
จี้’ประยุทธ์’ต้องไม่เข้าครอบงำสว.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เห็นว่านี่เป็นหลักการที่ถูกต้อง ท่านก็ควรจะสร้างความมั่นใจ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลขณะนี้และในฐานะที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าต้องไม่เข้าไปครอบงำวุฒิสภา ความจริงแล้ว ควรจะพูดว่า ให้วุฒิสมาชิกสนับสนุนใครก็ตามที่ประชาชนสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาล หากพูดอย่างนี้ เชื่อว่าประชาชนทุกฝ่ายจะสบายใจ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านเป็นหัวหน้า คสช. มีส่วนในการแต่งตั้งวุฒิสภามีส่วนได้เสียคือวุฒิสภาสามารถกลับมาเลือกท่านได้อันนี้เป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีปัญหานี้ เป็นคนดีหรือคนไม่ดี แต่เป็นปัญหาที่โดยหลักสากลหลักธรรมาภิบาล ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะจะเกิดคำถามตลอดเวลาว่า การตัดสินใจของแต่ละฝ่ายมีผลประโยชน์อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าพล .อ.ประยุทธ์ อยากให้มีความชัดเจนก็ควรจะประกาศหลักการเช่นเดียวกับที่พรรคการเมืองต่างๆ ประกาศว่าให้ ส.ว.สนับสนุนใครก็ตามที่ประชาชนเลือกมา และสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้
เมื่อถามว่ามีความมั่นใจหรือไม่ว่าในส่วนของพรรคที่สนับสนุนรัฐบาลจะไม่ชิงจัดตั้งรัฐบาลกลับ สว.250คน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเราไปตอบแทนพรรคการเมืองเหล่านั้นไม่ได้แต่คิดว่าในขณะนี้ทุกเวทีเราก็จะสอบถามเพราะเราคิดว่าการที่จะทำให้การเลือกตั้งไปเป็นไปแบบมาตรฐานสากล น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย สำหรับปัญหาเศรษฐกิจวันนี้
สุวัจน์-เทวัญ บุกบางแคช่วย น้องวิว
ในส่วนของพรรคชาติพัฒนา ช่วงเช้า นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพร้อม นายเทวัญลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ย่านบางแคเพื่อช่วย น.ส.เยาวภา บุรพลชัย ผู้สมัครส.ส. เขต 28 บางแค กับน.ส.ปัณย์วีร์ อิสริยาพร ผู้สมัครส.ส. เขต 29ภาษีเจริญ-ตลิ่งชัน หาเสียงและรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่24มี.ค.ซึ่งนายสุวัจน์และคณะได้เข้าไปยัง บ้านบางแคเพื่อพบกับผู้สูงอายุ เสนอนโยบายของพรรคที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ ก่อนเดินเท้าไปตลาดบางแคเพื่อพบปะกับพ่อค้าแม่ค้า แจกแผ่นผับแนะนำนโยบายและผู้สมัครของพรรคด้วย โดยนายสุวัจน์ หวังว่าจะได้รับการตอบรับจากคนกทม.ระดับหนึ่งและเร็วๆนี้พรรคเตรียมจัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้ง14เขตเพื่อรักษาฐานที่มั่นพรรคไว้ให้ได้
ภูมิใจไทยมุ่งมั่นปักธง กทม.ให้ได้
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.)นำโดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคฯ นำทีมงานผู้สมัครฯ ช่วยหาเสียงให้ นายณฐพนธ์ คงศิลา ผู้สมัครส.ส. กทม. เขตบางคอแหลม-ยานนาวา โดยลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ย่านเจริญกรุง ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยพ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ยืนยันว่า ในการเลือกตั้งพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทยยังมุ่งมั่นที่จะปักธงให้ได้ แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม แต่เราต้องเดินหน้าทำเต็มที่ ลงพื้นที่ทุกวัน ได้เห็นพัฒนาการของการตอบรับที่ดีจากประชาชน เราก็ดีใจ ที่เขาเห็นว่านโยบายของเราจะเป็นประโยชน์กับเขาได้ จากนี้ไปพรรคฯก็จะเดินหน้าลงพื้นที่นำโยบายไปบอกประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ภท.เด้งรับ กกต.เปิดเวทีดีเบต
เมื่อถามถึงที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะจัดเวทีดีเบตนโยบายให้กับพรรคการเมืองต่างๆ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้จะเหลือเวลาอีกไม่มาก แต่ยังดีกว่าไม่มี พรรคภูมิใจไทยโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค มีนโยบายชัดเจน เรื่องการให้สมาชิกของพรรคทุกคนช่วยกันนำเสนอนโยบาย หากมีการเชิญมาจากกกต.เราก็พร้อมที่จะส่งตัวแทนไปดีเบตในเรื่องนโยบาย และยังยืนยันที่จะไม่โจมตีกันทางการเมือง
คสช.แจ้งความเว็บ ข่าวเท็จ’บิ๊กแดง’
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา คสช.และหน่วยงานด้านความมั่นคง ตรวจพบว่ามีการสร้างข่าวเท็จ บิดเบือนข่าวสาร รวมถึงมีการจัดตั้งเพจปลอมเพื่อนำเสนอและเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ หวังชี้นำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อบุคคล องค์กรซึ่งหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว เช่น การจัดทำและเผยแพร่ราชกิจจาฯปลอมให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพพ้นจากตำแหน่ง การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเรื่องสภาพอากาศ PM2.5เป็นต้นล่าสุดคสช.ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีเว็บไซต์ jookthai ที่ปล่อยข่าวเท็จว่ากำลังมีการร่างกฎหมายใหม่ เพิ่มเวลาประจำการของทหารกองประจำการจาก2ปี เป็น 4 ปี และสร้างข่าวเท็จว่าพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก มีบ้านส่วนตัวราคาแพง
“โดยข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว มีดังนี้กรณีระยะเวลาการรับราชการทหารนั้น ขอย้ำว่ากองทัพไม่มีการปรับเปลี่ยนใดๆเกี่ยวกับเวลาในการเข้ารับราชการทหารของทหารกองประจำการ ยังคงยึดตามกฎหมายและระเบียบเดิมคือทหารกองประจำการจะต้องเข้าประจำการในหน่วยทหารเป็นเวลา2ปี ยกเว้นผู้ที่สมัครใจเป็นทหารและจบการศึกษาปริญญาตรี หรืออนุปริญญา สามารถขอใช้สิทธิ์ลดเวลาประจำการได้เป็น 6 เดือน หรือ 1 ปี และทางกองทัพยังคงยึดตามกฎหมายดังกล่าว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆการปล่อยข่าวว่าจะมีการปรับเวลาประจำการเป็น 4 ปี จึงเป็นข่าวเท็จ” รองโฆษก คสช.
ส่วนกรณีข่าวปลอมเรื่อง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ว่ามีบ้านหรูโดยมีภาพบ้านประกอบนั้น รองโฆษก คสช. กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบก ไม่เคยให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าวและไม่มีบ้านหลังใหญ่อย่างที่ถูกสร้างข่าวขึ้น พล.อ.อภิรัชต์ อาศัยอยู่บ้านพักข้าราชการในหน่วยทหารมาโดยตลอด เว็บไซต์ดังกล่าวได้สร้างข้อมูลเท็จและใช้ภาพปลอม โดยได้นำภาพบ้านหรูหลังหนึ่งที่มีการประกาศขายตามเว็ปไซต์ขายบ้านทั่วไปมาเป็นภาพประกอบ หวังให้ประชาชนเข้าใจผิด จึงขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ หรือส่งต่อข้อมูลเท็จทั้งสองเรื่อง ทั้งนี้ เว็บไวต์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเครือข่ายเว็บข่าวปลอม ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงติดตามตรวจสอบพฤติกรรมและได้ดำเนินการตามกฎหมาย ขณะนี้ได้ระงับการใช้งานเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว
เตือนปชช.ระวังข่าวปลอมป่วนลต.
รองโฆษก คสช.กล่าวว่าขณะนี้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกเผยแพร่ทุกช่องทางมีความหลากหลาย ทั้งข่าวสารทั่วไปและข่าวสารด้านการเมือง โดยเฉพาะยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง การนำเสนอข้อมูลข่าวสารก็จะยิ่งมีความเข้มข้นขึ้น อาจมีผู้ไม่หวังดีบิดเบือนหรือสร้างข่าวเท็จออกมาเผยแพร่ หวังให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองในช่วงของการหาเสียง จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ มีการตรวจสอบและมีความระมัดระวังในการส่งต่อข้อมูล การโพสต์ การแชร์ข้อความ และขอให้ติดตามข่าวสารตามช่องทางของส่วนราชการ หรือสื่อมวลชนสำนักข่าวหลักเพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อในการเผยแพร่เรื่องเท็จ รวมถึงรู้เท่าทันในข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี