“แฟนคลับ” (Fan Club) หรืออาจใช้คำว่า “กองเชียร์” โดยทั่วไปหมายถึงผู้ที่มีความชื่นชอบในตัวบุคคลหรือองค์กร และจะตามไปให้การสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรนั้นๆ ในทุกเมื่อที่มีโอกาส ขณะที่ “แอนตี้แฟน” (Anti Fan) ที่อาจแปลแบบไทยๆ ได้ว่า “กองแช่ง” นั้นมีความหมายตรงข้ามกัน นั่นคือผู้ที่มีความเกลียดชังต่อบุคคลหรือองค์กร และจะหาเรื่องโจมตีบุคคลหรือองค์กรนั้นๆ ในทุกครั้งที่โอกาสอำนวย
แม้ทั้งแฟนคลับและแอนตี้แฟนจะเป็นศัพท์ที่มาจากวงการบันเทิง แต่คนดังหรือองค์กรที่มีชื่อเสียงต่อสาธารณะไม่ว่าวงการ
ใดๆ ล้วนอยู่ในสถานะ “มีทั้งคนรักและคนชัง” ทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่ “การเมือง” ดังที่ผ่านมานักการเมืองผู้มีชื่อเสียงตลอดจนพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มักเป็นคู่แข่งสำคัญชิงตำแหน่งผู้จัดตั้งรัฐบาลในศึกเลือกตั้ง มักมีกองเชียร์คอยปกป้องสลับกับการถูกกองแช่งหาเรื่องโจมตี “กระแสยิ่งรุนแรงขึ้นในระยะหลังๆ เมื่อเข้าสู่ยุคสื่อออนไลน์ที่ใครจะนำเสนออะไรก็ได้” ตามด้วยการแชร์ต่อด้วยจริตของแต่ละคนโดยขาดการกลั่นกรอง
สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของประเทศไทยครั้งล่าสุดที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562..นอกจากบรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมือง ตลอดจนผู้ช่วยหาเสียง (หัวคะแนน) จะต้องระมัดระวังในการหาเสียงของตนแล้ว บรรดากองเชียร์ - กองแช่ง ก็ต้องระมัดระวังด้วยในเรื่องเดียวกัน ซึ่งก็มีกฎหมายควบคุมไว้หลายเรื่อง อาทิ
“ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561” กำหนดข้อห้ามเรื่องการหาเสียงไว้ใน “ข้อ 17” ห้ามนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมี “ข้อ 18 (3)” ห้ามหาเสียงเลือกตั้งโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย หรือปลุกระดม และใน “ข้อ 13” ยังระบุว่า “แม้จะแก้ไขข้อมูลภายหลังแต่ก็ไม่อาจลบล้างความผิดได้” ผู้กระทำยังคงต้องถูกสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ระเบียบ กกต. ข้างต้น ออกตามอำนาจของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2561 ดังนี้ “มาตรา 70” ว่าด้วยการหาเสียงโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (หมายถึงการใช้สื่อออนไลน์ต่างๆ) “มาตรา 71” การหาเสียงเลือกตั้งด้วยวิธีการอื่นใด (นอกเหนือจากทางวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์) และ “มาตรา 80” ข้อห้ามในการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมือง (รวมถึงผู้ช่วยหาเสียง) โดยใน “มาตรา 156” กำหนด “บทลงโทษผู้ฝ่าฝืน” ไว้ที่จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ยังมีกรณี “ข่าวปลอม” (Fake News) ซึ่งแม้จะไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่อาจผิดกฎหมายอื่นที่มีโทษหนักกว่า แบ่งได้เป็น 2 เรื่องคือ 1.กรณีปลอมแปลงตัวตนเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมือง หรือบุคคลใดๆ แล้วก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น นำรูปนำประวัติผู้อื่นมาสร้างบัญชีเฟซบุ๊คปลอมขึ้นแล้วไปโพสต์ข้อความในทางเสียหายให้บุคคลที่ 3 หรือสาธารณชนเข้าใจว่าบุคคลคนนั้นเป็นผู้โพสต์) ผู้กระทำการนั้นจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (1) กล่าวคือ
“ผู้ใดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ “มาตรา 14 (5)” ยังกำหนดให้ “ผู้ที่แชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อไปมีความผิดด้วย” เทียบเท่ากับผู้ที่สร้างข้อมูลนั้นขึ้น
กับ 2.กรณีสร้างข่าวเท็จเพื่อใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมืองหรือบุคคลใด (โดยไม่ได้แอบอ้างปลอมแปลงเป็นบุคคลหรือองค์กรอื่น) จะเข้าข่ายความผิดฐาน “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่งก็ต้องย้ำว่า “การประจานเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ แม้จะเป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่อาจพ้นความผิดข้อหานี้ได้” เนื่องจากใน “มาตรา 330” ห้ามไม่ให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี