‘เหวง’ว๊าก! ขึ้นต้นอัด‘สุเทพ’ขุดระบอบทักษิณปลุกคนกาเผด็จการ ลงท้ายด่าคสช.เอาเปรียบ

27 ก.พ.62 นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) และสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “ใครเคยได้ยินสุเทพพูดความจริงอะไรบ้างครับ?” ระบุว่า

“เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 ครั้งที่ อดีตพระสุเทพ ปภากโร พูดขณะที่บวชอยู่ว่า "ไม่กลับไปบนถนนการเมืองอย่างเดิมแล้ว พอแล้ว"

นี่เป็นหมุดหมายสำคัญของการพูดของสุเทพก่อนหน้าการเลือกตั้งครั้งนี้

พอเข้าโค้งสำคัญของการเลือกตั้ง24มีนาคม2562

สุเทพพูดว่านี่ “เป็นการเลือกระหว่างประเทศไทยกับระบอบทักษิณ”

สุเทพยังขุด “ระบอบทักษิณ”มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกเพื่อปลุกคนที่รู้เท่าไม่ถึงการให้เลือกฝ่ายเผด็จการรัฐประหาร

ในขณะนี้ไม่มี “ระบอบทักษิณ” อีกต่อไปแล้ว

การครอบงำจากทักษิณมลายหายไปแล้ว

รัฐธรรมนูญที่ร่างโดยรัฐฎาธิปัตย์กำหนดโทษอย่างสาหัสถึงขั้นยุบพรรคสำหรับทุกพรรคการเมืองที่อยู่ภายใต้การครอบงำหรือชี้นำโดยคนนอก ซึ่งเนื้อแท้ก็คือพุ่งเป้าไปยังทักษิณนั่นเอง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพรรคการเมืองใดหนึ่งจะอยู่ภายใต้การครอบงำหรือชี้นำโดยทักษิณ

ทุกเรื่องที่สุเทพกล่าวโทษทักษิณในการทำร้ายประเทศไทยล้วนเป็นเรื่องที่อยู่ใน “กระบวนการยุติธรรม”

นอกจากนี้รัฐฏาธิปัตย์ยังได้ปรับแก้ระบบกฎหมายให้ลงโทษย้อนหลังได้ ให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ให้คดีคอรัปชั่นไม่มีอายุความ เพื่อเป็นตาข่ายไหมฟ้าอันถี่ยิบในการที่จะตะครุบทักษิณและพรรคพวกมาลงโทษตามกฏหมายให้ได้ ดังนั้นโอกาสที่ทักษิณจะกลับมามีอำนาจทางการเมืองในประเทศไทยอาจจะกล่าวได้ว่า “น่าจะเป็นไปยากมาก”

การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการเลือกระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการรัฐประหาร ภายหลังรัฐประหารยึดอำนาจแล้วคสช.ตั้งใจร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเพื่อสืบทอดอำนาจของพวกตนดังที่ปรากฏชัดใน สว.ลากตั้ง250คน อยู่ยาว5ปีคร่อมการเลือกตั้งอย่างน้อยสองสมัย

1.มีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีได้

2.มีอำนาจให้คุณให้โทษนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

3.มีอำนาจหน้าที่เกือบจะไม่ต่างกับสส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเว้นเสียแต่การไม่ไว้วางใจรัฐบาล

4.มีอำนาจหน้าที่ในการรับรององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีอำนาจในการให้คุณให้โทษกับนักการเมืองจากการเลือกตั้งและข้าราชการระดับสูง

รัฐธรรมนูญยังกำหนดยุทธศาสตร์20ปีรวมไปถึงการปฏิรูปการเมือง11ด้านที่คสช.ต้องการโดยบังคับให้ทุกรัฐบาลต้องทำตามไม่เช่นนั้นก็ต้องรับโทษตามที่กำหนดไว้

กรรมการยุทธศาสตร์ชาติก็ดี กรรมการปฏิรูปก็ดีล้วนแต่เป็นคนที่มาจากการแต่งตั้งของคสช.ทั้งสิ้น

คำสั่งและประกาศจำนวนมากของคสช.ที่ออกมาล้วนแต่มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการปกครองและบริหารราชการแผ่นดินทั้งทางหลักการและบุคคลากรไปตามทิศทางที่คสช.ต้องการไม่มากก็น้อย

ดังนั้นหากคสช.ได้เป็นรัฐบาลต่อไปภายหลังการเลือกตั้งย่อมทำให้สถาปัตยกรรมเผด็จการรวบอำนาจทั้งมวลที่คสช.ได้ก่อร่างสร้างเอาไว้ได้รับการบูรณะสร้างสรรค์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเพื่อทำให้เป็นรัฐข้าราชการที่มีทหารนำไปอย่างยาวนาน

การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นการเลือกระหว่าง

จะเอาคสช.(หรือเผด็จการ)ต่อไป หรือจะเอาประชาธิปไตย(ให้อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของประชาชนทั้งหลาย)

คสช. เอาเปรียบประชาชนทั้งประเทศอย่างน่าเกลียดโดยพวกตนมีจำนวนระดับสิบมีอำนาจในการแต่งตั้งสว.250คนซึ่งเทียบเท่ากับประชาชนจำนวนประมาณ20ล้านคน

แต่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ยังมีความหวังในการเอาชนะเผด็จการ โดยการปักใจมุ่งมั่นเลือกพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามกับคสช.ให้ได้จำนวนรวมทั้งสิ้นมากกว่า 300คน ซึ่งอาจจะมีจำนวนสูงถึงเกือบ30ล้านคนในวันเลือกตั้ง24มีนาคม2562นี้

แม้จะยากลำบากแสนสาหัส แต่ก็เป็นสิ่งที่ไปได้ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยครับ โปรดพิจารณาเลือกฝั่งประชาธิปไตย เพื่อหยุดการรัฐประหารไม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกต่อไปครับ