9 มี.ค.62 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โพสต์บทความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “สมชาย แสวงการ” ในหัวข้อเรื่อง "ระวังอย่าตกเป็น เครื่องมือ หมิ่นเบื้องสูง(ล้มเจ้า)มาฟังทางนี้" โดยระบุว่า
น้องๆ หนูๆครับ โปรดรับฟังข้อเท็จจริง อีกด้านที่เศรษฐีนักการเมืองหนุ่มรูปหล่อพูดนะครับ...พ่อแม่ผู้ปกครองต้องช่วยกันอธิบายก่อนที่จะสายเกินไป
...การปฏิวัติ ๒๔๗๕ ไม่มี ประชาชนตาดำๆอย่างเราๆ ไปเรียกร้อง ประชาธิปไตยอะไรเลย มีแต่เสนาอำมาตย์ที่ได้รับทุนพระราชทานให้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา และขุนทหารไม่กี่คน หลังจากเรียนทฤษฎีมาจากเมืองนอก ก็ร้อนวิชา โลกสวย....วางแผนหลอกกองกำลังทหารว่า มีการฝึกซ้อมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ทหารที่ไปแล้วก็เข้าข่ายกบฎ ถอยละตายอย่างเดียว ลุยไปข้างหน้าก็มีโอกาสรอด......ช่วยไปเปิดดูรายชื่อ รายนามคณะราษฎร์ ด้วยนะครับ..ไม่มีตาสีตาสาเลยครับ บ้านเมืองเราไม่ได้ย่ำแย่เหมือนจีนในตอนนั้น เรายังมีข้าวกิน ยังอยู่ได้ถึงแม้ทั่วโลกจะย่ำแย่จาก WWI...เราเพิ่งฉลอง ๑๕๐ กรุงรัตนโกสินทร์ เพิ่งสร้างสะพานพุทธเสร็จ เพิ่งเปิดโรงภาพยนต์แห่งแรก ศาลาเฉลิมกรุง
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ในการที่จะรักษาชีวิตของคนไทย ล้นเกล้า รัชกาลที่ ๗ จึงได้โปรดพระราชทานรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ที่ผ่านมามีแต่พระมหากษัตย์ ที่เรียกร้องประชาธิปไตยและพยายามส่งเสริม เตรียมการให้ประชาชน ขยับตัวเองเป็นพลเมือง ด้วยตัวอย่างดังต่อไปนี้...
รัชกาลที่ ๕ ทรงตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอม (ปัจจุบันคือ เทศบาลนครท่าฉลอม)๑๘มีนาคม ๒๔๔๘ เพื่อให้คนไทยได้เริ่มฝึกหัดคุ้นชินกับการรับผิดชอบดูแลตนเอง
รัชกาลที่ ๖ ทรงตั้งเมืองจำลองดุสิตธานี(ปัจจุบันอยู่บริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า)เพื่อนำเสนอหลักการประชาธิปไตยให้ข้าราชบริภารและข้าราชการเข้าใจมากขึ้น
รัชกาลที่ ๗ ทรงดำริที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญและกำลังอยู่ในขั้นตอนการร่างให้รอบคอบเหมาะสมกับบริบทของชาวไทย ณ ขณะนั้น
สรุป คนไทยทั้งประเทศใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับประชาธิปไตยนะครับน้อง อย่าสับสนกับข้อเท็จจริงและบริบททางสังคมในแต่ละช่วงเวลา..แล้วเป็นไงครับโลกสวย ชิงสุกก่อนห่าม เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริ์ทรงเป็นพระประมุข ๘๗ ปี ผ่านไป...มีเลือกตั้งทีไรก็เห็นแต่ ผู้ที่อ้างสิทธิเสรีภาพของประชาชนเข้ามากอบโกยโกงกินประเทศ แล้วทิ้งภาระหนี้สิน และปัญหาทั้งหลายให้เรา ประชาชนตาดำๆ รับทุกข์อยู่ต่อไป ในขณะที่ตัวเองไปสบายๆ เดิน shopping กินอยู่หรูหรา บินไปบินมา เที่ยวโน่น เที่ยวนี่??
เออ..มันก็ดูคุ้นๆนะถ้าน้องยังโตไม่ทัน รอบที่แล้ว ที่เศรษฐีผู้ร่ำรวยที่ตอนนี้ต้องไปอยู่ต่างแดน เค้าผู้นี้ทำมาหากินจากธุรกิจผูกขาด ท่านก็มาพูดเรื่องกระจายอำนาจ กระจายความมั่งคั่งสู่ประชาชนในกลุ่มของตัวเอง...ที่บ้านน้องคุณพ่อคุณแม่ ได้ซื้อหุ้นบริษัทน้ำมันทันมั๊ยละครับ?? ...มากไปกว่านั้นท่านนายกคนนั้นก็รวบทุกพรรคเข้าอยู่ใต้อำนาจของท่าน เป็นเผด็จการรัฐสภาที่อยู่ครบเทอมเป็นคนแรกของประเทศ เลือกตั้งเข้ามาอีกก็เสียงถล่มทะลายอีกแต่อยู่ได้ ไม่ถึง ๓ เดือนก็ยุบสภาเอง เลือกตั้งใหม่ ๒ เมษายน ๒๕๔๙ ...ก็ได้เป็นรัฐบาลเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกแหล่ะ ท่านตั้งคนอื่นเป็นนายกรักษาการ และท่านก็เดินทางไปโน่นนึ่ ตลอดเวลา ๕ เดือน จนถูกปฏิวัติ เมื่อ ๑๙ กันยายน ปีเดียวกัน...
อ้อ...แต่การปฎิวัติครั้งนั้น..ประชาชนเอาดอกไม้ เอาขนมอาหาร ดนตรี บันเทิง โคโยตี้ มากล่อมทหารทุกๆที่ ที่มีการตั้งด่าน ถ่ายรูปกันสนั่นยิ่งกว่าน้องๆ ไปรุมกรี๊ดนักร้องดาราเกาหลีอีก...มีพิธีฉลองแต่งงานกันหน้ารถถังหลายคู่....อีก ๕ ปีให้หลัง น้องสาวท่านก็ทำแบบเดียวกัน on tour ตลอดเวลาในขณะที่ดำรงค์ตำแหน่งนายก ภายใน ๓ ปี ท่านเดินทางไป ๕๖ ประเทศด้วยเงินภาษีของคุณพ่อคุณแม่น้องๆและพี่น้องชาวไทยทุกคน...จนกระทั่ง...ฝูงชนออกมาเดินขบวนขับไล่ เป็น ๑๐ ล้านคน ใน กทม.ในช่วงปี ๕๖-๕๗....ไม่นานนี้แหละ...อ้อ...การยึดอำนาจครั้งนี้ ประชาชนก็รื่นเรืงบันเทิงใจ ฉลองกันยกใหญ่...นะครับ...และก็ไม่ใช่การปฏิวัติ เพราะ รัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ เพราะคนออกมาประท้วงเรื่องความโปร่งใสยุติธรรม ขณะนั้นก็มี ประชาชนต้องจบชีวิตอีกหลายคนในขณะที่ภาครัฐ ดูเหมือนไม่ทำอะไรเลย น้องลืมพี่วสุ สุฉันทบุตร ไปแล้วละซิท่า.... หน่วยงานราชการทำงานไม่ได้กว่า ๗ เดือน เป็นสิ่งที่เรียกว่า fail state...ตอนนั้น...น้องๆคงอายุ ๑๒-๑๓ ยังไม่ได้สนใจการเมืองมั๊ง? เฮ้อ...ไม่ได้ว่าใครนะ..เล่าให้น้องฟัง
..ลองไปค้นดูนะครับ อย่าให้คำกล่าวที่ว่า คนไทยอ่านหนังสือ ปีละไม่เกิน ๘ บรรทัด คือ คนไทยที่เรียกตัวเองว่า ปัญญาชนรุ่นใหม่ นะ...อย่าให้ใครว่าได้ว่าพ่อแม่ทำงานแทบตายส่งควายเรียน
ปล. หาเวลาแวะไป พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้านะครับ เชิงสะพานผ่านฟ้า เข้าชมฟรี แอร์เย็นเชียบ แถมมีของแถมติดมืออีกด้วย...จะได้เข้าใจมากขึ้นว่า ๒๔๗๕ นั้น ใครทำอะไร
เครดิต ต้น สุชาติ ชวางกูร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี