อัยการนำ"อดีต ผอ.ฝ่ายบำรุงรักษา สนามบินดอนเมือง"เบิกความคดีพธม.ปิดล้อมสนามบิน เผยอัยการเตรียมพยานไว้กว่า1,000ปาก นัดสืบพยานโจทก์ต่อ3พ.ค.เช้า
13 มี.ค.62 ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เมื่อปี 2551 รวม 8 สำนวน คดีหมายเลขดำที่ อ.973/2556 , อ.1067/2556 , อ.1204/2556 , อ.1279/2556 , อ.1316/2556 , อ.1406/2556 , อ.1522/2556 และ อ.1559/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม.กับพวกแนวร่วม พธม.รวม 98 คน เป็นจำเลยที่ 1 - 98 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน , มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 , 116 , 215 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2521 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
กรณีเมื่อช่วงระหว่างเดือน พ.ย.- ธ.ค.ปี 2551 พวกจำเลยได้ปิดล้อม และบุกเข้าไปในสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้บริการทางการบิน สร้างความเสียหายอย่างมาก โดยระหว่างพิจารณาคดี นายสุทธิ อัชฌาศัย จำเลยที่ 79 ได้เสียชีวิต และจำเลยอีกคนมีอาการป่วยอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดในสมองแตก ศาลจึงให้จำหน่ายคดีของจำเลยทั้ง 2 คน ออกจากสารบบความ คงเหลือจำเลยทั้งสิ้น 96 คน
โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยซึ่งเป็นแกนนำ พธม.อาทิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คนละ 8 เดือน ตามคำพิพากษาฎีกา คดี พธม.บุกทำเนียบรัฐบาลมาศาล พร้อมกับจำเลยส่วนใหญ่ที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี
โดยอัยการโจทก์ได้นำ เรืออากาศโท วิรัตน์ ตันติอธิมงคล อายุ 66 ปี อดีต ผอ.ฝ่ายบำรุงและรักษาการท่าอากาศยานดอนเมือง เบิกความเป็นพยานโจทก์ในส่วนของสนามบินดอนเมือง
ทั้งนี้ ก่อนการพิจารณา ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ในวันนี้ออกไปก่อน เนื่องจาก พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยที่ 28 มีอาการป่วย พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมิติเวช
ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตเลื่อนการสืบพยานโจทก์ เนื่องจากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาใหม่ ม.172 ทวิ (4) บัญญัติไว้ว่า ในคดีที่จำเลยไม่อาจมาฟังการพิจารณาและสืบพยานได้ เนื่องจากความเจ็บป่วยหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ เมื่อจำเลยมีทนายความและจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลที่จะไม่มาฟังการพิจารณาและสืบพยาน ซึ่งทางทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านการพิจารณาคดีลับหลัง เนื่องจากเห็นว่าการพิจารณาลับหลังเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งคดีนี้เป็นคดีอาญามีอัตราโทษสูงโทษประหารชีวิต ไม่สามารถที่จะพิจารณาลับหลังได้การพิจารณาคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงยื่นคำคัดค้านไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังธรรม อดีตรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า วันนี้ศาลสืบพยานโจทก์ปากแรก หลังจากที่เลื่อนการพิจารณามาหลายนัด เนื่องจากความพร้อมของจำเลย และเป็นคดีที่โทษหนักมีโทษถึงประหารชีวิต โดยหลักกฎหมายการพิจารณาลับหลังกระทำมิได้ นอกจากนี้ สำนวนคดีถูกส่งไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องขอให้ส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้ศาลอาญาได้ให้สืบพยานโจทก์เลย
ด้าน นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ ทนายความจำเลย กล่าวว่า คดีอาญาที่มีอัตราโทษสูงต้องพิจารณาต่อหน้าจำเลย แต่เนื่องจากมีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ว่า การพิจารณาลับหลังจำเลยได้เมื่อได้รับอนุญาตจากศาล แต่วันนี้ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ป่วยอยู่ในห้องไอซียู จึงไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ศาลกลับพิจารณาลับหลัง โดยอนุญาตให้ พล.ต.อ.ประทิน ไม่ต้องมาศาล ซึ่งตนมองว่าการแก้ไขกฎหมายภายหลังคดีนี้เดินมาหน้ามาแล้ว อยู่ๆ มาแก้ไขว่าสามารถพิจารณาลับหลังจำเลยในคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูงได้นั้นมันเป็นโทษต่อจำเลย อย่างไรก็ตาม ตนจะยื่นคำร้องคัดค้านการพิจารณาคดีในวันนี้ให้เป็นไปโดยชอบต่อไป
โดยภายหลังศาลสืบพยานโจทก์ช่วงเช้า - บ่าย ยังไม่แล้วเสร็จ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากนี้ต่อ อีกครั้งในวันที่ 3 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวในเบื้องต้น พนักงานอัยการโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานโจทก์ ไว้ราว1,000 ปาก โดยศาลมีคำสั่งให้พนักงานอัยการบริหารบัญชีพยาน และจัดทำรายการบัญชีพยานมาเสนอศาลพิจารณาต่อไป
สำหรับคดีนี้มีการบริหารจัดการคดีโดยกำหนดให้มีการสืบพยานต่อเนื่อง และสืบพยานฝ่ายโจทก์ - จำเลย ให้เเล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี