‘บิ๊กตู่’โชว์ธรรมาภิบาล
ซัดการเมือง
เบรกแข่ง‘ประชานิยม’
ชี้ต้องดูรายได้-กฎหมายด้วย
เทือกเปิดคลิป‘กปปส.’ชุมนุม
พท.โร่ร้อง‘กกต.’ระงับใส่ร้าย
“บิ๊กตู่” ส่งสารอย่าเว่อร์หาเสียงประชานิยมแจกไม่อั้น ออกนโยบายทำได้หรือไม่เพราะต้องดูงบประมาณ ระเบียบ-วินัยการคลัง “สมคิด” มึนแต่ละพรรคโจมตีศก.ไทยคนละทิศทาง “มาร์ค” เจอดีหาเสียงบางแค แม่ค้าชูป้ายไล่เพราะไม่เอาบิ๊กตู่ อ้างรู้แต่แรกฝีมือ “โกวิทย์” อดีตลูกพรรคอกหักอดลงชิงสส. “สุเทพ” ปลุกภาพชุมนุม “กปปส.” ขอคะแนน “พท.” วิ่งโร่ร้องกกต.สอบใส่ร้าย “ศรีสุวรรณ” ยื่นยุบ “อ.น.ค.” ถูกครอบงำชี้นำ
เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิเสธที่จะพูดถึงการส่งคลิปวีดีโอบนเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยกล่าวเพียงสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า เรื่องผลประชุมให้ไปถามข้างใน พร้อมส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยูและส่งยิ้มให้ผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี
‘บิ๊กตู่’เตือนอย่าหาเสียงเว่อร์
ทั้งนี้นายกฯได้ส่งสารจากนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 มีนาคม 2562 มีใจความว่า นายกฯให้ความเห็นถึงการหาเสียงของทุกพรรคการเมืองกรณีการชูนโยบายว่าจะดำเนินการเรื่องใดๆ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณรัฐจำนวนมากบางเรื่องอาจกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชนรวมถึงภาครัฐ เช่น ด้านการศึกษา สวัสดิการและการขึ้นค่าแรง
จึงขอยืนยันว่า ทุกรัฐบาลต้องดำเนินการภายใต้ระเบียบ วิธีการกฎหมายด้านงบประมาณ การเงิน การคลังและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะทำได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรายได้และสัดส่วนงบประมาณโดยรวมของรัฐ มีทางเดียวที่จะทำได้ตามที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงกันไว้คือ รัฐต้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการเก็บภาษีทั้งทางตรงทางอ้อมกำไรและรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นๆ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น
“หากงบประมาณไม่เพียงพอก็ต้องกู้เงิน ซึ่งจะต้องคำนึงถึงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นด้วย การขึ้นค่าแรงก็ต้องไม่กระทบการลงทุน การย้ายฐาน การผลิต การลงทุน ในขณะที่เรากำลังเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐ เพิ่มงาน เพิ่มอาชีพ และเพิ่มการดูแลสวัสดิการให้กับประชาชนคนไทย” นายกฯ ระบุ
รายได้ไม่เพิ่ม-ทำไม่ได้แน่นอน
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า หากเรายังหารายได้ให้รัฐมากขึ้นไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถทำตามนโยบายที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ได้ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่านายกฯและรัฐบาลจะเป็นใครพรรคใด จะต้องมีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน อันได้แก่หลักคุณธรรม ความโปร่งใส ความมีส่วนร่วมความรับผิดชอบ ความคุ้มค่า เราควรต้องได้นายกฯแบบนี้ที่มีธรรมาภิบาล บริหารราชการอยู่ในกฎระเบียบ กติกา กฎหมาย การดำเนินโครงการและงบประมาณจะต้องชี้แจงได้ว่าเราจะหางบประมาณมาจากไหนและอยู่ในวินัยการเงินการคลังหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ
‘อุตตม’ยันค่าแรง425ทำได้จริง
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพปชร.พร้อม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงชี้แจงกรณีนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจ โดย นายอุตตม กล่าวว่า กรณีพรรคพปชร.เสนอค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 400-425 บาท หรือวุฒิปริญญาตรี 2 หมื่นบาท, อาชีวะอยู่ที่ 18,000 บาท ทุกอย่างมีเหตุผล คือการปรับค่าแรงให้ทันกับค่าครองชีพ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยเกิดขึ้น โดยทำให้เหมาะสมกันได้และไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งถ้าต้องการหลุดออกจากกับดักรายได้ปานกลาง ก็ต้องช่วยกันและเสียสละกัน ระหว่างภาคเอกชนและผู้ใช้แรงงาน เพื่อเกื้อกูลให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถขององค์กรทางเศรษฐกิจ โดยยืนยันว่า จะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ ทั้งนี้ประเทศไทยต้องจริงจังกับการพัฒนาคน ซึ่งจะตั้งกองทุนพัฒนาบุคลากรแรงงานของประเทศเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนโดยตรงและเพิ่มทักษะผู้ใช้แรงงาน ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เวลา จึงต้องเริ่มทำวันนี้และการมียุทธศาสตร์แบบนี้ เชื่อว่านักลงทุนเข้าใจ เพราะมีขั้นตอน ไม่ได้อยู่ในโมเดลแบบเดิมๆ โดยระยะยาวจะเกิดประสิทธิภาพของภาคการผลิตและการบริการ
ที่นายกฯห่วงใยพรรคทราบแล้ว
อย่างไรก็ตาม พรรคเชื่อว่าข้อห่วงใยของนายกฯและมีสารออกมา เพื่อให้ระมัดระวังในการนำเสนอนโยบายที่จะมีผลต่อประเทศ ซึ่งท่านพูดในสิ่งที่เป็นหลักการที่ถูกต้องที่สุด ส่วนพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีหน้าที่เสนอนโยบายต่างๆ ที่จะไม่กระทบหรือสร้างผลเสียที่ติดตามมา วันนี้พปชร.จึงต้องชี้แจงเพิ่มว่าที่ไปที่มาเป็นอย่างไร ทำไมนโยบายของเราไม่ก่อให้เกิดผลเสีย แต่สอดรับสถานการณ์โลกในปัจจุบันและขยับประเทศไทยไปอยู่ในแนวหน้ามากขึ้น ด้วยการใส่ยุทธศาสตร์ที่ทำได้จริงและปฏิบัติได้จริง สอดคล้องกับที่นายกฯแสดงความเห็นมาและนายกฯ ก็รับทราบแล้ว
ไม่ใช่ประชานิยมเหมือนพรรคอื่น
ด้าน นายสนธิรัตน์ยืนยันว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยมเหมือนพรรคอื่น และพรรคทำได้จริง มีกระบวนการขับเคลื่อนเพียงแต่ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันทั้งระบบเพื่อยกระดับการแข่งขันโดยเฉพาะ SME เพื่อให้เท่าทันกับโลกของนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ถือเป็นนโยบายพรรคที่ใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ไม่ทำร้ายผู้ประกอบการ และเป็นประโยชน์เพื่อต้องการเปลี่ยนผ่าน การนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติก็จะต้องให้ความสำคัญกับร่วมมือในการพัฒนา 2 ด้าน คือ ด้านการลงทุนในวัฒนธรรมเทคโนโลยีและการลงทุนในคน รัฐและผู้ประกอบการ ต้องทำงานร่วมกัน เพื่อยกระดับให้ผู้ใช้แรงงานมีความสามารถสูงขึ้น หลายพรรคก็เสนอเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่ 400 บาท แต่ไม่เป็นประเด็น ซึ่งอาจเป็นเพราะคนคาดหวังสูงกับพรรคพปชร.จึงต้องชี้เเจงและยืนยันว่า มีความแตกต่างจากพรรคอื่น
‘สมคิด’คันหูพวกขยี้เศรษฐกิจไทย
ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า “ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เศรษฐกิจก็ดีวันดีคืนต่างชาติยอมรับว่าไทยมีเศรษฐกิจที่ดีที่สุดแต่ที่ฟังแล้วคันหูก็คือหาว่าเศรษฐกิจเสียหายต้องรับเข้ามาฟื้นฟู ผมก็งงเหมือนกัน เพราะเมื่อถาม รมว.คลังว่าที่รายงานเข้ามารายงานไม่หมดหรืออย่างไร ขอร้องว่าเวลาจะพูดอะไรให้ระมัดระวังด้วย เพราะต่างชาติฟังอยู่เดี๋ยวจะงงว่าตกลงประเทศไทยมีกี่ประเทศกันแน่ ยืนยันเศรษฐกิจของเรายังดีวันดีคืนไปดูฝรั่งมองไทยอย่างไร
เกทับประชานิยมไม่มีประโยชน์
เมื่อถามว่า เหตุใดเป็นห่วงนโยบายประชานิยม นายสมคิดกล่าวว่า วันนี้อย่าแข่งกันเบิ้ลกันมากเกินไป สุดท้ายมันไม่มีประโยชน์ ขอให้ทำในสิ่งที่มีเหตุและผล ตนไม่ได้ว่า ถ้าแต่ละพรรคจะเบิ้ล แต่อย่าเบิ้ลกันมากนัก การที่แต่ละพรรคแข่งกันนั้นตนเข้าใจเพื่อแย่งชิงฐานเสียง แต่สุดท้ายก็จะกลับมาอยู่ที่เดิมคือรัฐบาล นายกฯและครม.ซึ่งไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมือง แต่ทำเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้
แม่ค้า‘บางแค’ชูป้ายไล่‘มาร์ค’
ส่วนความเคลื่อนไหวหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำคณะเดินพบปะทักทายประชาชนที่ตลาดบางแค เขตบางแค เพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคปชป. และนางอรอนงค์ คล้ายนก ผู้สมัคร สส.เขต 28 (บางแค) หมายเลข 10 พร้อมขึ้นรถแห่รณรงค์เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม โดยได้รับตอบรับจากแม่ค้าประชาชนขอถ่ายรูปเซลฟี่พร้อมบอกว่าตัวจริงหล่อกว่าในทีวี หล่อกว่าสมัยเป็นนายกฯ
ขณะเดียวกันมีแม่ค้ารายหนึ่งชูป้ายข้อความไม่เอาพรรคปชป.และขับไล่ ซึ่งป้ายมีข้อความว่า “ไม่ต้อนรับพรรคการเมืองที่ไม่เอาลุงตู่ (หมดเวลาเกรงใจ) คนบางแค ต้องมาก่อน อย่าลังเลคืนความสุขให้ประเทศชาติ”
‘อภิสิทธิ์’บอกรู้แล้วฝีมือศิษย์เก่า
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวกับแม่ค้าที่ชูป้ายไล่ ว่า รู้อยู่แล้ว เพราะนายโกวิทย์ ธารณา อดีต สส. พรรคปชป.ที่ลาออกไปเพราะไม่พอใจเรื่องไม่ได้ลงสมัคร สส.และได้ไปช่วยงานพรรคพปชร.ได้บอกไว้แล้วว่าจะจัดคนมาด่า ซึ่งคนที่มาชูป้ายคือ พี่สาวภรรยา นายโกวิทย์ ที่มาพร้อมกับกลุ่มวัยรุ่น
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์หลังประกาศจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ว่า ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี ตนต้องการให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจนว่าบ้านเมืองมีความท้าทาย 2 เรื่อง ที่ต้องก้าวไปให้พ้นคือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะผ่านมา 5 ปี แม้รัฐบาลมีความตั้งใจดีแต่การแก้ปัญหาก็ยังไม่ตรงจุดอีกเรื่องคือ เรื่องการเมืองที่พูดตรงกันว่า รัฐบาลนี้สืบทอดอำนาจ เราจึงคิดว่าการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนจะเป็นทางออกที่ดี
‘องอาจ’แฉมือป่วนพี่เมีย‘โกวิทย์’
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคปชป.กล่าวถึงกรณีมีผู้หญิงชูป้ายขับไล่นายอภิสิทธิ์ ที่ตลาดบางแค ว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นพี่ภรรยานายโกวิทย์ ธารณา อดีต สส.พรรคปชป. ซึ่งได้ลาออกจากพรรคปชป.ไปแล้ว เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อของพรรคและประกาศเอาไว้ว่าหากลงพื้นที่เขตบางแค จะจัดคนไปขับไล่เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องส่วนตัว โดยในปัจจุบันนายโกวิทย์ ไปช่วยผู้สมัครพรรคพปชร.หาเสียง
นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรคปชป.กล่าวถึงกรณีมีชาวบ้านถือป้ายขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.ที่ตลาดบางแค ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากความไม่พอใจส่วนตัวของเครือญาติอดีต สส.ที่พรรคไม่ส่งลงสมัครมากกว่าการเคลื่อนไหวแสดงออกทางการเมืองปกติ
เจ้าตัวโผล่ปฏิเสธอยู่เบื้องหลัง
นายโกวิทย์ ธารณา หรือวิทย์ บางแค อดีตสส.พรรคปชป.กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์และนายองอาจ ระบุชื่อตนถึง เหตุการณ์หญิงวัยกลางคนถือป้ายขับไล่ นายอภิสิทธิ์ ที่ตลาดบางแค ว่า อย่าเอาชื่อตนไปเกี่ยวข้องวันนี้แม้ตนลาออกจากพรรคปชป.มาช่วยผู้สมัครพรรคพปชร.หาเสียง แต่ตนไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.การที่ทีมหาเสียงพรรคปชป.ถูกชาวบ้านไล่แล้วมาสรุปว่าเกี่ยวข้องกับตนหรือญาติพี่น้องตน ก็ควรตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องก่อนอย่ามาเชื่อมโยงถึงตน เพราะเป็นคนละคนกัน
เรืองไกรจี้สอบคุณสมบัติบิ๊กตู่
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.เพื่อคัดค้านนำคำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดินมาประกอบการพิจารณากรณีตนเคยมายื่นร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ โดยนายเรืองไกรกล่าวว่า ผู้ตรวจฯไม่ใช่ผู้ตีความกฎหมาย จึงจะวินิจฉัยกรณีดังกล่าวไม่ได้ ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตีความ นอกจากนี้ ยังมีคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งหัวหน้า คสช.แล้วนายสมบัติแย้งว่า ไม่ต้องไปรายงานตัว เพราะ คสช.ไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐนั้น ศาลฎีกาก็วินิจฉัยว่าหัวหน้า คสช.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐดังนั้นตนจึงนำคำพิพากษาของศาลมาให้ กกต.รับไว้พิจารณา
ศรีสุวรรณไล่บี้ยุบ‘อนค.’เทแต้ม
ต่อมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบและพิจารณาสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ (อ.น.ค.) ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 92 (3)จากกรณีที่นางฐิติมา ฉายแสง อดีตผู้สมัครของพรรคทษช.ที่ถูกยุบพรรค ไปปราศรัยเทคะแนนให้นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ผู้สมัครเขต 1 พรรคอ.น.ค.เข้าข่ายปล่อยให้บุคคลที่มิใช่สมาชิกพรรค ครอบงำ ชี้นำ การทำกิจกรรมของพรรค ซึ่งผิดมาตรา 28 ของกฎหมายเดียวกัน ซึ่งมีโทษถึงยุบพรรคอย่างชัดเจน
เทือกสั่งเปิดคลิปกปปส.ชุมนุม
ขณะเดียวกันนายสุเทพ เทือกสุบรรณผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) และอดีตเลขาธิการ กปปส.ประกาศผ่านเฟซบุ๊คโดยมีการเปิดคลิปภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงการชุมนุม 204 วัน ของ กปปส.ตั้งแต่ต้นในการต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยของพรรคเพื่อไทย เพื่อปลุกกระแสการต่อต้านการกลับมาของระบอบทักษิณ พร้อมตั้งคำถามว่าจะยอมให้กลับมาอีกหรือไม่ ทำให้การหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายเพิ่มบรรยากาศดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมาอีก
พท.ไม่ยอมบุกร้องกกต.ปลุกระดม
ล่าสุดพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นำทีมกฎหมาย เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบกรณีนายสุเทพ ประกาศนำคลิปการชุมนุมของ กปปส.มาเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมเป็นต้นไป ซึ่งเห็นว่าเข้าข่ายใส่ร้ายและจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพรรคพท.
อ้างทำลายความนิยมเพื่อไทย
ทั้งนี้พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า แม้จะนำภาพเหตุการณ์ที่เกิดก่อนมีพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งมาเผยแพร่ แต่เป็นการกระทำเพื่อต้องการทำลายคะแนนนิยมพรรคพท.รวมถึงเป็นการปราศรัยหาเสียงลักษณะก้าวร้าว รุนแรง ปลุกระดมพร้อมเรียกร้องนายสุเทพ ให้หาเสียงอย่างสุภาพบุรุษ ไม่ใช้วิธีการสกปรก ซึ่งเป็นการรื้อฟื้นให้ความขัดแย้งกลับมาอีกครั้ง เพราะนายสุเทพมีส่วนสำคัญในการสร้างความขัดแย้ง จนนำไปสู่รัฐประหารปี 2557 จึงไม่ควรสร้างความขัดแย้งขึ้นใหม่ด้วยวิธีเดิมๆ
กกต.สั่งลบ37ข้อความใส่ร้าย
ด้านคณะทำงานติดตามเกี่ยวกับการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานกกต.ออกเอกสารเผยแพร่ข่าว กรณีคำสั่งกกต.ให้ลบภาพและข้อความหาเสียงที่เข้าข่ายผิดกฎหมายและระเบียบกกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสส.ครั้งที่ 2 โดยมีทั้งหมด 37 กรณี ส่วนใหญ่พรรคพท. โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์หาเสียงพรรคพท.ถูกโจมตีมากสุดและยังคงเป็นกรณีเผาบ้านเผาเมือง รองลงมาเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอ.น.ค.โดนโจมตีการล้มล้างรัฐธรรมนูญและล้มมาตรา 112 ตามมาด้วยพรรคพปชร.คือ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกโจมตีเรื่องเผด็จการและเรื่องสว. 250 คน
‘สุวัจน์’ลั่นแสนคนร่วมเวที18มีค.
ที่สวนเบญจกิติ กรุงเทพฯ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ให้สัมภาษณ์ว่า หมัดเด็ดยังไม่ปล่อย แต่จะไปปล่อยสัปดาห์สุดท้ายของการเลือกตั้ง อยากให้จับตาปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 18 มีนาคม พี่น้องประชาชนจะได้เห็นประวัติการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาของพรรคชพ.จะมีประชาชนมาฟังนับแสนๆ คน สำหรับบางพรรคประกาศจุดยืนทางการเมือง ย่อมเป็นเรื่องปกติ เพราะในช่วงโค้งสุดท้ายพรรคต่างๆ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ๆต้องการแสดงจุดยืนทางการเมืองให้ประชาชนได้เลือกในช่วงโค้งสุดท้าย ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไร
ฟ้อง7กกต.ปล่อยลุงตู่ชิงนายกฯ
นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ยื่นฟ้องกกต. 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ กรณีกระทำการหรือละเว้นการกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ และมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ กรณีประกาศรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดต
นายกฯพรรคพปชร.ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการแจ้งรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แม้จะมีข้อโต้แย้งหรือทักท้วงถึงความไม่ถูกต้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี