เลือกตั้งล่วงหน้าคึกคัก
ทั่วไทยหย่อนบัตรล้นคูหา
ป๋าเปรมมาลงคะแนนด้วย
สื่อนอกเกาะติดรายงานข่าว
ทั่วประเทศจัดเลือกตั้งล่วงหน้าคึกคัก กกต.ชี้ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบใครทำผิดกฎหมาย พร้อมจัดส่งบัตรลงคะแนนไปเก็บไว้ที่โรงพักในพื้นที่เขตเลือกตั้งไว้นับรวมพร้อมกันวันที่ 24 มีนาคม ในขณะที่ “ป๋าเปรม” นั่งวีลแชร์ใส่ออกซิเจนลงคะแนน บอกร่างกาย โอเคดี ระบุเลือกตั้งครั้งนี้ “ดี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดให้มีการใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งในและนอกเขตเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม เวลา 08.00-17.00 น. ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทั่วประเทศถึง 2.63 ล้านคน โดยกกต.ได้จัดหน่วยเลือกตั้งกลางทั่วประเทศจำนวน 395 หน่วย บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั่วประเทศ
นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต.แถลงว่าผู้ที่ใช้สิทธิ์ลงคะแนนวันที่ 17 มีนาคมแล้วไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมได้อีก
ทั้งนี้บัตรลงคะแนนหลังจากปิดหีบแล้ว จะมีตำรวจกับไปรษณีย์คัดแยกขนส่งไปยัง 350เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ เพื่อให้จัดเก็บไว้ที่ในสถานีตำรวจภูธร ไว้จนถึงวันที่ 24 มี.ค.62 จึงจะนำมานับคะแนนรวมพร้อมกันทั่วประเทศ ยืนยันว่าภายในสถานที่จัดเก็บมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแล และมีกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง ผู้สมัคร หรือประชาชน ที่สนใจจะดูสามารถติดต่อร้อยเวรขอดูกล้องวงจรปิดได้
กทม.ใช้สิทธิล่วงหน้าเกือบล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวัดที่มียอดผู้ขอลงทะเบียนใช้สิทธิมากที่สุดคือกรุงเทพมหานคร 928,532 คน มากที่สุดที่เขตบางกะปิ 61,401คนในบางหน่วยมี ตัวแทนเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรืออันเฟรล ที่เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ลงคะแนนเลือกตั้งในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
ด้านนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เดินทางไปติดตามการลงคะแนนที่เลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ เขตเลือกตั้งที่ 6 บางละมุง จ.ชลบุรี ณ. ที่เลือกตั้งศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางละมุง
“ป๋าเปรม” บอกร่างกายโอเคดี
เวลา09.00น.ที่โรงเรียนสุโขทัย ถนนสุโขทัย กทม. พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งพล.อ.เปรม มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งที่ 1 เขตดุสิต ชุดที่ 4 ลำดับที่ 3041
โดยเมื่อพล.อ.เปรมเดินทางมาถึงหน่วยเลือกตั้ง มีมีนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต.มารอต้อนรับ ซึ่งพล.เปรม แต่งกายโดยสวมเสื้อเชิ้ตสีเหลืองและใส่เสื้อแจ๊คเก็ตทับ และใส่กางเกงสแลคสีน้ำตาล โดยพล.อ.เปรม ได้นั่งรถวีลแชร์ และใส่เครื่องออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจจากนั้นพล.อ.เปรมใช้เวลาในการลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขต 10 นาที
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรบ้างกับการเลือกตั้งในรอบ 8 ปี พล.อ.เปรม ไม่ได้ตอบคำถามโดยส่ายหน้าพร้อมกับโบกมือ เมื่อถามว่า จะเป็นกำลังใจให้รัฐบาลอย่างไร พล.อ.เปรม ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว เพียงยิ้ม เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรการเลือกตั้งครั้งนี้พล.อ.เปรม ตอบเพียงสั้นๆว่า “ก็ดี” เมื่อถามว่า สุขภาพเป็นอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า ก็ โอเคดี
ขณะที่คนใกล้ชิดพล.อ.เปรม เปิดเผยว่า ปกติแล้วเมื่อพล.อ.เปรม อยู่บ้านพักก็ไม่ได้ใช้เครื่องออกซิเจน แต่ที่ใช้เครื่องออกซิเจนวันนี้เนื่องจากหน่วยเลือกตั้งมีคนจำนวนมากและมีอากาศค่อนข้างอบอ้าวจึงต้องใช้เครื่องออกซิเจน
อากาศร้อนผู้ลงคะแนนเป็นลม
ที่สำนักงานเขตห้วยขวาง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศผู้เดินทางมาขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าพบ มีผู้เดินทางมาอย่างต่อเนื่องจนล้นอาคารสำนักงานเขต ล่าสุดมีผู้มาใช้สิทธิ์เป็นลม ขณะรอคิวเพื่อเลือกตั้ง จำนวน 1 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่และผู้รอคิวบริเวณดังกล่าวเข้าช่วยเหลือและช่วยกันหามไปยังหน่วยพยาบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากพื้นที่ภายในอาคารค่อนข้างคับแคบ ผู้ใช้สิทธิที่เดินทางมาจำนวนมาก ประกอบช่วงบ่ายของวันนี้พบมีสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้อากาศภายในถ่ายเทไม่สะดวกทั้งบริเวณหน่วยเลือกตั้งชั้น 1 ภายใต้อาคารและบริเวณชั้น 2 ของอาคารสำนักงานเขต
อย่างไรก็ตาม จากสภาพอากาศดังกล่าวปรากฎว่า เริ่มมีประชาชนเป็นลมอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ประมาณ 3-4ราย โดยเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งเขตห้วยขวาง แจ้งผ่านเสียงตามสายว่า เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด ประชาชนที่รู้สึกว่าตนเองมีอาการไม่สบาย หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม ให้รีบยกมือแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อจะได้เข้าช่วยเหลืออย่างทันการณ์ หรือหากเป็นผู้ป่วยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าหน่วยเลือกตั้ง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ประจำการณ์ตามหน่วยเลือกตั้ง หากร่างกายไม่ไหวขอให้ยกมือเพื่อสลับสับเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่รายอื่นทันที เนื่องจากวันนี้มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน ขอให้รีบเปลี่ยนเวรกับเจ้าหน้าที่รายอื่นทันที
สื่อนอกรายงานข่าวกระหึ่ม
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า เมื่องวันที่ 17มีนาคม กลายเป็นความคึกคักและตื่นตัวของการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่มีการทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2014 พบประชาชนชาวไทยต่างเดินทางไปยังคูหาการเลือกตั้งในเช้าวันอาทิตย์ที่ 17มีนาคม เพื่อใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าอย่างคึกคัก ก่อนวันเลือกตั้งจริงที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24มีนาคมนี้ ซึ่งภาพคนไทยต่อแถวยาวเข้าคิวเพื่อรอลงคะแนนกลายเป็นสิ่งที่เรียกความฮือฮาได้จากบรรดาสื่อต่างชาติ เช่น สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานถึงการเข้าแถวยาวของผู้มีสิทธิ์ภายในสนามกีฬาแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ รวมไปถึงช็อตที่บรรดาผู้มีสิทธิ์ตรวจสอบข้อมูลผู้สมัครบริเวณบอร์ดด้านหน้าคูหาลงคะแนนเพื่อการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า หนึ่งในผู้มีสิทธิ์ ผกา แกงเขียว(Paka Kaengkhiew) วัย 48 ปีให้สัมภาษณ์ขณะกำลังยืนรอเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่สำนักงานเขตพระโขนง กรุงเทพฯ ว่า “ดิฉันในที่สุดก็มีโอกาสได้หย่อนบัตรออกเสียงเสียที ดิฉันรอคอยมานานมาก”
ในขณะที่เขตดุสิตซึ่งเป็นที่ตั้งเขตทหารและสำนักงานภาครัฐจำนวนมาก พบว่าบรรดาผู้มีสิทธิ์ต่างต่อแถวรอหน้าคูหาก่อนที่จะเปิดทำการเสียอีก โดยบรรดาผู้มีสิทธิ์ที่สวมทั้งเครื่องแบบทหาร พยาบาล และในชุดลำลองต่างเฝ้ารออย่างอดทนเพื่อที่จะได้มีโอกาสหย่อนบัตรเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี ทั้งนี้พบว่าที่คูหาเลือกตั้งมีการจัดให้บรรดานักเรียนเข้ามาเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่
“อุตม”แจงใช้งบตามปกติ
นาายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายมารดาประชารัฐ ว่า นโยบายดังกล่าว ถือเป็นหัวใจเริ่มต้นของแนวคิดประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ ที่ต้องการพัฒนาคนไทย ตั้งแต่เริ่มมีชีวิตในครรภ์มารดา ดังนั้นการดูแลมารดา ผ่านการสนับสนุนด้านการเงิน ตั้งแต่ตั้งท้องเดือนละ 3,000 บาท ไปจนคลอด รวม 27,000 บาท คือการวางฐานให้เด็กในครรภ์ได้รับการดูแลที่ดี, ค่าคลอดบุตร จำนวน 10,000 บาท และเมื่อคลอดยังได้รับงบประมาณสนับสนุนเพื่อเลี้ยงดูบุตร เดือนละ 2,000 บาทไปจนถึงอายุ 6 ขวบ รวมงบประมาณที่ใช้เพื่อสร้างคนที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพและเป็นทรัพยากรสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ คนละ 1.8 แสนบาทต่อคน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
นายอุตตม กล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายมารดาประชารัฐ จะดูแลมารดาที่ตั้งครรภ์ทุกระดับฐานะอย่างเท่าเทียม เพราะตนเชื่อว่าแม้เป็นครอบครัวที่มีความสามารถเรื่องเงินทุน มีกำลังดูแลตัวเอง การดูแลด้วยเงินเดือนละ 3,000 บาทไม่ถือว่ามากเกินไป อย่างไรก็ตามจากสถิติประชากรที่เกิดต่อปี ในประเทศจะมีค่าเฉลี่ยที่ 6แสนคนต่อปี ดังนั้นเมื่อนำคำนวณวงเงินงบประมาณ ถือว่าไม่เกินกว่าขีดความสามารถหรือเกินกรอบวินัยการเงินการคลัง
“นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นนโยบายเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าทำได้ทันทีตั้งแต่เป็นรัฐบาล นอกจากนั้นยังมีชุดนโยบายที่จะสอดรับกับแนวคิดประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ ผ่านนโยบายด้านการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัย จนถึงผู้สูงอายุ ผ่านการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ที่สามารถหางานทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่มุ่งเน้นด้านการจัดสรรงบประมาณลงไปเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อวัดจากคุณภาพแล้ว พบว่าไม่เป็นไปตามโจทย์ของการพัฒนาประเทศระยะยาวที่ยั่งยืน” นายอุตตม กล่าว
‘สมศักดิ์’เปรียบเป็นมวยยก5
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายการการเลือกตั้งว่า ตอนนี้เปรียบเหมือนมวยก็เข้าสู่ยกสุดท้ายยกที่ 5 คะแนนยังแพ้ชนะยังไม่ขาด ดังนั้นความทะเยอทะยานของผู้สมัครแต่ละคนถ้าเร่งเครื่องเต็มที่ มีโอกาสคว้าชัยชนะได้อย่างแน่นอน นโยบายของพรรคพลังประชารัฐนั้นดีมากๆ เพราะเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของความต้องการของพี่น้องประชาชนจริงๆ เป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้ง่าย แถมยังต่อยอดจากรัฐบาลปัจจุบัน การที่นโยบายมาวิเคราะห์และใส่เอาเม็ดเงินลงไปขับเคลื่อนจะใช้เวลาน้อย ผิดกับนโยบายของพรรคอื่นที่จะใช้เวลา 8-10 เดือน หรือบางอย่างต้องออกเป็นกฎหมายซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร ยิ่งถ้าเราทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุดเกี่ยวกับนโยบายของพรรค อาจจะใช้รถวิ่งประชาสัมพันธ์ให้มากๆและเข้าถึงทุกพื้นที่ เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและเห็นด้วยกับนโยบายของเรา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องกระแสการจัดตั้งหลังการเลือกตั้ง ดูเหมือนว่าหลายพรรคจะเงียบไป เพราะเริ่มชัดเจนแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐจะเป็นหนึ่งใน 2 แกนนำหลักแน่นอน เพราะนโยบายเราดีกว่าพรรคอื่นชัดเจนและทำได้จริง จนพวกเขาต้องออกมาโจมตีเพื่อลดกระแสความนิยมของพรรคเรา ถ้าจะทำให้ง่ายขึ้น คือ อยากฝากพี่น้องประชาชนอย่าลังเลใจอะไรอีกแล้ว พรรคพลังประชารัฐหวังเข้ามาต่อยอดการพัฒนาประเทศและเป็นพรรคที่ดำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งในระบอบประชาธิปไตย หากเลือกเราไม่ต้องมาลุ้นต่ออีกว่า หลังตั้งรัฐบาลแล้วจะมีผลกระทบในเรื่องม็อบหรือความขัดแย้งตามมาอีก ไม่มีแน่นอน
“ในช่วงนี้ ผู้ใหญ่ของพรรคทุกฝ่ายทุกคน ออกมาช่วยพรรคหาเสียงกันหมดแล้ว ไม่มีใครนิ่งเฉย ทุกคนทุ่มเททำงาน พอออกมาก็จะเห็นว่าพรรคอื่นเริ่มเงียบเริ่มเกรงกลัวกระแสของพรรคเรา ขณะนี้เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์จะถึงวันลงคะแนน ผมอยากให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิ์เลือกพรรคพลังประชารัฐ อย่าให้พลาดโอกาสที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศ” นายสมศักดิ์ กล่าว
“สุวัจน์”นำทีมหาเสียงกทม.
เวลา 09.00น.ที่โรงแรม ปริ๊นซ์ พาเลซ อาคาร โบ๊เบ๊ ทาวเวอร์ พรรคชาติพัฒนา จัดกิจกรรม “เรือ ต่อ ราง” นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพร้อมผู้สมัคร นาย ณัฏฐ์ปิยะ กุลจิรารวีนิภา ผู้สมัคร ส.ส. เขต 6 และเพื่อน ผู้สมัคร ส.ส. เขต กทม.ร่วมทำกิจกรรม ก่อนพาคณะพบปะเจ้าของร้านค้า และประชาชนบริเวณตลาดโบ๊เบ๊ ระหว่างทางบรรยากาศคึกคักประชาชนต่างให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นตลอดทาง นายสุวัจน์ กล่าวทักทายพร้อมอวยพรให้พ่อค้าแม่ค้าขายดิบขายดี
อย่างไรก็ตามตัวแทนสมาคมวิลแชร์บาสเกตบอล นำโดยนายกสมาคมกับนักกีฬาคนพิการ 5 คน ซึ่งเป็นนักกีฬาวิลแชร์ รวมคณะไปด้วย เพราะต้องการสนับสนุนนโยบายอารยสถาปัตย์ของพรรค ถือเป็นนโยบายด้านสังคมที่สำคัญแก่ผู้ด้อยโอกาสด้านความเสมอภาคได้สะดวกในการเดินทาง
จากนั้นเวลา 09.30น. นายสุวัจน์ พร้อมคณะ ลงเรือ ที่ ท่าเรือ โบ๊เบ๊ เพื่อมุ่งหน้าไป ชุมชน บ้านครัว เขต ราชเทวี เพื่อพบปะหารือกับ ประธานชุมชน บ้านครัว (ตะวันตก) พร้อม คณะกรรมการชุมชน และ ประธานชุมชน บ้านครัว (เหนือ) พร้อม คณะกรรมการชุมชน เพื่อไปรับฟังแนวทางการนำเสนอ ให้ทราบถึงปัญหา ของ ชุมชนฯ ทั้ง 2 แห่ง และ ผู้นำชุมชนพาชม ลานกีฬาพัฒน์ 1 - 2 โดยชุมชนน มีประชาชนมาเล่นกีฬาจำนวนมาก อาทิ เทนนิส บาสเกตบอล มวย เทควันโด ตระกร้อ ฯลฯ โดยนายสุวัจน์ กล่าวว่าพรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคนักกีฬา จะสนับสนุนให้มีลานกีฬาทั่ว กทม.จากนั้นนายสุวัจน์ เล่นบาสเกตบอล ร่วมกับเยาวชน ซู๊ดบอลโชว์ 3ลูกซ้อน เรียกเสียงฮือฮาจากเด็กและเยาวชน ที่ต่างมาขอถ่ายรูป
จัดกิจกรรม”รถ ราง เรือ”
นายสุวัจน์ กล่าวภายหลังเดินทางลงพื้นที่ ในกิจกรรม “รถ ราง เรือ”ว่าลงพื้นที่ในวันนี้เพราะต้องการตอยย้ำความพร้อมนโยบาย Smart Mobility หนึ่งใน 9 นโยบาย Smart City ของพรรค อันดับแรก คือ ต้องทำให้ระบบ รถ ราง เรือ เชื่อมโยงกันแบบไร้รอยต่อ ที่สำคัญต้องตอบสนองนโยบายอารยสถาปัตย์ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ นับสิบล้านคน และ ผู้พิการกว่า 2 ล้านคน จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงมาตรฐานหรือกฎระเบียบที่เอื้อต่อการคมนาคมโดยเฉพาะท่าเทียบเรือ เช่น ที่คลองแสนแสบ ควรเอื้อความสะดวกแก่คนพิการและผู้สูงอายุ เพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เป็นผู้สูงอายุหรือคนพิการมีโอกาสเข้าถึงระบบการขนส่งทางเรือ และ ไม่ใช่เฉพาะแค่ท่าเทียบเรือเท่านั้นที่ต้องปรับปรุง แต่ต้องรวมไปถึงการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ เช่น ห้องน้ำ ทางลาด ราวจับ หรือลิฟท์ ฯลฯ ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวแก่ผู้สูงอายุและคนพิการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
ปชป.ใช้แอพฯแจ้งการโกงกิน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน เพราะสโลแกนของพรรคประชาธิปัตย์ คือประชาชนเป็นใหญ่ประชาธิปไตยสุจริต ไม่ให้การเมืองกลับเข้าสู่วงจรอุบาทว์ และจากการไปประชันวิสัยทัศน์กับทุกพรรคการเมืองมีการมองว่าปัญหาทุจริตเป็นเพียงวาทกรรม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าปัญหาทุจริตไม่ใช่วาทกรรม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน และให้ความสำคัญกับเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต ไม่มีใครมีมลทิน ทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาทุจริต พรรคประชาธิปัตย์จึงมีนโยบายในการป้องกัน โดยสาเหตุคอร์รัปชันมีทั้งปล้นประเทศ ปล้นประชาชน และวางแผนมาปล้นด้วยการทุจริตเชิงนโยบาย ทั้งนี้ เครื่องมือที่จะปราบคอร์รัปชันของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ใช้เทคโนโลยีเพื่อความโปร่งใส โดยใช้แอพพลิเคชั่นแจ้งโกง เปิดเผยราคากลางจัดซื้อจัดจ้างและวิธีคำนวณราคาออนไลน์ รวมถึงเปิดเผยการเสียภาษีที่ดินออนไลน์ เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้มีหลักสูตรโตไปไม่ยอมให้ใครโกง ต่อยอดจากโตไปไม่โกง และบุคคลที่ชี้เป้าการโกงต้องได้รางวัลและการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม รวมถึงส่งเสริมบทบาทสื่อกับงานวิจัยในการตรวจสอบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพจะมีการสังคายนากฎหมาย ออก พ.ร.บ.ปราบโกง ยกเครื่อง ป.ป.ช. ในกระบวนการสืบสวนให้ชี้มูลภายใน 6 เดือน กรณียกคำร้องต้องเปิดเผยและถูกตรวจสอบ โดยจะมีการเปลี่ยนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ด้วยการแก้กฎหมาย แม้ข้อเท็จจริงจะต้องแก้รัฐธรรมนูญแต่เป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ จะเพิ่มบทบาทผู้ตรวจราชการให้มีอำนาจตรวจสอบภายในกระทรวง และการโยกย้ายข้าราชการไม่ใช่การทำโทษ รวมถึง กระจายอำนาจ ออกกฎหมายปรับการทำงานท้องถิ่นโดยเฉพาะ และปฏิรูปตำรวจให้กระบวนการสอบสวนมีความเป็นอิสระ และตรวจสอบตำรวจได้ง่ายขึ้น
ให้ผู้แทนเปิดธุรกิจของเครือญาติ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศด้วยว่า หากได้เป็นการนำจัดตั้งรัฐบาลจะให้ ส.ส. เปิดเผยธุรกิจของเครือญาติป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน และตรวจสอบการใช้สิทธิเดินทางตั๋วเครื่องบินฟรีของ ส.ส. เปิดเผยงบรับรองของรัฐมนตรี ยกเลิกสิทธิบางอย่าง เช่น รัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องนั่งเครื่องบินโดยสารชั้นเฟิร์สคลาส และย้ำปัญหาทุจริตคอรัปชัน ไม่ใช่วาทกรรมอีกต่อไป แต่เป็นภัยร้ายที่จะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ ที่สำคัญความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่ามาตรฐานทางกฎหมาย หมดเวลาเกรงใจแล้ว.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี