วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี  ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

วันพฤหัสบดี ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag : นายกรัฐมนตรี ประชาธิปัตย์ รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
  •  

แนวหน้าวาไรตี้ โดย เฉลิมชัย ยอดมาลัย ไปสนทนากับอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันคือหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขาผู้นี้บอกว่าถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เขาก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี

l เลือกตั้งสส. ครั้งนี้ ประชาธิปัตย์มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


มั่นใจครับ เพราะทุกคนในพรรคลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนเป็นประจำ และทำมานานก่อนกำหนดวันเลือกตั้งด้วย แล้วพรรคก็เปิดปราศรัยตามจังหวัดต่างๆ เพื่อบอกพี่น้องประชาชนว่าเราจะทำอะไรให้กับคนไทย และประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงตอบรับที่ดีมาจากประชาชน เพราะประชาชนมั่นใจในแนวทางการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศชาติของพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน พรรคเน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป็นระบบ และจับต้องได้จริง เช่น แนวทางแก้ปัญหาเรื่องราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำ ปัญหาแรงงาน และการปรับปรุงเรื่องบัตรสวัสดิการของรัฐเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์สูงสุด พรรคตั้งใจจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวโดยรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงกำหนดนโยบายไว้อย่างชัดเจน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เราต้องการสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนว่านโยบายของพรรค ทำให้อนาคตเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และเป็นประโยชน์กับคนทุกระดับอย่างแน่นอน

l อะไรคือสิ่งที่ชาวบ้านเรียกร้องมากที่สุด เวลาที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลงไปพบกับเขา

ทุกคนขอให้แก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนบ่นเหมือนกันและตรงกันในเรื่องนี้ ทุกคนบอกว่าในช่วงที่ผ่านมาหลายปีนั้น พวกเขาเดือดร้อนมาก ทุกอย่างย่ำแย่ เศรษฐกิจฝืดเคือง ทุกคนขอให้ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากปัญหานี้ให้ได้โดยเร็ว ดังนั้นประชาธิปัตย์จึงเน้นในเรื่องการฟื้นกำลังซื้อของประชาชนเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อมีกำลังซื้อเกิดขึ้น เงินตราในระบบมันจะหมุมเวียนได้ดีและมากขึ้น ดังนั้นเราจึงมุ่งไปที่เรื่องทำให้คนส่วนใหญ่มีกำลังซื้อ ก็ต้องมองไปที่กลุ่มชาวไร่ชาวนา ซึ่งกำลังประสบปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ประชาธิปัตย์มีระบบประกันรายได้ให้กับเกษตรกร นโยบายนี้ทำได้จริง และไม่ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินของประเทศตามมา และที่สำคัญคือ นโยบายนี้ป้องกันการทุจริตได้ และไม่ได้รบกวนหรือบิดเบือนกลไกระบบการค้า ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ต่างเข้าใจดีว่าเป็นนโยบายที่ทำได้จริงและให้ผลดี เช่น การประกันราคาข้าวเกวียนละหนึ่งหมื่นบาท และการเพิ่มมาตรการเพื่อประกันราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น เมื่อเรื่องนี้ทำได้สำเร็จก็จะทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นในระบบ ส่วนเรื่องปัญหาแรงงาน ก็ต้องทำให้ผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยต้องกล้าและมั่นใจที่จะจับจ่ายใช้สอยให้มากขึ้น ส่วนอีกเรื่องคือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งประชาธิปัตย์จะระบุให้ชัดเจนว่าให้เงินส่วนนี้เท่าไร แล้วผ่านเงินเข้าบัญชีโดยตรงให้ผู้ได้รับสิทธิ์ โดยไม่บังคับว่าเขาจะต้องใช้เงินที่ได้ผ่านร้านค้าใดเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่เดิมมีปัญหาว่าเงินที่ได้นั้นไปกองอยู่เฉพาะในร้านที่มีเครื่องรูดบัตรเท่านั้น แต่แนวคิดของประชาธิปัตย์ คือ เราไม่บังคับ เขามีสิทธิ์ใช้ตามความเหมาะสมตามดุลพินิจของเขา ดังนั้นเงินก็จะกระจายไปยังร้านค้าเล็กๆ น้อยๆ ร้านค้าริมถนน หรือตามแผงลอย ตลาดสด ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง ก็ได้รับเงินไปทั่วหน้ากัน เน้นว่ามาตรการประกันรายได้เกษตรกร ประกันรายได้แรงงาน และปรับปรุงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคือ มาตรการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้เร็วที่สุด

l มีผู้กังวลว่านโยบายต่างๆ ที่ว่านั้นจะเข้าข่ายประชานิยมหรือไม่ จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินต่อประเทศหรือไม่

พรรคประชาธิปัตย์ประเมินตัวเลขในนโยบายที่เราระบุไว้ทั้งหมดแล้ว ว่าทุกโครงการต้องใช้งบประมาณมากน้อยเท่าไร คุณกรณ์ จาติกวณิช แสดงตัวเลขงบฯ ให้สังคมทราบแล้ว แต่ที่สำคัญคือว่าพรรคระบุด้วยว่างบประมาณตัวไหนที่สามารถปรับลดลงได้ เช่น งบฯ สำรองฉุกเฉิน แต่ทว่าถูกนำไปใช้ในเรื่องที่ไม่ฉุกเฉินจริง แค่งบฯ ตรงนี้ก็ 50,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว และเราก็พิจารณาถึงการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการภาษีด้วย เมื่อระบบเศรษฐกิจดีขึ้นโตขึ้น รายได้ก็ดีขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าหากสุดท้ายแล้ว หากมีภาระด้านงบประมาณเกิดขึ้น คุณกรณ์ก็บอกไว้ชัดเจนแล้วว่า สำหรับกลุ่มคนที่มีกำลังจ่ายจริงๆ เช่นกลุ่มคนเศรษฐีที่ดิน เศรษฐีในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะต้องเข้ามามีส่วนกับการที่จะต้องช่วยกันรับภาระในเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีความพร้อมมากที่สุด

l แล้วไม่คิดว่าคนในกลุ่มเศรษฐีจะบอกว่าเป็นการรบกวนเขาหรือ แล้วทำไมเขาต้องมารับผิดชอบ

ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าวันนี้โครงสร้างเศรษฐกิจในบ้านเรามีความเหลื่อมล้ำสูงมาก ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม ทำให้สังคมไม่ปกติ ถ้าคนส่วนใหญ่ที่สุดของสังคมไปไม่ได้ ในที่สุดทุกคนในสังคมก็จะล้มลง เพราะฉะนั้น ในวันนี้เราจึงไม่ได้พูดถึงแค่เพียงชนชั้นกลาง เราไม่ได้พูดถึงแค่เพียงกลุ่มคนทำงานที่จะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ตรงกันข้าม คนกลุ่มนี้เสียอีกที่เขาบ่นทุกวันว่า ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน ผมหนีภาษีไม่ได้ ผมถูกหักเงินภาษีทันที ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างเต็มจำนวนด้วยซ้ำไป แล้วทำไมเศรษฐีจริงๆ มีรายได้มากๆ แต่กลับมีช่องทางที่ไม่ต้องจ่ายเงินภาษี เพราะมีช่องทางลดภาษีสารพัด เพราะฉะนั้น จึงเวลาแล้วที่คนกำลังทางเศรษฐกิจต้องช่วยกันจ่าย ผมเชื่อว่าเขายินดีจ่ายเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

l ขอไปที่เรื่องการปราศรัยหาเสียงการเมือง หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนการปลุกระดมมากกว่า

พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช้วิธีแบบนั้น เราทุกคนในพรรค ไม่ใช่วิธีแบบนั้นแน่นอน เรามองว่าพรรคที่พยายามบังคับให้คนต้องเลือกข้าง หรือเอาความกลัว ความโกรธ ความเกลียด ความไม่พอใจมาปลุกเร้า การหาเสียงแบบนั้น ไม่ใช่แนวทางของประชาธิปัตย์ มีการมองกันว่า ทุกวันนี้การเมืองในบ้านเรามีสามขั้ว ขั้วหนึ่งผูกติดกับคุณประยุทธ์ (จันทร์โอชา) อีกขั้วหนึ่งผูกติดอยู่กับคุณทักษิณ (ชินวัตร) ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็บอกมาตลอดว่ามันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเราเสนอตัวว่าเราเป็นขั้วประชาธิปไตยสุจริต และนี่คือทางออกจากปัญหาในขณะนี้ เราเห็นว่าการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่มีความยั่งยืนและไปไม่รอด แต่ขณะเดียวกัน ถ้าหลายคนยังตีความคำว่าประชาธิปไตยเป็นแค่เพียงการเลือกตั้ง เมื่อได้อำนาจจากการเลือกตั้งแล้วก็ใช้อำนาจรัฐไปตามใจชอบ ไม่คำนึงถึงความถูกผิดไม่คำนึงถึงความสุจริต มันก็ไปไม่รอดเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราจึงเน้นคำว่าประชาธิปไตยสุจริตเป็นสำคัญ 

l ที่ผ่านมาคนไทยหวาดกลัวและรังเกียจการที่นักการเมืองอ้างว่าชนะการเลือกตั้งมาแล้วจะทำอย่างไรกับบ้านเมืองก็ได้ โดยอ้างว่าได้ฉันทานุมัติจากประชาชนแล้ว

นี่แหละคือปัญหา สังคมเรามีบทเรียนที่น่ากลัวมาแล้วจริงๆ แต่ขอย้ำว่าประชาชนไม่เคยให้ฉันทานุมัติใครใช้อำนาจรัฐไปโกงบ้านกินเมือง แต่เขาให้ไปทำนโยบายที่ดีต่อบ้านเมือง เขาให้ไปทำหน้าที่ตามสัญญา โดยเฉพาะการพัฒนาประเทศชาติ ประชาชนไม่ได้เลือกตั้งให้ใครเข้าไปโกงกิน และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ประชาธิปัตย์ยืนยันว่าผู้มีอำนาจรัฐต้องไม่ใช้อำนาจเพื่อการโกงกิน เราไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจรัฐเพื่อฉ้อฉล ไม่ว่าผู้มีอำนาจรัฐจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าพลเรือนหรือทหาร อย่างเช่นในอดีตนั้น คนของประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาว่าทุจริต โดยเฉพาะในช่วงที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคของเราก็มีมาตรฐานคือขอให้คนที่ถูกกล่าวหาลาออกจากตำแหน่งไว้ก่อน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ นี่คือมาตรฐานของพรรคเรา และเราก็ต้องการเห็นมาตรฐานนี้ในสังคม

l มีความกังวลใจในกลุ่มผู้ใหญ่ว่า เด็กรุ่นใหม่เป็นพวกชอบต่อต้านระบบ ส่วนเด็กก็บอกว่าหมดยุคแล้วที่จะให้ผู้ใหญ่ดูแลบ้านเมืองต่อไป คุณอภิสิทธิ์มองเรื่องนี้อย่างไร

เราต้องยอมรับว่าคนรุ่นใหม่ก็มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง เขาอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นี่คือเป็นธรรมชาติของวัยรุ่นใช่ไหม อย่าลืมว่าคุณกับผมก็เคยเป็นเด็กมาก่อน ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีหากเด็กต้องการเปลี่ยนแปลงให้บ้านเมืองดีขึ้น ผมกลับมองว่าจะแย่มาก ถ้าคนรุ่นใหม่ไม่มองหาความเปลี่ยนแปลง เพราะสังคมจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่สำคัญตรงที่ว่า การที่เด็กหรือคนรุ่นใหม่จะตัดสินใจสนับสนุนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น ผมเห็นว่าอย่าเพิ่งไปด่วนสรุป อย่าเพิ่งไปรวบรัดคิดว่าเขาจะตัดสินด้วยอะไร ผมยังมองว่า ถึงที่สุดเด็กก็จะมองหาทางเลือกต่างๆ ที่ดีที่สุด แต่แน่นอนว่าสำหรับคนที่ใช้วิธีการพูดแรงๆ หรือพูดเร้าอารมณ์ อาจจะได้รับความสนใจจากเด็กมากเป็นพิเศษ แต่เราก็ต้องค่อยๆ ดูเขาไปและค่อยๆ ให้เขาเรียนรู้ อย่างในพรรคประชาธิปัตย์ เราก็มีกลุ่ม New Dem (กลุ่มประชาธิปัตย์ใหม่) คนรุ่นใหม่เหล่านี้ให้ความสนใจในเรื่องต่างๆ ของสังคม เช่น ประเด็น LGBT ประเด็นการเกณฑ์ทหาร เรื่องกัญชาเสรีผมเห็นว่าเขาทุกคนก็อยู่ในจุดที่ก้าวหน้าในระดับที่พอดี ไม่มีความขัดแย้งกับคนรุ่นเก่า แต่ที่น่าสนใจคือ คนรุ่นใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำงานกับคนรุ่นอื่นๆได้อย่างราบรื่น เขาไม่ได้เสนอเรื่องใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อหวังให้เกิดการทะเลาะกับคนรุ่นอื่น ผมคิดว่าถ้าดูให้ดีถ้าสังคมอยากเห็นประเด็นเหล่านี้ประสบความสำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ก็คือเป็นคำตอบที่ชัดกว่า เพราะเราไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปทะเลาะกับใคร แต่เราคิดว่าเรื่องนี้มันสามารถเกิดเป็นนโยบายได้ ซึ่งก็เห็นว่าคนหลายๆ รุ่นในพรรคก็ยอมรับซึ่งกันและกันได้ ผมเห็นว่าคนรุ่นใหม่เขาก็มองการเปลี่ยนแปลงของสังคม จริงอยู่เขาอาจจะนึกในเชิงลบในบางเรื่อง แต่สุดท้ายผมก็ยังมองว่าความเป็นคนรุ่นใหม่นั้น เขาก็ต้องมองอนาคตด้วยความหวังมองในเชิงบวก เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เองจึงพยายามตอบโจทย์ว่า เทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้เพื่อให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้อย่างไร ประชาธิปัตย์ยืนยันว่าทุกคนต้องมีสิทธิ เสรีภาพ และเข้าใจว่าการประกอบอาชีพในอนาคต ไม่เหมือนเมื่อก่อน หลายคนไม่อยากเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงานเหมือนในยุคสังคมอุตสาหกรรม เขาชอบใช้เทคโนโลยี ชอบเป็นนายของตัวเอง เราจะส่งเสริมเขาให้ก้าวไปอย่างไร เขาอาจสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งประชาธิปัตย์ก็พูดถึงการปฏิวัติเขียวในอุตสาหกรรม เขาจะสนใจเรื่องของการทำวิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งประชาธิปัตย์ก็สนับสนุน เราช่วยกันประคับประคองคนรุ่นใหม่ให้ก้าวต่อไปดีกว่า

l คนในสังคมเป็นห่วงว่าพรรคการเมืองบางพรรคฮั้วกันทางการเมือง

ถูกต้องครับ หลายคนวิตกเรื่องนี้ แต่เขาทำเป็นเครือข่าย พูดกันตรงๆ ก็แล้วกัน อย่างพรรคเพื่อไทยนั้น กลยุทธ์การเมืองที่เขาวางไว้ ก็คือสิ่งที่เขามองว่าเขาจะมีโอกาสได้ทั้งสส.เขต และสส.บัญชีรายชื่อแบบสมรู้ร่วมคิดกัน ซึ่งก็เหมือนกับการหากำไรเกินควร หมายความว่าตามปกติแล้ว ระบบนี้ถ้าคุณได้คะแนน 30%คุณต้องมี สส. 30% แต่ระบบที่เขาทำ เขาบอกว่า สส. เพื่อไทยนั้นแค่เน้นสส. เขตก็พอ แล้วไปเอาสส. บัญชีรายชื่อจากที่อื่นมาผสมกัน เพราะฉะนั้น ถามว่าถ้าเรากลัวอย่างนี้ ผมก็บอกว่าใครที่ไม่ชอบพรรคเช่นนี้ก็ต้องทำให้เขาไม่ได้ สส. เขต ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่อยากได้พรรคในเครือข่ายนั้น คุณก็ต้องเลือกประชาธิปัตย์ เพราะประชาธิปัตย์แข่งกับเพื่อไทย เป็นคู่เกือบทุกเขต

ทำไมคุณอภิสิทธิ์ประกาศชัดเจนว่าไม่สนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี

เพื่อความชัดเจนครับ คนจะได้ไม่วิจารณ์ว่าเราคลุมเคลือ และผมก็ต้องการบอกเรื่องนี้ให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องตอบคำถามเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ผมเห็นว่าในการไปขึ้นเวทีทุกเวทีก็จะมีคนถามเรื่องนี้ตลอด พูดเรื่องนโยบายได้นิดเดียวก็วกกลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว บางคนพยายามคาดคั้นผม ผมจึงคิดว่าเอาให้มันจบไปเลยดีกว่า เพื่อความชัดเจน แต่ยืนยันได้ว่าผมไม่มีปัญหาส่วนตัวกับพลเอกประยุทธ์ ท่านเคยทำงานกับผมมา ผมขอบคุณท่านตลอด เพราะท่านตั้งใจทำงาน ช่วงที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี แม้แต่ช่วงหลัง ผมว่าคนส่วนใหญ่ก็ขอบคุณที่ท่านรักษาความสงบเรียบร้อยได้ดี แต่ว่าสถานะของคนเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งมันเปลี่ยนไปครับ นายกรัฐมนตรีในยุคหน้าต้องมีฝ่ายค้าน สื่อฯ ก็คงต้องทำงานเต็มที่กว่านี้เดิม มาตรา 44 ก็ไม่มีแล้ว ที่สำคัญคือ ถ้าพูดถึงในแง่ความขัดแย้ง เมื่อเราไปเวทีไหน หรือเราอ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวก็รู้ถึงความขัดแย้งปัญหาอยู่ที่การสืบทอดอำนาจ เพราะฉะนั้น พลเอกประยุทธ์จึงเปลี่ยนสถานะไปจากเดิม เพราะก่อนหน้านี้ใครจะชอบหรือไม่ชอบท่าน เมื่อตอนที่ท่านเข้ามาเป็น คสช. ท่านบอกว่า ท่านมาห้ามทัพ ห้ามการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่วันนี้ท่านกลายเป็นขั้วการเมืองไปแล้ว ซึ่งมีความเป็นปฏิปักษ์ค่อนข้างรุนแรงกับอีกขั้วหนึ่งจึงกลายเป็นว่า วันนี้ท่านผันสถานะจากคนห้ามทัพมาเป็นผู้ร่วมรบด้วย

คนลงคะแนนบางกลุ่มบอกว่า เขายังรักคุณอภิสิทธิ์ แล้วก็รักกำนันสุเทพ รักลุงตู่ประยุทธ์ จึงตัดสินใจเลือกยากมาก เขาฝากถามว่า ตัดสินใจอย่างไรดี

ผมคิดว่าใครชอบคนไหนก็ต้องสนับสนุนพรรคของคนนั้น แต่ผมบอกได้ว่า ถ้าวันนี้คุณต้องเลือกทางเลือกที่อยากเห็นอนาคตของประเทศมีความแตกต่างที่ชัดเจน ผมสันนิษฐานว่าคนที่คุณพูดถึงอยู่นี้คงไม่นิยมพวกเพื่อไทย ประเด็นสำคัญคือ วันนี้คุณต้องดูว่าพรรคการเมืองไหนที่ยังคงอุดมการณ์เดิมไว้ได้  ต้องดูว่าคนในพรรคมีความสุจริตหรือไม่ ไม่ว่าจะเรื่องการใช้อำนาจรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คดีความมาเพื่อต่อรองพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่หรือ ที่จะทำให้เราตัดสินใจเลือกพรรคที่เราชอบ แต่สำหรับประชาธิปัตย์แล้ว เรายึดมั่นในอุดมการณ์มาโดยตลอด เราไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เรายืนอยู่จุดเดิมตลอด

มีคนตั้งคำถามว่าไม่ว่าพรรคอันดับหนึ่งจะเป็นใครก็ตาม คุณอภิสิทธ์ยังยืนยันว่าพรรคอันดับหนึ่งต้องมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อนใช่ไหม

คือโดยธรรมชาติมันต้องเป็นอย่างนั้น แต่ว่าจริงๆ แล้วกติกาก็คือว่าใครก็ตามที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ก็จัดตั้งรัฐบาลได้

คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลครั้งหน้าจะมีกี่พรรค

ยังตอบไม่ได้ จนกว่าจะเห็นผลการเลือกตั้ง แต่ผมยังยืนยันว่าหากประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมต้องพิจารณาตามอุดมการณ์ของผมว่า รัฐบาลที่จะตั้งขึ้นต้องเป็นรัฐบาลสุจริต ไม่สืบทอดอำนาจ พูดกันตรงๆ สมมติว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ก็แปลว่าพลเอกประยุทธ์ก็คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นคือตอนนี้คนยังนึกภาพไม่ค่อยออกว่าแล้วพรรคพลังประชารัฐจะเป็นอย่างไง เพราะว่าตัวพลเอกประยุทธ์เอง แม้กระทั่งอดีตรัฐมนตรีทั้งหลายของพลังประชารัฐไม่มีใครลงสมัคร ส.ส. เลย แต่ว่าต่อไปเมื่อต้องไปทำงานในสภา เพราะฉะนั้น ผมจึงตอบได้ยากมาก เพราะยังนึกไม่ออกว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นอย่างไร

ผู้อ่านแนวหน้าถามว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นอันดับต้น แล้วพรรคลุงพรรคกำนันมาเป็นอันดับรอง ประชาธิปัตย์จะทำงานกับคนเหล่านี้อย่างไร และก็เชื่อว่าประชาธิปัตย์คงไม่จับมือกับเพื่อไทย

ผมย้ำเหมือนเดิมว่า ขอให้ยึดมั่นในอุดมการณ์พรรค หากเราจะทำงานด้วยกัน เราก็ต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าจะทำงานด้วยกันอย่างไร

ถ้าคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง จะแก้ปัญหาหรือข้อบกพร่องเก่า ๆ อย่างไร

ข้อแรก ตั้งแต่ผมลงหาเสียงเป็นหัวหน้าพรรค ผมประกาศว่าผมไม่ต้องเกรงใจใครอีกต่อไป ผมได้เรียนรู้จากอดีตมากพอสมควร ดังนั้นวันนี้ ผมพร้อมปรับปรุงหลายสิ่งหลายที่เป็นข้อบกพร่องในอดีต ส่วนวิสัยทัศน์หรือนโยบายของผมนั้น ผมประกาศชัดเจนว่าเป้าหมายการบริหารประเทศคือต้องเดินไปข้างหน้า และต้องไม่ยอมให้ใครเป็นอุปสรรคในการทำงานเพื่อประเทศ

คุณสามารถพบกับรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง ในรายการแนวหน้าวาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ TNN2 ช่อง784 ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ผู้หญิงแนวหน้า Byคุณแหน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! \'ชานน สัมพันธารักษ์\'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! 'ชานน สัมพันธารักษ์'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน
  • รัฐบาลย้ำต้องขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังออกหมายจับแก๊ง \'ก๊ก อาน\' รัฐบาลย้ำต้องขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังออกหมายจับแก๊ง 'ก๊ก อาน'
  • ไม่เกิดความรุนแรง​! \'ทักษิณ​\'เชื่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีกลไกพูดคุยได้​ ไม่เกิดความรุนแรง​! 'ทักษิณ​'เชื่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีกลไกพูดคุยได้​
  • สะบั้นสัมพันธ์‘ฮุน เซน’ ‘ทักษิณ’บอกลืมชื่อกันไปแล้ว เชื่อคลิปหลุดตั้งใจอัด สะบั้นสัมพันธ์‘ฮุน เซน’ ‘ทักษิณ’บอกลืมชื่อกันไปแล้ว เชื่อคลิปหลุดตั้งใจอัด
  • ‘ทักษิณ’ลั่น!ไทยไม่มีทางตัน แฉกลฮั้ว สว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. ‘ทักษิณ’ลั่น!ไทยไม่มีทางตัน แฉกลฮั้ว สว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส.
  • ‘วัชระ’ย้อนเกล็ด‘นิพนธ์’ บอก‘ปชป.’หมดสิ้น แล้วทำไม‘ลูกชาย’ยังสังกัดอยู่ ‘วัชระ’ย้อนเกล็ด‘นิพนธ์’ บอก‘ปชป.’หมดสิ้น แล้วทำไม‘ลูกชาย’ยังสังกัดอยู่
  •  

Breaking News

ปชป.เลือดไหลไม่หยุด! 'ชานน สัมพันธารักษ์'ยื่นใบลาออก รับไม่ได้อุดมการณ์เปลี่ยน

ถ้าผมไม่เxือก แล้วใครจะเxือก! วาทะ 'ทักษิณ' จุดเดือด 'นักข่าวอาวุโส' ลั่นดูถูกคนไทยเกินรับไหว

ถล่มยับ! เปแอสเชทะลุชิงสโมสรโลก

'กอบศักดิ์' ฟันธง 'ภาษีทรัมป์' รอบนี้ของจริง! เตือนไทยจับตาโครงสร้างการค้าโลกใหม่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved