29 มี.ค. 62 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รักษาการณ์รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีการทุจริตการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.พัทลุง เขต 2ว่า ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง มีการตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีจำนวนสมาชิกในกลุ่มทั้งหมด 388 คน เพื่อถ่ายรูป และเก็บบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตพื้นที่ จำนวนกว่า 35,000 ใบ อีกทั้ง ในกลุ่มไลน์นี้ มีผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองหนึ่งก็อยู่ในกลุ่มไลน์นี้ด้วย
“ผมได้เตือนทั้ง กกต. และเตือนไปยัง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงว่า มีกำนันผู้ใหญ่บ้าน และนักการเมืองท้องถิ่นบางส่วน ร่วมมือกันเพื่อดำเนินการทุจริตการเลือกตั้ง ทั้งนี้มีการคุยกันไลน์กลุ่มว่า ‘ทุกขั้นตอนนี้อย่าประมาท แม้แต่เรื่องเล็กน้อย เพราะเรากำลังสู้กับกฎหมาย’ หลังจากนั้นมีกรรมการบริหารพรรคการเมืองหนึ่ง พอรู้ว่า ผมติดตามกรณีดังกล่าว ก็ได้มีการแจ้งเขาไปในกลุ่มไลน์นี้ว่า ‘แจ้งทุกคนที่หาสมาชิก ให้ระวังนิพิฏฐ์กำลังตามว่า มีการให้ตังค์กับคนเก็บหัวละ 10 บาท ’ หมายถึงว่า การเก็บบัตรประชาชนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จะมีการให้เงินสำหรับคนที่ไปถ่ายบัตรประชาชน หัวละ 10 บาท ซึ่งถือว่า กรรมการบริหารพรรคคนนั้นรับรู้ถึงกระบวนการการทุจริต และมิได้ห้ามปรามแต่อย่างใด” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ แถลงต่อว่า ในช่วง 2 – 3 วัน ก่อนการเลือกตั้ง ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว มีการบอกกล่าวกันว่า ‘ถ้าใครถูกจับ ตอนเที่ยวแจกเงิน ให้ว่าเงินพรรคประชาธิปัตย์ ’ หมายความว่า หากถูกเจ้าหน้าที่จับ ก็ขอให้ใส่ความว่า เป็นเงินของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวน กับบุคคลที่อยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว โดยใส่ความว่า เป็นการกระทำของพรรคฯ และตนก็ถูกเรียกไปสอบสวนด้วย ซึ่งได้ยืนยันว่า ทางพรรคฯ ไม่ได้เป็นคนกระทำ ดังนั้นการที่คนกลุ่มไลน์ได้ใส่ความพรรคประชาธิปัตย์ จึงถือได้ว่า เป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และผู้สมัครที่อยู่ในกลุ่มไลน์นี้ ก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน และมิได้ยับยั้งว่า การใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เท่ากับยอมให้มีการใส่ร้ายผู้สมัครและพรรคประชาธิปัตย์
“หลังจากที่ผมได้เปิดเผยข้อมูลการทุจริตในเฟซบุ๊ก เขาก็ไปลบข้อมูลนั้นออก แต่เรามีหลักฐานว่า เขาโพสต์ในกลุ่มไลน์ และต่อมาเมื่อเรารู้ว่า เขาบอกให้ใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเมื่อเขารู้ว่า เราทราบเรื่องนี้ เขาก็ลบออก ” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ แถลงต่อว่า เวลาที่เขาจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ก็จะมีสมุดคุมบัญชี ยกตัวอย่างว่า คนนี้ถ่ายบัตรประชาชนมาได้ 27 คน เขาก็จะมีบัญชีของเขา อย่างเช่น ครอบครัวหนึ่งถูกเก็บบัตรมาได้ 5 คน ก็จะมีการจ่ายแบบเหมาครอบครัว จำนวน 2,500 บาท ซึ่งจะมีการจดบันทึกไว้ข้างหน้ารายชื่อ และมีการแยกประเภทกันระหว่างคนที่ไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้ามาแล้ว กับคนที่จะไปใช้สิทธิ์ในวันเลือกตั้งจริง โดยตนมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายและคลิปวิดีโอ ในระหว่างการซื้อเสียงว่า ‘เอ้า 9 นะ 500 นะ 9 นะ รับอีกก็ได้นะถ้าเขาแจก แต่ต้องเลือกเบอร์ 9 นะ’ ดังนั้น กระบวนการทุจริตที่เกิดขึ้น ประชาชนก็ได้รับทราบแล้ว
“ผมก็เตือนมาแต่แรกแล้วว่า มีการถ่ายบัตรประชาชน 40,000 – 50,000 ใบ เพื่อไปสู่กระบวนการทุจริต และมีกระบวนการต่างๆ ปรากฏขึ้นจริง ซึ่งจำนวนเงินที่เขาซื้อเสียง ผมคาดว่า ประมาณ 30 – 40 ล้านบาท โดยประการสำคัญที่ตนอยากจะเน้นก็คือ ทาง กกต. จะกล้าดำเนินการในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เมื่อกรรมการบริหารพรรคการเมืองหนึ่ง รับรู้ถึงการกระทำผิด และถึงขั้นบอกกล่าวในไลน์ว่า ผมเองกำลังตามเรื่องนี้อยู่ และปรากฏว่า มีการซื้อเสียงจริงๆ โดยไม่มีการยับยั้งแก้ไขแต่อย่างใด เท่ากับกรรมการบริหารพรรคคนดังกล่าวรับรู้ เท่ากับมีเหตุผลหนักแน่นเพียงพอที่จะยุบพรรค จึงอยากให้ กกต.ตั้งชุดเฉพาะกิจไปสอบเรื่องนี้ในพื้นที่ เพราะผมรู้ว่า กกต. ในพื้นที่และพนักงานสอบสวนที่ได้นัดหมายผม ให้ไปในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม ที่พัทลุงนั้นจะมีการตรวจสอบไปถึงจุดนั้นหรือไม่” รษก.หน.ปชป. กล่าว
เมื่อถามว่า นอกจากพื้นที่ที่ปรากฏหลักฐานในวันนี้ ยังมีเขตเลือกตั้งอื่นที่มีการกระทำดังกล่าวเช่นเดียวกันอีกหรือไม่ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ทราบว่า มีในพื้นที่จ.สตูล เขต 2 และจ.สงขลา เขต 7 ซึ่งเป็นการกระทำทุจริตจากพรรคเดียวกันกับกรณีที่ตนนำมาเปิดเผย โดยทำเป็นขบวนการเพื่อให้ชนะการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ และพรรคดังกล่าวก็รู้ว่า กก.บห.ของเขารับทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคในพื้นที่จะเป็นผู้นำหลักฐานยื่น กกต.ต่อไป และหากสิ่งที่ตนนำมาร้องเรียนสุดท้ายแล้ว พบว่ามีความผิดจริงก็ต้องมีจัดการจัดเลือกตั้งใหม่ในเขตนั้น แต่กรณีนี้เกี่ยวข้องกับกก.บห.ดังกล่าวก็ต้องมีการยุบพรรคนั้นด้วย
เมื่อถามต่อว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดข้อผิดพลาด และปัญหาในการทุจริตในหลายพื้นที่ คิดว่า พอจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้กลายเป็นโมฆะได้หรือไม่ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า การทุจริตซื้อเสียงในการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงบางเขตเลือกตั้ง จึงไม่มีผลที่จะทำให้การเลือกตั้งทั้งหมดกลายเป็นโมฆะ แต่ตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลภาคใต้ ได้เคยกำชับสมาชิกพรรคในแต่ละเขตว่า ให้สังเกต และหาพยานหลักฐานในเรื่องการซื้อเสียงเลือกตั้งเอาไว้ แต่การหาพยานหลักฐาน และเอกสารที่จะมายืนยันเรื่องการซื้อเสียงนั้นเป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องใช้คนที่กล้าทำ และรู้จริงๆเท่านั้น โดยเราใช้ทั้งประชาชนธรรมดา และบุคคลในเครื่องแบบที่มาช่วยดำเนินการเก็บพยานหลักฐานดังกล่าว อย่างไรก็ตามตนยังมีหลักฐานที่เป็นคลิปวีดีโอบันทึกภาพการกระทำการทุจริตอีกหลายชิ้น ซึ่งคลิปที่นำมาเปิดเผยในวันนี้ (29 มี.ค.) เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี