“บิ๊กแดง” ฮึ่ม! ในงานสถาปนา 112 กองพลที่ 1 รอ. ซัดพวกเผ่นนอกหนีคดีไม่ยอมรับกติกา แพ้แล้วไม่มีน้ำใจนักกีฬา จวก“ซ้ายตกขอบ”ยกทฤษฎีต่างชาติ ดัดจริตคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง หยุดวาทกรรมแบ่งแยกประชาธิปไตย-เผด็จการ สุมไฟสงครามกลางเมือง ยอมรับ“โซเชียล”ทรงอานุภาพกว่าอาวุธ ยันยุคนี้ทหารเปลี่ยนแปลงเป็นทหารอาชีพ กลับสู่กรมกอง ไม่เกี่ยวการเมือง ต่างชาติชื่นชม ขึ้น“แม่ง”คนไทยตีกันเอง
2 เม.ย.62 ที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. หลังใกล้เสร็จสิ้นงานพิธีวันสถาปนา พล.ร.1 รอ. ครบรอบ 112 ปี เจ้าหน้าที่ได้นำโพเดี้ยมมาตั้งไว้ที่ด้านหน้าใต้อาคารกองบัญชาการกองพลฯ เนื่องจากได้รับแจ้งว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะแถลงข่าว ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นพิธี พล.อ.อภิรัชต์ ได้ลงมาพร้อมกับควักกระดาษบันทึกข้อความสั้นๆเดินตรงไปแถลงที่โพเดี้ยม โดยเริ่มเกริ่นด้วย ภารกิจของกองทัพบกและความห่วงใยของสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ฯ ต่อสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ จึงได้เข้าสู่เรื่องสถานการณ์การเมือง
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านมีความเข้าใจสถานการณ์ในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเมือง และให้ความร่วมมือในทุกด้านมาอย่างดีโดยตลอด ซึ่งเดิมตั้งใจเขียนเป็นข้อความ แต่ได้นั่งคิดมา 2 คืนแล้ว แต่เมื่อคืนวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ออกเป็นสารถึงประชาชน เพราะฉะนั้นตนจึงตัดสินใจไม่ทำเป็นสาร และจะสรุปเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นให้ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าใจ
ทั้งนี้ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างชาติว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องเดินไปตามวิถีทางของท่านทางการเมือง และกองทัพบกจะต้องกลับไปอยู่ในส่วนของกองทัพบก หรือมาเป็นทหารอาชีพ จึงอยากให้ประชาชน และนิสิต นักศึกษา เข้าใจว่าปัจจุบันกองทัพบกเปลี่ยนแปลงไปมากจะเห็นได้ว่ามีความสง่างามในทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกำลังพล เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาค และ ผบ.หน่วยทั้งหลายเป็นต้นแบบให้ทหารในกองทัพบก ในนามของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ทั้งเรื่องระเบียบวินัย ลักษณะทหารที่ดี การสร้างระเบียบวินัย และการนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าไปขยายในครอบครัวทหาร
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า ตนจึงอยากบอกถึงประชาชน นิสิต นักศึกษาว่าเราอาจจะมีช่องว่างในการสื่อสารซึ่งกันและกัน รัฐบาลและกองทัพอาจจะทำงานและสื่อสารคนละภาษากับที่ท่านอยากจะฟัง แต่กองทัพบกจะพยายามสื่อสารมากขึ้น ทั้งนี้กองทัพเป็นหน่วยงานของรัฐบาล แต่ตนไม่ได้ทำงานการเมือง แต่ทำงานในการพิทักษ์รักษา ปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ พระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงเน้นย้ำอยู่เสมอว่า ทหารจะต้องอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างแท้จริง และตนก็ให้คำมั่นกับประชาชนว่าทหารยุคนี้จะอยู่เคียงกับประชาชนอย่างแท้จริง และ วางตัวอยู่ในบทบาทของทหารด้วยการปกป้องประเทศ และอธิปไตย รวมถึงช่วยเหลือปกป้องประชาชนทุกโอกาส ทุกเมื่อ และต้องทำอย่างจริงจัง ใครเป็นผู้บังคับหน่วยแต่ไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ในระหว่างที่ตนอยู่ ขอบอกได้เลยว่าไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งนั้นได้
ที่สำคัญที่สุด ตนได้พูดเสมอระหว่างให้โอวาทกับผู้บังคับหน่วย ว่า ตำแหน่งหรือผู้นำของหน่วยทหาร ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ร้อย ผบ.พล ผบ.พล หรือ แม้กระทั่งตัวผู้บัญชาการทหารบกเองไม่ได้เป็นข้อยกเว้น หรือข้ออ้างว่าจะทำงานน้อยกว่าคนอื่น แต่ต้องทำงานมากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่าทหารยุคนี้จะดูแลปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี เรื่องต่างๆของการเมืองที่เกิดขึ้นมีการบิดเบือนหลายประการ นานๆทีตนจะพูดที วันนี้ขอพูดแล้วจะไม่พูดอีกจนกว่าจะหลังพระราชพิธี ห้วงนี้ยังเป็นห้วงของการซักซ้อมพระราชพิธีอันสำคัญ อยากขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าว รวมถึงประชาชน นิสิต นักศึกษา ให้ความร่วมมือประกอบงานพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ ในชีวิตของเรามีบุญที่เราได้มีโอกาสเข้ามาได้เห็น ได้อยู่ร่วมในพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งต่างประเทศติดต่ออยากจะเข้ามาชม
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า เรื่องการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกองทัพยอมรับว่ากองทัพมีจุดอ่อนในเรื่องของการใช้โซเชียล ในขณะที่สื่อบางชนิดหรือบางแบบสามารถที่จะเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของgeneration อีก Generation หนึ่ง หรือคนยุคใหม่ซึ่งในการรับรู้ก็เพียงแต่จะให้คนรับรู้ในส่วนเช่นเดียวกับข่าวที่ตนพูดออกไปยาวๆ แต่ไปตัดให้คนรู้เพียงสั้นๆและปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อโซเชียลนั้นเป็นทรงอานุภาพยิ่งกว่าอาวุธที่กองทัพมีอยู่การไม่ยอมรับกติกาในปัจจุบันนั้นเรามีกติกากันอยู่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจก็เหมือนการแข่งขันฟุตบอลประเทศแบบฟุตบอลแพ้แต่คนเชียร์ไม่แพ้ มันไม่ใช่
“ถ้าประเทศไทยไม่ยอมรับกติกาที่มีอยู่ แบ่งแยกระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมา ผมถามว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือเป็นเผด็จการ ผมถามว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่ วาทกรรมนี้ถูกแบ่งมาเพื่ออะไรเพื่อแบ่งแยกประชาชนที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตามที่ได้คะแนนเสียง 8 ล้าน 7 ล้าน 4 ล้าน 5 ล้านมารวมกัน เป็น20 หรือ 30 ล้านเสียง นั่นหมายความว่า ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหรืออย่างไร ในวันนี้ยังคิดถึงกันแบ่งฝ่ายแบ่งแยกกันอยู่ ทำไมไม่เคารพกติกาแล้วก็ไปสู้กันในรัฐสภา” ผบ.ทบ.กล่าว
ผบ.ทบ. กล่าวด้วยว่า ชีวิตตนผ่านเห็นทั้งการปฏิวัติ รัฐประหาร การเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้กระทั่งสัตยาบันที่ทำกันตั้งแต่สมัย 2534 มีนักการเมืองหลายท่านลงสัตยาบันกัน ทั้งท่านมนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ลงสัตยาบันจะตั้งพรรคการเมืองกัน และจะตั้งรัฐมนตรีกัน ท้ายที่สุดแล้วก็ฉีกสัตยาบันทิ้ง นี่คือวาทการเมือง เกมของการเมือง เป็นกิจกรรมเป็นของทางการเมือง ซึ่งถูกชี้นำแนะนำโดยนักการเมืองแบบเดิมๆหรือพวกซ้ายตกขอบ
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า ตนถามว่านักเรียน นิสิต นักศึกษา ท่านออกมาใช้เสียงครั้งแรก ตนและทหารชื่นชมที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงกัน แต่เมื่อใช้สิทธิ์แล้วท่านจะเลือกใครเลือกไปแล้วทำไมนักการเมืองไม่มาจับมือกัน แล้วไปต่อสู้กันในรัฐสภา ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อให้ประเทศชาติเดินก้าวหน้าต่อไปข้างหน้าหากใครก็ตามที่เป็นรัฐบาล ทำไม่ดี ฝ่ายค้านทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ทำไมจะต้องมานั่งเถียงกัน แบ่งแยกกันแบ่งข้างกัน ทำให้ชาวโลกหรือประเทศต่างๆนั่งขำประเทศไทย สื่อมวลชนเองมาจากหลายสำนัก หลายสาย มาจากหลายแนวความคิด
ตนอยากถามว่าเราอยู่ในแผ่นดินไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าอยู่หัวด้วยกันทั้งสิ้น กองทัพบกเป็นเพียงแต่องค์กรหนึ่งไม่สามารถที่จะไปขับเคลื่อนประเทศทั้งประเทศได้ หรือไปทำอะไรให้พวกท่านรักประเทศได้ แต่อยากถามว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่ตนยืนยันว่าการเราเป็นคนไทยประชาชนคนไทยด้วยกัน กองทัพบกยืนเคียงข้างอยู่กับพวกท่าน กองทัพบกคือประชาชนคนหนึ่ง คือลูกหลานของพ่อแม่คนหนึ่ง ขอให้รักสามัคคีกัน ตนเห็นหลายต่อหลายท่านออกมาแสดงความคิดเห็น ในเฟซบุ๊กและไอจี ซึ่งตนดูของคนอื่น เพราะส่วนตัวไม่มี ต้องบอกว่าแม้แต่ตัวผู้นำของกองทัพเองยังรับว่าโซเชียล คือ อาวุธที่ทรงประสิทธิภาพมากกว่าอาวุธใดๆทั้งสิ้นที่กองทัพมีอยู่
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า ขอร้องให้สื่อมวลชนได้สื่อสิ่งต่างๆเหล่านี้ นำสู่ประชาชน นิสิต นักศึกษา ส่วนใหญ่เรียนประเทศไทย จบที่ประเทศไทย รับพระราชทานปริญญาบัตรกับพระเจ้าอยู่หัว หรือพระบรมวงศานุวงศ์ เราเติบโตกันที่นี่ หลายคนเป็นนักธุรกิจ พอเติบโตกันขึ้นมา มีเงินมีทองขึ้นมาก็เพราะแผ่นดินไทยหรือไม่ ตนชื่นชมเศรษฐีมีเงิน มีอำนาจ มีบารมี หลายคนที่ได้ทำผิดพลาด กระทำความผิด ทุจริตคอรัปชั่น หรือโกงอะไรก็แล้วแต่ แต่เขาเหล่านั้นยอมรับกติกาของประเทศ ยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่มันเกิดขึ้น ยอมรับว่าศาลของประเทศไทยได้ถูกตัดสินแล้วว่าเขาจะต้องถูกจำคุก หลายท่านต้องถูกเข้าจำคุกทั้งๆที่มีเงิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่ท่านยอมรับกระบวนการยุติธรรม ตนต้องขอยกย่อง และหลายท่านก็ออกมาแล้ว มาใช้อย่างเสรีภาพ กลับมาอยู่กับครอบครัว
“นี่คือคนมีน้ำใจนักกีฬา คนที่ยอมรับกระบวนการตัดสิน หลายท่านมีเงินพร้อมที่จะหนีออกนอกประเทศ แต่ท่านยอมรับกระบวนการในการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมไทย มิใช่ทำอะไรผิดแล้วก็บอกว่าตัดสินแบบนี้ยอมรับไม่ได้ ไม่เคยยอมรับกระบวนการ แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อศาลสูง ศาลฎีกาเป็นผู้ทรงอำนาจด้านการยุติธรรมสูงสุดของประเทศ” ผบ.ทบ.กล่าว
ผบ.ทบ. กล่าวอีกว่า ขอร้อง นิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ ข้าราชการหลายท่านไปร่ำไปเรียนศึกษาต่างประเทศกันมา ไม่ว่าจะประเทศใดก็ตาม ท่านไปเรียน บางท่านได้ทุนของราชการไป หรือได้ทุนของในวังไปไปร่ำไปเรียนมา แต่สิ่งที่ท่านไปร่ำไปเรียนมา ผมขอเน้นอย่างว่าท่านไปเรียนระบอบประชาธิปไตยของประเทศอะไรมา ผมไม่ได้ว่า แต่ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยของตัวเอง ท่านลองถามตัวเองว่าเมื่อท่านไปอยู่ประเทศอื่น ไปศึกษาไปเรียนหรือไปเที่ยวประเทศอื่น ทำไมท่านจะต้องปรับตัวให้เข้ากับประเทศอื่นตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศนั้น
ในโลกแห่งประชาธิปไตยที่คำว่า democracy ทุกประเทศส่วนใหญ่ คำว่า dictatorship หรือเผด็จการ ตนถามมาทุกวันตั้งแต่ คสช.เข้ามาดำเนินการ สิ่งนี้ที่หรือที่เรียกว่า dictatorship ถ้าเผด็จการจริง ตนไม่อยากจะเอ่ยชื่อกับประเทศที่เผด็จการจริง และเผด็จการจริงในรูปแบบของประชาธิปไตย เราอยู่กันแบบไทยๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ
“ขอให้รักกัน จะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศไหน ไม่อยากจะเอ่ยชื่อเอาของเขามาแล้วมาดูด้วย ว่าควรจะมาดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข อย่าไปเอาความซ้ายจัดที่ไปเรียนมา แล้วมาดัดจริต ประเทศอื่นเขาไม่มีที่จะมีแบบนี้ นี่คือเมืองสยาม เมืองแห่งรอยยิ้ม เมืองที่เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบนี้” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่ประชาธิปไตยแบบไทยๆต้องการ คือ มีคนไทยรักกัน หันหน้าเข้าหากัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ท่านคือคนไทย กรีดเลือดมาก็เป็นคนไทย เลือดบรรพบุรุษของท่านที่ได้กรีดมาก็เป็นเลือดบรรพบุรุษที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย วันนี้ตนพูดเยอะพูดแรงก็ขอให้ฝากไปด้วยให้หยุดวาทกรรมที่มันเกิดขึ้นในปัจจุบันเสียที ปล่อยให้ไปตามครรลอง ใครไม่ดีต้องพิสูจน์กันด้วยงาน ด้วยฝีมือ ถ้าตนทำไม่ดี ก็ต้องถูกย้าย ฉะนั้นทุกคนขอให้โอกาสกัน เกมใครเกมมัน ในเมื่อกรรมการตัดสินแล้วก็มาโทษกรรมการมวยชกกันไอ้นี่แพ้ก็มาโทษกรรมการถ้าเป็นแบบนี้ไม่มีวันจบวัฏจักรแห่งการล้างแค้น แห่งการไม่พึงพอใจกัน ไม่มีวันจบทำอย่างไรถึงจะให้จบ ตนบอกไปแล้ว
พล.อ.อภิรัชต์ ยังตอบคำถามกรณีหากพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น ว่า ยืนยันไปแล้วเรายอมรับกติกาทุกอย่าง กองทัพไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ กองทัพเป็นกองทัพของประชาชน ตนอยากจะให้ลงมาดูว่าวันนี้กองทัพมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน อยากให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และไม่ต้องถามแล้วว่ากองทัพจะไปยังไง จะมีปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ มันเป็นเพียงวาทกรรมเดิมๆที่เอามาถามแล้วถามอีก แล้วก็เอาคำนี้ไปทำให้เด็กที่ยังไม่รับรู้อะไรมากมายรู้สึกไม่ดีต่อกองทัพไม่ดี ถามว่าทุกวันนี้ใครไปช่วยเหลือประชาชนชาชนที่เดือดร้อน ใครนำกำลังยุทโธปกรณ์ทั้งหมดช่วยเหลือ
“ต่างชาติมีแต่ชื่นชม แต่ที่เขาขำก็ขำ แม่งตีกันเอง ทะเลาะกันเองเออดีเว้ย เศรษฐกิจจะได้พังไง แล้วใครได้ดี คนอยู่ต่างประเทศมีความสุขสบาย อยากจะไปไหนก็ไป อยากจะทำอะไรก็ทำ วันนี้ผมจะพูดกับสื่อต่างชาติเชิญสื่อต่างชาติมา ทุกวันนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นในประเทศไทยมีคนประเภทแบบนี้อยู่ในประเทศคุณบ้างแล้วทำแบบนี้ต่างชาติจะรู้สึกอย่างไร อยากฟังคำตอบไม่ว่าจะเป็นคำตอบ แต่สื่อที่ยืนอยู่ตรงนี้คนไทยด้วยกัน ผมถามว่าคนรวยมีอำนาจไม่ต้องติดคุกหรืออย่างไรไม่ยอมรับกติกาหรือยอย่างอะไร แล้วคนที่เขามีเงิน มีอำนาจแล้วที่ติดคุกทำไมไม่ดูตัวอย่างไม่สงสารเขาบ้าง ทำไมเขายอมรับ” ผบ.ทบ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสถาปนาวันนี้ มีอดีต ผบ.พล.1 รอ.มาร่วมงานด้วย รวมถึง 3 องคมนตรี ที่เป็นอดีต ผบ.พล.1 รอ. ได้แก่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา , พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ , พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ นอกจากนั้นยัง มี พล.อ.สมทัต อัตตะนันท์ , พล.อ.ไพศาล กตัญญู รวมถึง พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งดำรง ผบ.พล.1 รอ. ช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี