‘อดีตผู้พิพากษาฯ’กาง‘รธน.60’เคลียร์ชัดๆได้-ไม่ได้ ล่าชื่อถอดถอน‘กกต.-ผบ.ทบ.’
6 เม.ย.62 นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊ก “Chuchart Srisaeng” แสดงความคิดเห็นกรณีมีการผู้ล่ารายชื่อประชาชนเพื่อดำเนินการถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง และผู้บัญชาการทหารบก ดังนี้
รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๓๔ บัญญัติว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑) ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อดําเนินการต่อไปตามรัฐธรรมนูญ หรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(๒) ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เพื่อดําเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในมาตรา ๒๓๔ เป็นการกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า มีอำนาจทำการไต่สวนและมีความเห็นกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ซึ่งเป็นผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ และผู้บัญชาการทหารบกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้ามีพฤติการณ์ดังกล่าวใน(๑) และ (๒) ตามลำดับ เพื่อดําเนินการต่อไปตามรัฐธรรมนูญหรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ดังนั้นประชาชนทั่วไปมีสิทธิยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหาว่ากกต. มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้ หรือกล่าวหาว่าผบ.ทบ. มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ได้
แต่การยื่นคำร้องต้องมีพยานหลักฐานที่แสดงว่ามีพฤติการณ์ดังกล่าวยื่นพร้อมกับคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ใช่เป็นการกล่าวหาลอยๆ และถ้าเป็นกล่าวหรืออ้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จก็จะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ขอให้ประชาชนที่จะร่วมลงชื่อพิจารณาข้อกล่าวหาตามคำร้องให้ละเอียดว่ามีพยานหลักฐานที่อ้างตามคำร้องหรือไม่ และเป็นพยานหลักฐานที่เป็นความจริงหรือไม่ ก่อนลงลายมือชื่อด้วย มิฉะนั้นอาจจะถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานได้ ถ้าถูกดำเนินคดีจะได้ไม่ต้องขอความเห็นใจอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์อีก
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่มีบทบัญญัติให้ประชาชนมีสิทธิเข้าชื่อกันขอให้ถอดถอนบุคคลหนึ่งบุคคลได้ และไม่มีกฎหมายฉบับใดบัญญัติให้กระทำได้ การล่ารายชื่อที่อ้างว่าเพื่อถอดถอน กกต. หรือถอดถอน ผบ.ทบ. ออกจากตำแหน่ง จึงเป็นการกล่าวเท็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี