16 เม.ย.62 นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ชี้แจงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ หลากหลายประเด็น ว่า ผมได้อ่านความเห็นของคุณชูวิทย์ ที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย จึงขอชี้แจงในหลายประเด็นเพื่อความเข้าใจอันดีต่อกันดังนี้
1.ปชป.เป็นพรรคที่เคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกพรรคในการเสนอความเห็นในนามส่วนตัว การเสนอความเห็นที่แตกต่างไม่ใช่ความแตกแยกและพรรคประชาธิปัตย์มีหลักการว่าเมื่อมีมติพรรคทุกคนต้องปฏิบัติตาม นี่คือความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค การที่คุณชูวิทย์บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เละเป็นโจ็ก โดยยกประเด็นความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน หรือเป็นรัฐบาลแห่งชาติ จึงเป็นข้อสรุปที่ไม่เข้าใจความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคประชาธิปัตย์และไม่เข้าใจหลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
2.พรรคไม่มีใครเป็นเจ้าของถูกต้องแล้ว และทุกคนต้องฟังคำสั่งจากหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค การบริหารพรรคมีระบบบริหารจัดการและโครงสร้างการทำงานรวมทั้งสายการบังคับบัญชามีธรรมนูญพรรคเป็นลายลักษณ์อักษรจึงไม่มีภาวะแบบที่คุณชูวิทย์วิจารณ์ว่า "ไม่มีใครสั่งหรือต่างคนต่างสั่งก็คงยุ่งเละเทะแบบนี้นี่เอง"
คุณชูวิทย์ต้องแยกให้ออกระหว่างความแตกต่างเรื่องความคิดเห็นกับการออกคำสั่ง มิฉะนั้นข้อวิจารณ์ของคุณชูวิทย์ก็จะสร้างความสับสนให้กับผู้อ่าน ผมเป็นรองหัวหน้าพรรคมาแล้ว 3 ครั้ง ผมรับคำสั่งจากหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค ส่วนเรื่องความคิดความอ่านผมก็มีความเห็นต่างได้แต่เมื่อมีมติก็ปฏิบัติตาม ไม่ใช่ทุกคนสั่งได้ เราอยู่มา 73 ปี มีแนวปฏิบัติชัดเจนในเรื่องนี้
3.ที่คุณชูวิทย์บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง จัดตั้งมานานกว่าทุกพรรค ยืนหยัดมาทุกสมัย (แต่หากเป็นสถาบัน แล้วเหตุใดถึงยึดติดตัวบุคคล ไม่มีนายชวนพรรคจะไปอย่างไร? กล้าให้คนรุ่นใหม่มาเป็นคนบริหารจริงๆ ไหม? ไม่ใช่ เป็นแค่หุ่นกระบอก)
ผมมีคำตอบให้คุณชูวิทย์สำหรับประเด็นนี้ครับ ก่อนอื่นต้องเรียนว่าทุกองค์กรจะมีเรื่องการบริหารคนและระบบควบคู่กันไป ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็เหมือนองค์กรอื่นๆคือไม่ได้ยึดติดตัวบุคคลมากกว่าระบบ เราจึงมีระบบการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารโดยที่ประชุมใหญ่ซึ่งมีองค์ประกอบจาก 19 กลุ่มสมาชิก สำหรับท่านชวนได้รับความเคารพนับถือไม่ใช่เพราะเป็นเพียงอดีตหัวหน้าหรือเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหรือเป็น ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งมากที่สุดแต่เพราะท่านเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะในหมู่สมาชิกพรรค ท่านพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคตั้งแต่ปี 2554 ก็มีท่านอื่น เช่น ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน และท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคต่อมา และเร็วๆ นี้ ก็จะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ในเดือนหน้าส่วนท่านชวนปฏิเสธที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคและยืนยันว่าพร้อมจะชทวยทำงานให้พรรคตลอดไป
สำหรับประเด็นคนรุ่นใหม่นั้นพรรคให้ความสำคัญและส่งเสริมมานานแล้วเรียกว่ายุวประชาธิปัตย์ ปัจจุบันรีแบรนด์เป็น "นิวเดม" (New Dem) มีคนรุ่นใหม่ได้รับคัดเลือกให้ลงสมัคร ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อจำนวนไม่น้อย ส่วนที่คุณชูวิทย์ถามว่ากล้าให้คนรุ่นใหม่บริหารจริงๆ ไหม? ไม่ใช่เป็นแค่หุ่นกระบอกนั้นขอเรียนว่า เราได้ทำแล้วยกตัวอย่างเช่นในการประชุมใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ก็เลือกคนรุ่นใหม่หลายคนเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และเชื่อว่าในการประชุมใหญ่พรรคเดือนหน้าเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่คงมีคนรุ่นใหม่สมัครและได้รับเลือกเพื่อช่วยบริหารพรรคหลายคนรวมทั้งสุภาพสตรีด้วย
4.อีกประเด็นที่คุณชูวิทย์บอกว่า... "มักอ้างมติพรรค (แต่เที่ยวนี้ พนัน 100 บาท เอาขี้หมากองเดียว หากมติพรรคไม่ถูกใจ ไม่ร่วมรัฐบาล สมาชิก ส.ส.พรรค ได้รังแตกแน่นอน)"
ผมยอมรับว่า ตลอดอายุ 73 ปีของพรรคเคยมีปัญหาจริง กรณีสมาชิกพรรคบางส่วนไม่ยอมรับมติพรรค 2 - 3 ครั้ง แต่ก็นับว่าน้อยครั้งมาก ส่วนการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ในครั้งนี้ขึ้นกับการตัดสินใจของที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคกับ ส.ส.ตามข้อบังคับข้อที่96ในเดือนหน้าซึ่งสมาชิกต้องเคารพมติพรรคและเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเพราะแต่ละท่านที่เป็นแกนนำต่างยืนยันที่จะยอมรับมติพรรคไม่ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร
5.อีกประเด็นที่คุณชูวิทย์บอกว่า.. "ทะเลาะกันในพรรค มักบอกแค่ความคิดเห็นที่แตกต่าง (แต่เล่นกันถึงตาย เที่ยวก่อน พวกไม่เอาอภิสิทธิ์ ไม่ได้ลง ส.ส. บ้าง หรือลำดับปาร์ตี้ลิสต์ อยู่แถวบ๊วยตอนท้ายบ้าง พรรคอื่นแม้ไม่ได้อ้างเป็นสถาบันอย่างประชาธิปัตย์ ก็ไม่เล่นกันน่าเกลียด หน้าเนื้อ ใจเสือ แบบนี้เสียด้วยซ้ำ).."
ผมยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่ว่าปัญหาการแข่งขันภายในพรรคทำให้อดีต ส.ส.2 - 3 ท่าน ในทีมที่แข่งขันกับคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้ลงเขตโดยย้ายไปลงบัญชีรายชื่อแทนแต่เมื่อเทียบกับจำนวนผู้สมัคร ส.ส.เขต 350 คน ก็ถือว่ามีปัญหาน้อยมาก ดังนั้น คำว่า "เล่นกันถึงตายหรือหน้าเนื้อใจเสือ" ดูรุนแรงเกินไปครับสำหรับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในการแข่งขันเลือกหัวหน้าพรรคและการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 2 แบบ อย่างตัวผม
ขณะเดียวกันถ้าคุณชูวิทย์จะลองมองอีกด้านของเหรียญก็จะพบข้อเท็จจริงว่าผู้สนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ระดับรองหัวหน้าพรรค อดีตรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.อาวุโสหลายสมัย ก็ไม่ได้ลงเขตและถูกจัดไปอยู่บัญชีรายชื่อลำดับตั้งแต่ 25 เป็นต้นไป ซึ่งไม่ใช่เซฟโซนหลายคนเช่นกัน
6.ที่คุณชูวิทย์บอกว่า "..มี "อุดมการณ์ทางการเมืองมั่นคง" เคยขึ้น เคยลง และกลับมาทุกครั้ง (แต่กลับเป็นพรรคที่ทะเลาะกันเรื่องการจะไปร่วมรัฐบาลมากที่สุด เสียงแตกมากที่สุด ไม่รู้จะเอาอย่างไรแน่? ตอนอดีตหัวหน้าพรรค อภิสิทธิ์ หาเสียง บอกไม่ร่วมบิ๊กตู่สืบทอดอำนาจ ก็ไม่มีใครในพรรคโต้แย้ง พอตอนแพ้หลังเลือกตั้ง กลับบอกว่า เป็นเพราะไปพูดแบบนั้นถึงแพ้ อุดมการณ์ไม่พูดถึง แต่ต้องเอาตัวรอดกันก่อน ผู้ใหญ่ในพรรคถูกมองข้ามหัว ไม่ฟังกันแล้ว)..."
ผมยังยืนยันว่า ความเห็นว่าจะร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านหรือเสนอเรื่องรัฐบาลแห่งชาติเป็นความเห็นส่วนตัวของสมาชิกพรรคและทุกท่านที่เสนอก็ยืนยันว่าเป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคโดยยินดีจะปฏิบัติตามมติพรรคไม่ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร
คุณชูวิทย์ควรแยกแยะให้ได้ระหว่างความเห็นของสมาชิกกับความเห็นของพรรค และขณะนี้พรรคยังไม่มีมติในเรื่องนี้จนกว่าจะมีการรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 9 พ.ค.การที่คุณชูวิทย์สรุปว่า ปชป.เป็นพรรคที่ทะเลาะกันเรื่องการจะไปร่วมรัฐบาลมากที่สุด เสียงแตกมากที่สุด จึงเป็นข้อสรุปที่ไม่เป็นธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างยิ่ง
ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารชุดใหม่กับ ส.ส.ของพรรค หลังวันที่ 9 พ.ค.จะคำนึงถึงสิ่งที่พรรคหาเสียงกับประชาชน และประเด็นจุดยืนที่หัวหน้าพรรคประกาศจุดยืนก่อนวันเลือกตั้งรวมทั้งประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ
และจากการประชุมภายในของพรรคหลายครั้งทำให้ผมให้ความมั่นใจได้ว่า การพ่ายแพ้ของพรรคเป็นบทเรียนที่ทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์เห็นตรงกันว่าจะต้องปฏิรูปพรรคอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณคุณชูวิทย์ที่ให้ความสนใจและความสำคัญกับพรรคประชาธิปัตย์ ในการเสนอข้อวิจารณ์ความเห็นในหลายแง่หลายมุม เสมือนกระจกสะท้อนภาพปัญหาและความไม่เข้าใจในหลานเรื่องหลายประเด็น และหวังว่าคำชี้แจงของผมพอจะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องได้บ้างไม่มากก็น้อย โดยหวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าคุณชูวิทย์จะกลับมาสนับสนุนและเลือกพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เละเป็นโจ๊ก! 'ชูวิทย์'ชำแหละปชป.รับชะตาก้มหน้าเปลี่ยนแปลง ผิดที่ผิดเวลาคนพาสมเพช
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี