สยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ เผย 65.59% กังวล “รัฐบาล”จะนำเอาพรบ.ไซเบอร์มาปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง
20 เม.ย. 62 ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) เปิดเผยผลการสำรวจ “ความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล”
สำรวจระหว่างวันที่ 15 ถึง 19 เมษายน พ.ศ. 2562 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,174 คน ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อใช้ควบคุมและป้องกันภัยคุกคามทางระบบข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งส่งผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศ โดยสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้คือ การกำหนดให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.)
สำหรับกำหนดนโยบายให้หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ รวมถึงกำหนดนโยบายการบริหารจัดการที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และกำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) ซึ่งมีอำนาจออกคำสั่งเพื่อตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายส่งผลกระทบกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ อย่างไรก็ตามมีผู้คนในสังคมส่วนหนึ่งได้แสดงความห่วงใยต่อการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ส่วนบุคคลในการใช้งานคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต รวมถึงการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้คนในปัจจุบันนิยมใช้ติดต่อสื่อสารและแสดงความคิดเห็นต่างๆ
ขณะเดียวกันมีผู้กังวลว่า ในอนาคตรัฐบาลอาจใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเครื่องมือควบคุมและปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง รวมถึงผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลการทุจริตคอรัปชั่นต่างๆของรัฐบาล จากประเด็นดังกล่าว
สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป แบ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.34 และเพศชายร้อยละ 49.66 สามารถสรุปผลได้ ดังนี้
ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับการผ่านกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.33 ทราบว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางระบบสารสนเทศ/คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ตที่ส่งผลกระทบกับประเทศ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.67 ไม่ทราบ
ในด้านความคิดเห็นต่อกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 60.31 มีความคิดเห็นว่า กฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จะช่วยป้องกันภัยคุกคามที่มีต่อระบบสารสนเทศ/คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ตของประเทศ เช่น การโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว การแพร่ไวรัสทำลายระบบคอมพิวเตอร์ การทำลายระบบบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ การเข้าถึงข้อมูลความมั่นคงต่างๆ เป็นต้น ได้จริง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.75 ระบุว่า จะมีส่วนช่วยลดปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเพื่อสร้างความวุ่นวาย/ตื่นตระหนกให้กับประชาชนได้ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 55.88 และร้อยละ 55.28 ระบุว่า จะมีส่วนช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานระบบข้อมูลสารสนเทศ/คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ตของประชาชน ในประเทศให้สูงขึ้นได้ และจะมีส่วนช่วยยกระดับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-service) ของหน่วยงานต่างๆให้มีความปลอดภัยมากขึ้นได้ ตามลำดับ
ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ56.81 มีความคิดเห็นว่า กฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จะไม่ส่งผลกระทบกับการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ในชีวิตประจำวันของประชาชน อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.84 เชื่อว่า มีผู้จงใจบิดเบือนเนื้อหาของกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 26.92 ไม่เชื่อ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.24 ไม่แน่ใจ สำหรับความกังวลต่อกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์นั้น กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.59 กังวลว่า รัฐบาลในอนาคตจะนำเอากฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มาเป็นเครื่องมือข่มขู่/จับกุม/ปราบปราม กลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.12 กังวลว่า รัฐบาลในอนาคตจะนำมาใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.39 กังวลว่า รัฐบาลในอนาคตจะนำมาเป็นเครื่องมือละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในการใช้งานคอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ต/ เครือข่ายสังคมออนไลน์ของประชาชน นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 68.91 กังวลว่า รัฐบาลในอนาคตจะนำเอากฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มาใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับรู้/ รับทราบ/เข้าถึงข้อมูลข่าวสารการคอรัปชั่น/ทุจริตประพฤติมิชอบในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 71.38 มีความคิดเห็นว่า ภาครัฐจำเป็นจะต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเนื้อหา ของกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 22.49 มีความคิดเห็นว่าไม่จำเป็น ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 6.13 ไม่แน่ใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี