'ทนายบุญถาวร' ลั่นปม 'ธนาธร' ถือหุ้นสื่อหากกกต.วินิจฉัยผิดจริง ต้องรับโทษจำคุก10 ปี ปรับ 2 แสนเพิกถอนสิทธิ 20 ปี ร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคอนาคตใหม่หากมีเหตุจงใจฝ่าฝืนกม.
24 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ ทนายความชื่อดัง ได้ไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ก "ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ" เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ถึงกรณีที่ กกต. มีมติแจ้งข้องกล่าวหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถือหุ้นสื่อ ซึ่งหลังจากนี้นายธนาธรจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยข้อความตอนหนึ่งระหว่างไลฟ์สดระบุว่า ภายหลังจากที่ นายธนาธร ถูกกกต.แจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากมีผู้ร้องว่านายธนาธร ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ลำดับที่ 1 เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98(3) และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 42(3) อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ ปรากฏว่าในการยื่นสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มีชื่อของนายธนาธรปรากฏอยู่ และผู้ถือหุ้นจำนวนมาก ทั้งนี้นายธนาธรมีการโต้แย้งว่ามีการขายหุ้นและเปลี่ยนแปลงหุ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.62 มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ว่าช่วงเช้ายังอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ อ.บึงสะตึก อยู่เลย และเดินทางมาถึงกทม.เมื่อไหร่อย่างไร ระยะทางตั้งหายกิโลเมตร ซึ่งเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ก็มีหลักฐานมากมายทำให้หลายคนสงสัยว่าถ้าเกิดเป็นกรณีที่มีการแจ้งความเท็จหรือไม่
ซึ่งแน่นอนมีความผิดชัดเจนเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วก่อนประกาศผลมีคนไปร้องเรียนหรือมีหลักฐานอันเชื่อว่าเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ตาม ม.132 ก็เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องทำการไต่สอนสืบสวนวินิจฉัย และวันนี้กกต.ก็ได้วินิจฉัยออกมาแล้ว ตนพูดมาตลอดว่ารัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายสูงสุด ตาม ม.5 เจตนารมณ์กฎหมายรัฐธรรมนูญและ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 42 (3) บอกชัดเจนว่า ห้ามบุคคลที่ลงสมัครเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เพราะจะทำให้ขัดต่อกฎหมายและเป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ลงสมัครส.ส. แน่นอนหากวินิจฉัยออกมาแล้วว่าการถือหุ้นของ และการโอนหุ้นของ นายธนาธร ที่ระบุว่า โอนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.62 แต่ไม่ได้ไปแจ้งต่อบริษัทให้เข้านำส่งไปยัง อบจ.5 (สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น)
ทั้งนี้ ถ้าหากเราจะลงสมัครรับเลือกตั้งก็จะต้องทำทุกอย่าง เพื่อแจ้งต่อหุ้นส่วนบริษัทว่าหุ้นดังกล่าวมีการแก้ไข หรือมีการไปยื่นต่อหน่วยงาาราชการ เพื่อเอามายืนยันความถูกต้องของตนเอง การซื้อขายสมบูรณ์หรือไม่นั้น ถือว่าสมบูรณ์แล้วแต่จะยืนยันกับบุคคลภายนอกหรือกกตได้หรือไม่ เมื่อเจตนารมณ์ของกฎหมายบอกไว้ชัดเจนว่าห้ามให้บุคคลต่อไปนี้งลงรับสมัคร ส.ส.ตาม ม.42(3)ซึ่งวันนี้ กกต.บอกชัดเจนว่านายธนาธรเป็นเจ้าของ ส่วนการโอนหุ้นจะสมบูรณ์หรือไม่ และเป็นการโอนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งหรือไม่นั้นต้องวินิจฉัยตามกฎหมาย
"ยังไม่ฟันธงว่า นายธนาธรมีความผิด แต่หากมีความผิดตามคำร้องเรียนต้องถูกดำเนินคดีตาม ม. 151 ผู้ใดเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแจ้งข้อความเป็นเท็จจริงในกรณีรับเลือกตั้ง แต่ไปบอกว่า ตัวเองมีสิทธิรับเลือกตั้ง และไปรับรองคนอื่นเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นหัวหน้าพรรค แน่นอนนายธนาธรรับรองตัวเองว่า เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และเป็นบุคคลที่ลงสมัครเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อได้อันดับที่ 1 และเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตาม ม. 89 ถ้าหากกรณีดังกล่าวกกต. เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเป็นกรณีจงใจฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย ม.43(3) ประกอบรัฐธรรมนูญ ม.98 (3) ถือว่ามีความผิดต้องถูกลงโทษตาม ม. 151 จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น ถึง 2 แสนบาท และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ถ้ากกต. วินิจฉัยได้ว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ให้กกต.เป็นผู้เสียหายตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ตาม ม.132 วรรคท้าย ก็ต้องดำเนินคดีอาญาส่งศาลต่อไป
ทั้งนี้ก็ต้องไปดูว่า กรณีดังกล่าวสามารถเป็นเหตุให้ถึงขั้นยุบพรรคได้หรือไม่ ก็ต้องกลับไปย้อนดูมาตรา 132 ถ้าหากกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม อันเป็นเหตุให้เกิดการเสียหายกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ยินยอมรู้เห็นเป็นใจกับกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ยุบพรรคได้ต้องไปไล่ดูเอา ผมยังไม่ฟันธงว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุให้ยุบพรรคได้หรือไม่ ต้องไปดูม.92 (1) (2) (3) เบื้องต้น กกต. ต้องวินิจฉัยก่อนว่าคุณสมบัติของนายธนาธรนั้นเป็นบุคคลต้องห้ามหรือไม่ ถ้าหากเป็นบุคคลต้องห้ามเนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ทำให้นายธนาธรเป็นโมฆะ คือไม่สามารถดำรงตำแหน่งส.ส.ก็จะถูกตัดสิทธิย้อนไปในวันที่สมัครเลย"
อย่างไรก็ตาม นายธนาธรจะแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่นั้นก็ได้ เรื่องที่เป็นข้อกฎหมาย ส่วนเรื่องข้อเท็จจริงยุติเมื่อปรากฏว่ามีการถือหุ้นจริงในขณะที่รับสมัครเลือกตั้ง เนื่องจาก อบจ 5 มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 แต่ประเด็นสำคัญที่ขณะถือหุ้นดังกล่าวนั้น ระหว่างที่มีการโอนไปผู้โอนและผู้รับโอนมันสมบูรณ์ในข้อกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ แต่มันขัดและแย้งต่อบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งบทบัญญัติใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญถือว่าใช้บังคับไม่ได้ กฎและระเบียบต่างๆถึงแม้จะออกก่อนรัฐธรรมนูญ และมีผลบังคับใช้อยู่ถ้าหากขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ ทนายความชื่อดังและในฐานะทีมงานประชาชนและปกป้องรัฐธรรมนูญ ได้เดินทางไปยื่นหลักฐานยุบพรรคอนาคตใหม่ต่อกกต.เพื่อดำเนินการพิจารณาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ ในกรณีจงใจกระทำการใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุทำให้ยุบพรรคการเมือง ตามมาตรา 92 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เนื่องจากมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยกล่าวหาว่าสุ่มเสี่ยงละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญหลังออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี