จี้รัฐบาลปลดล็อก"แรงงานข้ามชาติ"ตั้งสหภาพ บังคับภาคเอกชนรายใหญ่ทำรายงานประเมินสิทธิมนุษยชนป้องกันธุรกิจค้ามนุษย์
26 เม.ย.62 นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ เลขาธิการมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) เปิดเผยว่า คดีค้ามนุษย์แรงงานข้ามชาติ หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อแรงงานข้ามชาติ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปรากฎให้เห็นจากการฟ้องร้อง หรือคำพิพากษาของศาล เช่น ศาลแรงงานภาค 6 พิพากษาให้นายจ้างจ่ายเงินแก่ แรงงานข้ามชาติชาวเมียนมา 115 คน จำนวนกว่า 17 ล้านบาท ภายหลังคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานจังหวัดตากถึงที่สุด กรณีดังกล่าวเข้าเข้าสู่กลไกการคุ้มครองสิทธิแรงงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกต การจ้างแรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ภาครัฐสนับสนุนให้จ้างแรงงานข้ามชาติ ในลักษณะ ไป - กลับ หรือตามฤดูกาล มาตรา 64 พ.ร.ก.บริหารจัดการทำงานของต่างด้าว พ.ศ.2560 ทำให้แรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ถูกผลักจากแรงงานที่ได้ขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลไทยและต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติ เพื่อให้แรงงานมีสถานะที่ถูกกฎหมายและได้ประโยชน์จากสิทธิของกฎหมายคุ้มครองแรงงานและการคุ้มครองทางสังคม กลายเป็นแรงงานที่ต้องขึ้นทะเบียนใหม่ในลักษณะ ไป - กลับ หรือตามฤดูกาล ที่มีลักษณะการจ้างงานแบบชั่วคราว 3 เดือน ในกิจการที่พบ ว่าส่วนใหญ่การจ้างงานกลุ่มดังกล่าวนี้อยู่ในกิจการที่เป็นลักษณะงานประจำ และการคุ้มครองสิทธิแรงงานได้ถูกลดทอนลงไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ทางสังคม พ.ศ.2533 และเงินทดแทนภายใต้ พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ.2537 และปัญหาของแรงงานที่ยังไม่เข้าถึงอัตราค่าแรงขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งสิทธิในการรวมกลุ่มที่ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ แม้ว่าไทยจะได้เป็นสมาชิกและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์การด้านแรงงานระหว่างประเทศมาเกือบครบวาระ 100 ปี
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเร่งการให้สัตยาบันอนุสัญญาด้านแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และ 96 ทบทวนกระบวนการจ้างงานในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะที่มีการประกาศให้เป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐได้สนับสนุนการลงทุน เพื่อให้เกิดความสมดุลด้านความมั่นคง ทางเศรษฐกิจและการคุ้มครองแรงงาน ตามหลักการธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ที่ไทยได้ให้คำมั่นต่อสหประชาชาติ ในการออกแผนปฏิบัติการเพื่อให้เกิดการคุ้มครอง เคารพ และการเยียวยาได้อย่างแท้จริง
นายบุญแทน กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันแม้รัฐบาลไทยจะได้มีความพยายามจัดทำนโยบายการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ เพื่อให้แรงงานข้ามชาติได้รับการคุ้มครองตามนโยบายและกฎหมายภาครัฐ รวมทั้งค่าแรงที่เท่าเทียมกับแรงงานไทยตามมติของคณะกรรมการค่าแรงงานขั้นต่ำ แต่พบว่ายังมีนายจ้างอีกจำนวนมาก ที่ยังจงใจหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าแรงให้กับแรงงานข้ามชาติให้เป็นไปตามกฎหมาย และกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ของไทย ยังจำกัดสิทธิของแรงงานข้ามชาติในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน เป็นกรรมการ หรือนุกรรมการสหภาพแรงงาน จึงทำให้แรงงานมักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการได้รับการคุ้มครองและการเจรจาต่อรองกับนายจ้าง
"ดังนั้น รัฐบาลไทยควรกำหนดให้ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่ใช้แรงงานข้ามชาติเป็นหลักในการผลิต จัดทำรายงานการประเมินผลด้านสิทธิมนุษยชนของธุรกิจ (Human Rights Due Diligence) เพื่อเป็นมาตรการในการป้องปรามการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานโดยมิชอบ โดยรายงานดังกล่าวจำเป็นต้องเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อสร้างการรับรู้และง่ายต่อการสอบทาน โปร่งใส และตรวจสอบย้อนกลับตามหลักบรรษัทภิบาลได้" นายบุญแทน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี