“ธนาธร” ชิงประกาศตัวเป็น “นายกฯ” เชื่อ “อนาคตใหม่” รวมเสียงหลายพรรค-ลบภาพขัดแย้งได้ พร้อมเดินหน้าจีบทันที มั่นใจ ถ้ารวมเสียงได้มากพอ ส.ว.ไม่กล้าโหวตสวน เหตุ ต้นทุนต่ำเตี้ยติดดิน-ไร้ความน่าเชื่อถือ ลั่น ไม่ยอม “ประยุทธ์” รีเทิร์นนายกฯ-สืบทอดอำนาจ ปลุก ประชาชนอย่าสิ้นหวัง-เรียกร้องความถูกต้อง ไม่หวั่น กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อ
16 พ.ค. 62 เวลา 16.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) แถลงถึงจุดยืนทางการเมือง ว่า ก่อนการเลือกตั้ง เราได้เห็นว่าสังคมไทยมีความกระตือรือร้นที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง และให้ความหวังว่าการเลือกตั้งจะเป็นทางออกของสังคมได้ เพื่อให้สังคมกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย ทำให้เกิดความหวังสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวดับกระแสการตื่นตัวทางการเมือง สูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้น หลังการเลือกตั้งทำให้ประชาชนทั่วประเทศสงสัยถึงความชัดเจน ทำให้ความหวังลดน้อยถอยลง ประชาชนรู้สึกว่า มีเลือกตั้งหรือไม่มีก็เหมือนเดิม ประชาชนหลายฝ่ายในประเทศไทยตอนนี้หมดหวังไปแล้ว และปักใจเชื่อแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จะเป็นรัฐบาล และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่ไม่สามารถปล่อยให้สังคมสิ้นหวังแบบนี้ต่อไปได้ พวกเราขอยืนยันเจตนารมณ์ตั้งแต่การก่อตั้งพรรค ถึงภารกิจอันดับ 1 คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และจะแสดงให้เห็นว่า จะสู้ถึงที่สุด
“อีกไม่กี่วัน จะมีรัฐพิธีในวันที่ 24 พ.ค. และเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 25 พ.ค. แต่สังคมยังคลุมเครือ ด้วยการนี้ เพื่อจะหยุดยั้งความคลุมเครือ พรรคอนาคตใหม่ขอประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราเชื่อว่า มีแต่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่จะดึงความสามัคคีร่วมกันได้ และดึงพรรคการเมืองต่างๆที่มีความขัดแย้ง มาทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือส่งทหารกับกรมกอง แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น เพื่อขจัดความสิ้นหวัง เราจะจัดตั้งรัฐบาลเอง ถ้าหากพรรคอนาคตใหม่สามารถรวบรวมเสียงจนจัดตั้งรัฐบาลได้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ระบุ
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ เคยประกาศว่าถ้าไม่ใช่พรรคอันดับหนึ่ง จะไม่ขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายธนาธรกล่าวว่า พรรคอันดับหนึ่งประกาศชัดเจนว่าใครจะเป็นนายกฯก็ได้ ในเมื่อพรรคอันดับหนึ่งเปิดทาง ตนก็ขออาสา เมื่อถามว่า แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้บอกให้พรรคอนาคตใหม่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายธนาธรกล่าวว่า ใครเป็นนายกฯก็ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.ของนายธนาธรสิ้นสุดลง เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ทำให้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่ได้เข้าสภาหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่มีอะไรสุ่มเสี่ยง เพราะกกต.ยังไม่กล้าตัดสินใจเลย เรามั่นใจในเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าไม่มีผลอะไรต่อคุณสมบัติการสมัครเป็นส.ส. ดังนั้น เราไม่ได้คิดเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเลย
เมื่อถามว่า เคยประเมินว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนมองว่านี่คือความพยายามเฮือกสุดท้ายของคสช.ที่จะสกัดกั้นพรรคอนาคตใหม่ โดยคาดหวังว่า ถ้าจัดการกับแกนนำพรรคได้แล้ว จะจัดการกับพรรคได้ อย่างไรก็ตาม เรามั่นใจในพยานหลักฐานเอกสารของพวกเรา ว่าไม่มีอะไรมาเอาผิดได้
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความเป็นธรรมได้หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า วันนี้ก็เชื่อมั่น และไม่รู้สึกกังวล และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้
“เรายืนยันว่า ไม่มีใครหาข้อโต้แย้งที่เป็นวิทยาศาสตร์ หรือหาหลักฐานมาล้มล้างหลักฐานที่เรามีได้ เราเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และจะเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ส่วนส.ส.ของพรรคก็มีกำลังใจ และหลายคนก็พยายามผลักดันให้เราประกาศจุดยืนเช่นนี้มานานแล้ว” นายธนาธรกล่าว
เมื่อถามว่า มีการทาบทามพรรคการเมืองอื่นแล้วหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่ปฏิเสธว่ามีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น เป็นเรื่องปกติ โดยหลังจากนี้ จะเดินทางไปขอพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.), นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.), น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) เพื่อบอกทุกคนว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคการเมืองจะมาทำงานร่วมกัน เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. โดยการพูดคุยจะเริ่มต้นทันที และมั่นใจว่าจะทันวันที่ 20 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันที่พรรคภูมิใจไทยจะประกาศท่าที โดยอย่างช้าทุกอย่างจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 พฤษภาคม ก่อนเปิดรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 24 พฤษภาคม
“ที่ผ่านมา เราเฝ้าดูสถานการณ์และติดต่อพรรคการเมืองอื่นอยู่เรื่อยๆ แต่เราเห็นว่า เวลามันงวดเข้ามาแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกฯก็มีสูง ดังนั้น ต้องตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะสัญญากับประชาชนไว้แล้วว่า จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจให้ได้ ถ้านั่งอยู่เฉยๆ คสช.ก็สืบทอดอำนาจได้ ดังนั้น เราต้องทำให้ถึงที่สุดและดีที่สุด” นายธนาธรกล่าว
เมื่อถามว่า มองว่าการที่พรรคอนาคตใหม่เป็นฝ่ายเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์นั้น ง่ายกว่าให้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายเจรจาหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า อย่าเอาตนไปเปรียบเทียบกับพรรคเพื่อไทย แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า เราทำได้ และตนรู้สึกสบายใจในการพูดคุยกับทุกพรรค เพราะเราไม่มีวาระซ่อนเร้น โดยเหตุผลที่ทำให้เรามั่นใจ เพราะพรรคอนาคตใหม่ยึดวาระเป็นสำคัญ และวาระของการเลือกตั้งครั้งนี้คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. เอากองทัพกลับเข้ากรมกอง แก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่มีความยืดหยุ่นมากในการจัดตั้งรัฐบาล และการจัดสรรโควตารัฐมนตรีตามแต่ที่พรรคอื่นต้องการบริหารตามวาระของพรรคนั้นๆ เราไม่ได้ยึดถือเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นตัวตั้ง แต่ยึดวาระ จึงขอเชื้อเชิญพรรคการเมืองต่างๆมาร่วมกัน ถ้าไม่มาร่วมกัน เราจะไม่เห็นแสงตะวันของประชาธิปไตยอีกเลย เราไม่รู้ว่า จะเห็นแสงตะวันของประชาธิปไตยอีกเมื่อไร หากปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจในครั้งนี้
เมื่อถามว่า การประกาศเช่นนี้ ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ลองไปถามพรรคเพื่อไทยดู ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ในเมื่อภารกิจเลือกตั้งครั้งนี้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยก็น่าจะสนับสนุนพวกเรา
เมื่อถามว่า การประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ เนื่องจากเห็นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนขอถามว่า หลังจากการเลือกตั้ง ทุกคนรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการเลือกตั้งหรือไม่ รู้สึกว่าสังคมไทยมีอะไรดีขึ้นบ้างหรือไม่ เราไม่เห็น เดินหน้าต่อไปทุกวันมีแต่ความสิ้นหวัง และความไม่ชัดเจนนี้เองเป็นเครื่องมือที่คสช.ใช้ในการเก็บเกี่ยวพรรคอื่นๆเข้าไปร่วม พรรคอนาคตใหม่บอกตั้งแต่ต้นว่า เราจะสู้ถึงที่สุด ถ้าเราไม่ทำ คสช.จะสืบทอดอำนาจได้ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง เราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อถามว่า ต้องมีการพูดคุยกับส.ว.เพื่อให้ได้เสียงเลือกนายกฯเกินหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ถ้าดูเสียงในการปิดสวิตช์ส.ว.นั้นไม่ได้ยาก เพราะตอนนี้ยืนอยู่ที่ 245 เสียงแล้ว ในวันที่ 26 พฤษภาคม ก็จะมีเสียงจากจ.เชียงใหม่ เขต 8 ตนมั่นใจว่าจะมาอีก 1 เสียง กลายเป็น 246 เพื่อจะเข้าเส้น 250 เสียง ต้องการอีกเพียง 5 เสียง ซึ่งตนมั่นใจว่า ถ้าเรารวมเสียงได้มากเพียงพอ ส.ว.จะไม่กล้าโหวตสวนความต้องการของประชาชน เพราะต้องถามว่า ส.ว.มีความน่าเชื่อถือทางสังคมเหลืออยู่หรือไม่ ความไม่ชอบธรรมของส.ว. ต้นทุนที่ต่ำเตี้ยติดดินนี้เองที่ทำให้เรามั่นใจ ว่ากระแสสังคมจะช่วยกดดันให้ส.ว.รับมติของประชาชน
เมื่อถามว่า การประกาศท่าทีวันนี้ เกี่ยวข้องกับการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของนายจุรินทร์หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า เมื่อวานนี้(15 พฤษภาคม) หลังเสร็จสิ้นการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้ยกสายหานายจุรินทร์เพื่อแสดงความยินดี แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรมากกว่านั้น ตนคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี ไม่ใช่ต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียว แต่สำหรับประเทศไทยทั้งประเทศ
เมื่อถามว่า จะไปหารือกับ 11 พรรคจิ๋วที่ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า เป็นสิทธิของเขาที่จะเลือกร่วมงานกับใคร อย่างไรก็ตาม เราเปิดรับทุกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ที่เชื่อว่าการยุติการสืบทอดอำนาจของคสช.ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางออกเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมไทย
เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่าทางออกนี้จะประสบความสำเร็จ นายธนาธร กล่าวว่า ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ลุกขึ้นมาประกาศ ตนมั่นใจมาก ต้องทำให้ได้ และการทำเช่นนี้ ไม่ใช่การทำเพื่อพรรคอนาคตใหม่ เพื่อเก้าอี้นายกฯ เพื่อเก้าอี้รัฐมนตรีใดๆ แต่เพื่อให้สังคมเดินหน้า เอาความหวังของประชาชนกลับมา และบอกประชาชนว่า นี่ไม่ใช่เวลาสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาที่ต้องตื่นตัวทางการเมืองเรียกร้องสิ่งที่ถูกต้องอย่างตรงไปตรงมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี