พรรคเพื่อชาติเผยว่า จะหารือที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านในการแก้ปัญหากระบวนการยุติธรรมที่ไม่เคารพหลักการยุติธรรมและปชช. อย่างแท้จริง แต่เลือกที่จะเคารพอำนาจนิยม เพื่อหยุดทัศนะ “ถ้ายอมศิโรราบอำนาจนิยมก็สามารถปัดเป่าคดีให้ปลิดปลิวได้
นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ เผยว่า จะหารือที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านในการแก้ปัญหากระบวนการยุติธรรมที่ไม่เคารพหลักการยุติธรรมและประชาชนอย่างแท้จริง แต่เลือกที่จะเคารพอำนาจนิยม โดยเฉพาะองค์กรอิสระที่เป็นกระบวนการขั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขทั้งที่มาและมาตรฐานการทำงาน ต้องซื่อสัตย์ต่อหลักการยุติธรรมและประชาชนทั้งประเทศด้วยมาตรฐานเดียว ตนไม่ต้องการให้ส่งผ่านสังคมไทยที่มีทัศนะว่า “ถ้ายอมศิโรราบอำนาจนิยมสามารถปัดเป่าคดีให้ปลิดปลิวได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่ทำให้ประชาชนสงสัยในทัศนะดังกล่าวว่าเป็นความจริงดังนี้ กรณีที่ 1 “ชาวปทุมธานี สุดงง! คสช.ใช้ ม.44 คืนตำแหน่งนักการเมืองท้องถิ่น ทั้งที่ถูก ป.ป.ช.ไต่สวนทุจริต โดยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ถูกกล่าวหาว่าทุจริตและมีความเสียหายเป็นเงินประมาณ 44,574,016.14 บาท แต่ไม่มีการเปิดเผยว่ากระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.สิ้นสุดแล้วหรือไม่ ถ้าสิ้นสุดก็ควรมีหนังสือจาก ป.ป.ช.เปิดเผยออกมาให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบบ้าง”
ซึ่งกรณีชี้ว่า ม. 44 อยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมไม่ต้องการผลการตรวจสอบการทุจริต กรณีที่ 2 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ปปช. ตอบ นายวิรัตน์ วรศสิริน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเสรีรวมไทย ที่ถามวิทยากรจากสำนักงาน ป.ป.ช. ภายในงานสัมมนา "บทบาทสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" ที่สำนักงานใหญ่ทีโอทีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2562 ว่า "หากเป็นคนที่มีเพื่อนมากและมีโอกาสยืมเงินหรือยืมนาฬิกาเพื่อนมา จะต้องแจ้งทรัพย์สินต่อปปช. หรือไม่" ทีแรกวิทยากรจาก ปปช.ตอบว่า
“...หากครอบครองทรัพย์สินแทนบุคคลอื่น เพื่อความบริสุทธิ์ใจอาจแสดงเป็นข้อเท็จจริง “ จากนั้น นายวิรัตน์ ถามต่ออีกว่า “อาจ” หรือว่า “ต้อง” เพราะความหมายต่างกัน ด้านวิทยากรตอบกลับว่า “ทรัพย์สิน ก็คือ ทรัพย์สินของท่าน คู่สมรส และบุตร ในเมื่อทรัพย์สิน ไม่ใช่ของท่าน ตามหลักเกณฑ์ ตามกฎใหม่ ท่านไม่จำเป็นต้องแสดงก็ได้” กรณีนี้คือเพื่อช่วยรับรองความถูกต้องให้ผู้มีอำนาจ เจ้าหน้าที่ต้องยอมกล้ำกลืนหลักการยุติธรรม อีกกรณีคือ ปปช. ตีตกคดีนางกรุณา ชิดชอบ ใช้งบ อบจ. บุรีรัมย์ พาประชาชนดูบอล 20 ล้านบาท ซึ่งสร้างความสงสัยให้สังคมต่อมตินั้น
ทั้งสามกรณีนี้สามารถเชื่อมโยงให้สังคมเชื่อและเข้าใจได้ว่า “ถ้ายอมศิโรราบอำนาจนิยมสามารถปัดเป่าคดีให้ปลิดปลิวได้” ตนเห็นว่าปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นทัศนะดังกล่าว ระบบยุติธรรมของประเทศจะถูกทำลาย เพราะทุกคนสามารถทำความผิดโดยไม่ตัองคำนึงถึงความชอบธรรมและกฏหมาย เพราะทุกคนที่ทำความผิดจะหลุดพ้นคดีได้เมื่อยอมศิโรราบผู้มีอำนาจ เป็นการสร้างผู้มีอิทธิพลเหนือกฎหมายขึ้นมาในสังคม ย้อนสังคมกลับไปสู่ยุคสังคมก่อนมีกฏหมายเป็นกติกาการอยู่ร่วมกันของสังคม หรือนี่คือการปฏิรูปกลับหลังหันของคณะรัฐประหาร 2557 นางสาวเกศปรียากล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี