“วิลาศ” โวยคำตอบกลางวงสัมมนา ส.ส. “ยืมไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน” สร้างบรรทัดฐานใหม่ทำให้ ป.ป.ช. ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ - ชี้ควรยุบองค์กรทิ้งจะได้ไม่ต้องเปลืองภาษี ปชช.
21 มิ.ย. 62 นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น (ป.ป.ช.) ชี้แจงในการประชุมสัมมนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เมื่อวานนี้ (20 มิถุนายน ) ถึงกรณีการยืมทรัพย์สินมีค่าเช่นนาฬิกาหรูของเพื่อนว่า ไม่จำเป็นต้องชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินต่อป.ป.ช. ว่าถ้าตีความตามคำพูดของเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.หรือว่า ต่อไปนี้การยืมทรัพย์สินมีค่าเช่นนาฬิกาหรูหรือรถหรูของเพื่อนมาใช้ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ถือว่า ไม่ผิด แต่ปัญหามีอยู่ว่าปัจจุบันป.ป.ช.มีหน้าที่หลัก 2 หน้าที่คือ
1.การตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น 2.การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินของข้าราชการและนักการเมืองว่ามีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเดิมการตรวจสอบคดีทุจริตมักร้องที่ป.ป.ช.แต่ภายหลังมีศาลอาญาคดีทุจริตขึ้นมาแล้วส่วนใหญ่ก็ไปร้องคดีทุจริตที่ศาลอาญาคดีทุจริต และอีกทั้งช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
"การทำคดีตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นของป.ป.ช.ล่าช้ามากและต่ำกว่ามาตรฐานขององค์กรเดิมที่ชุดอื่นทำไว้ จึงมีข้อเสนอว่า ต่อไปนี้ในคดีทุจริตควรส่งให้ศาลอาญาทุจริตดูแลรับผิดชอบหรือไม่ โดยต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ประชาชนสามารถร้องต่อศาลคดีทุจริตได้ โดยต้องแก้นิยามคำว่า”ผู้เสียหาย”ให้มีความหมายกว้างขวางมากขึ้นเพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถมีสิทธิ์ฟ้องร้องในคดีทุจริตนั้นๆได้" นายวิลาศ กล่าว
นายวิลาศ กล่าวว่าแต่พอมาเจอคำตอบของเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. ในเรื่องการให้ส.ส. นักการเมืองและข้าราชการต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินหรือไม่โดยเฉพาะกรณีการยืมทรัพย์สินมีค่าของเพื่อนโดยระบุว่าไม่ต้องยื่นชี้แจงต่อป.ป.ช.ก็ถือว่าจบเรื่องเลย เพราะต่อไปนี้ป.ป.ช.ก็ไม่สามารถตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินของใครได้ หากบุคคลนั้น อ้างว่าทรัพย์สินที่ตรวจพบเป็นการยืมเพื่อนมาก็เท่ากับตั้งบรรทัดฐานไว้แล้วในที่สุดก็ตรวจสอบเอาผิดใครไม่ได้ในเรื่องการใช้ช่องทางทุจริต หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีป.ป.ช.อีกต่อไป เพราะถือว่าไม่มีหน้าที่และไม่จำเป็นต้องตรวจสอบในเรื่องบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อไป
“แต่หากเปรียบเทียบกับในอดีตกรณีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่พบว่ามีเงินงอกบัญชี 50 ล้านบาท แต่กลับถูกป.ป.ช.ชี้ว่ามีความผิดต้องเว้นวรรคทางการเมือง หากเปรียบกับกรณีนาฬิกาหรูรวมกันหลาย 10 เรือนมีมูลค่านับ100 ล้านบาท แต่ป.ป.ช. กับยื้อคดีแล้วบอกไม่ผิด ถือเป็นการตั้งบรรทัดฐานใหม่ที่มีผลในการทำลายองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญอย่างป.ป.ช.ลงไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีองค์กรอย่างป.ป.ช.อีกต่อไปเพราะนับย้อนไป5- 10 ปีมานี้ป.ป.ช.ไม่เคยตรวจสอบคดีใหญ่ใดๆได้เลย เช่นกรณีสินบนเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ การซื้อเครื่องบินของการบินไทย หรือกรณีซีทีเอ็กซ์ 9000 หรือแม้กระทั่งกรณีการซื้อเรือเหาะของกองทัพบก ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่กลับไม่สามารถใช้การได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องการันตีผลงานของป.ป.ช.ว่าควรมีต่อไปหรือไม่ สำหรับผมเห็นว่าหากเป็นเช่นนี้ก็ควรยุบองค์กรทิ้งเพื่อไม่ต้องเปลืองภาษีงบประมาณแผ่นดินอีกต่อไป” นายวิลาศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี