22 มิ.ย. 2562 นายกรณ์ จาติกวณิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว บอกเล่าเรื่องราวการพูดคุยทั้งกับตัวแทนทุนใหญ่ที่ผลิตสินค้าอุปโภค - บริโภค และผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย โดยวิเคราะห์ว่าการแก้ไขนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กดเงินสดได้ประชาชนและผู้ค้ารายย่อยจะได้ประโยชน์กว้างขวางยิ่งขึ้น ดังนี้
“เมื่อวานผมได้พบกับผู้บริหาร Unilever ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดเจ้าหนึ่งในโลก เขาบอกว่าโดยเฉลี่ยคนไทยทุกคนใช้สินค้าของเขาคนละสองครั้งต่อวัน ทุกวัน (ผมใช้สบู่ Dove และกินไอซ์ครีม Walls) ในงานเดียวกันผมได้พบกับโชห่วยและร้านค้าท้องถิ่นจากทั่วประเทศ และเราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องการค้าการขาย ได้มีการพูดถึงผลของการแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี มีการประมาณการว่าทุกครั้งที่มีการเปิดร้านสะดวกซื้อ 1 ร้าน ตามสถิติจะมีร้านขายของชำต้องปิดกิจการมากถึง 7 ร้าน (จริงแค่ไหนผมไม่สามารถยืนยันได้) และเราได้คุยกันถึงนโยบายบัตรสวัสดิการของรัฐ”
“บัตรสวัสดิการของรัฐ (บัตรคนจน) เป็นที่นิยมโดยชาวบ้านทั่วประเทศอย่างมาก นโยบายนี้ใช้เงินภาษีช่วยผู้มีรายได้น้อย 14 ล้านคนด้วยเงินงบประมาณปีละ 50,000 ล้านบาท โดยที่ต้องใช้บัตรเพื่อซื้อของตามร้านธงฟ้าเท่านั้น ผู้ได้ประโยชน์คือ 1.โชห่วยที่เข้าโครงการธงฟ้า 60,000 ร้าน 2.ผู้ผลิตสินค้า 15 รายที่ได้รับเลือกเข้าโครงการ (เช่นสหพัฒน์ ทิปโก้ Unilever) 3.ประชาชนผู้ยากจน 14 ล้านคน”
“ประชาธิปัตย์ได้หาเสียงไว้ว่า 1.เราจะเพิ่มเงินให้ผู้ถือบัตรเป็น 800 บาทต่อเดือน 2.เราจะให้สิทธิผู้ถือบัตรสามารถถอนเป็นเงินสดเพื่อใช้ที่ใดก็ได้ ตามแนวความคิดของประชาธิปัตย์น่าจะส่งผลตามนี้ 1.ผู้ถือบัตรคล่องตัวขึ้น ไม่ถูกบังคับให้ต้องซื้อเพียงสินค้าที่ถูกกำหนดมา 2.พ่อค้าแม่ค้าทั่วไปที่ไม่ได้เป็นร้านธงฟ้าจะได้ประโยชน์ 3.เศรษฐกิจชุมชนจะดีขึ้นจากเงินหมุนเวียน 4.ยอดขายร้านธงฟ้าจะตก ส่งผลให้ร้านโชห่วยแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อยากขึ้น 5.ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ 15 รายจะมียอดขายลดลง 6.การใช้เงินโดยผู้ถือบัตรจะอยู่นอกระบบภาษีมากขึ้น”
“ส่วนคำถามว่าโครงการนี้เข้าข่าย ‘ประชานิยม’ หรือไม่ ผมว่าใช่แน่นอน และจะเลิกยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่า...ต้องยอมรับว่าเป็นการเสริมรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อยที่มีประสิทธิภาพพอสมควร ไม่รั่วไหลเพราะยิงตรง และไม่มีการทุจริตเมื่อเทียบกับโครงการที่ต้องผ่านขั้นตอนราชการ ที่เมืองนอกเขามีแนวคิดเรื่อง ‘Universal Basic Income’ (UBI) - คือหลักคิดว่าประชาชนทุกคนมีควรมีสิทธิมีนายได้ขั้นต่ำที่รัฐต้องดูแล”
“ไทยเรายังยากจนเกินไปที่จะก้าวสู่ UBI อย่างเต็มรูปแบบ (และส่วนตัวผมยังเชื่อว่าทุกคนมีหน้าที่ต้องทำงาน ไม่ใช่รอรับเงินอย่างเดียว) แต่เราดูแลผู้มีรายได้น้อยได้ด้วยบัตรสวัสดิการ และการประกันรายได้เกษตรกร..แต่จะทำอย่างไรให้ยุติธรรมที่สุดกับทุกฝ่ายคือความท้าทาย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี