‘นคร’โหนคณะราษฏร ปลุกปชช.สืบสานอุดมการณ์ ถล่มคสช.ผุด‘ประชาธิปไตยจอมปลอม’
24 มิ.ย.62 นายนคร มาฉิม สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “คนไทย ต้องสืบสานเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของคณะราษฏรให้สำเร็จ เพื่ออภิวัฒน์สยามให้รุ่งเรืองไพบูลย์” มีเนื้อหาดังนี้
24 มิถุนายน 2475 คณะราษฏร สามารถทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้สำเร็จแม้ว่าจะไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ก็ถือเป็นการปฏิวัติประเทศ หรือการอภิวัฒน์ เพียงครั้งเดียว ครบ 87 ปีวันนี้ คณะราษฏรได้เปลี่ยนโครงสร้างแห่งอำนาจการปกครองประเทศ จากโครงสร้างการปกครองแบบเก่าที่ล้าหลัง ประชาชนไม่มีส่วนร่วม มาเป็นโครงสร้างการปกครองแบบใหม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในอำนาจ สอดคล้องกับสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เจริญแล้ว เป็นหมุดหมายสำคัญที่สุดของการเมืองการปกครองประเทศไทยยุคใหม่ ให้อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นของราษฏรทุกคน ไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ไม่ว่าจะยาก ดี มี จน พร้อมทั้งวางหลักการสำคัญเพื่อเป็นเข็มทิศนำพาประเทศ 6 ประการ คือ
1. หลักเอกราช ทางการเมือง ทางศาล ทางเศรษฐกิจ
2. หลักความปลอดภัย ลดอาชญากรรม และการประทุษร้ายกัน ให้ร่มเย็นเป็นสุข
3. หลักเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลต้องบำรุงสุข สร้างงาน วางโครงสร้างเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ให้ราษฏร อดอยาก
4. หลักความเสมอภาค. ราษฏรต้องมีความเสมอภาคและเท่าเทียม
5. หลักเสรีภาพ. ราษฏรต้องมีสิทธิ มีเสรีภาพในการพูด อ่าน เขียน
6. หลักการศึกษา. ที่รัฐบาลจะต้องให้การศึกษาแก่ราษฏรอย่างทั่วถึง
เพื่อให้บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ไว้ คณะราษฏรได้ประกาศ คณะราษฏร ฉบับที่ 1 ซึ่งเป็นคำประกาศที่สำคัญที่สุด สะท้อนถึงเหตุผล ความจริง ที่คณะราษฏรจำเป็นต้องปฏิวัติ และเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไว้อย่างชัดแจ้ง แต่ฝ่ายเผด็จการพยายามลบออกจากบทเรียน พยายามบิดเบือนความจริงทางประวัติศาสตร์นี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนรับรู้ ความจริงที่ฝ่ายเผด็จการกระทำต่อคนไทยด้วยกันเอง
คณะราษฏรให้มี พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475 และปักหมุดเชิงสัญลักษณ์ไว้ที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเริ่มต้นสร้างความเจริญรุ่งเรือง ไพบูลย์ให้ประเทศชาติและประชาชนสืบไปอันเป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่สำคัญยิ่ง และเพื่อให้คนไทยภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยได้ซึมซับเอา หลักคิด วัฒนธรรม ประเพณีที่เป็นอารยะจากประเทศต้นแบบ จึงให้มีการสร้างสัญลักษณ์ในทางสถาปัตยกรรม ให้สถาปนิกออกแบบศาลฎีกา ให้มีเสา 6 ต้นตามหลักการ 6 ข้อ รัฐบาลคณะราษฏรให้มีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม ประเพณี การอยู่ การกิน การแต่งกาย ให้ทันสมัยไม่ให้ชนชาติอื่นดูแคลนว่าสยามเป็นบ้านป่า เมืองเถื่อน ให้เป็นสากล และได้สร้างอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรืออนุสาวรีย์ปราบกบฏไว้เมื่อปราบกบฏบวรเดชได้สำเร็จ
ล่วงมา 87 ปี ถึงบัดนี้ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจการเมืองการปกครองของ 2 ระบอบ ประชาธิปไตย กับเผด็จการ ยังดำรงอยู่ โดยส่วนใหญ่ผู้นำของฝ่ายเผด็จการจะร่วมกันกับขุนศึก ข้าราชการระดับสูง และตุลาการทำการรัฐประหารยึดอำนาจประชาชนมาตลอด รวมที่ยึดอำนาจด้วยอาวุธ สำเร็จจำนวน 13 ครั้ง ไม่รวมการยึดอำนาจโดยศาลหรือที่เรียกอย่างเลิศหรูว่า ตุลาการภิวัฒน์ แต่ละฝ่ายมาปรากฏชัดเจนในยุคสมัยนี้ ว่า ฝ่ายเผด็จการ มีใครบ้าง ที่เป็นทั้งนายทุน ขุนศึก ศักดินา อำมาตย์ข้าราชการระดับสูง องค์กรอิสระกระบวนการยุติธรรมและพรรคการเมืองพรรคใด ก็ตอนเข้าร่วมกับคณะรัฐประหาร คสช เป็นรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังร่วมกันสืบทอดอำนาจให้ พลเอกประยุทธ์นี้
และปรากฏชัดเจนว่า ฝ่ายประชาธิปไตยมี นักการเมืองและพรรคการเมืองใดบ้างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ 7 พรรคการเมืองฝ่ายค้านและมวลชนที่ต่อต้านเผด็จการทุกกลุ่ม ทุกองค์กร ที่อยู่นอกสภาและมีทุนใดๆบ้างอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งไม่ใช่ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ
เมื่อฝ่ายเผด็จการรวมพลังกัน สมคบคิดกัน สร้างสถานการณ์ยึดอำนาจประชาชนครั้งสุดท้าย 22 พฤษภาคม 2557 สำเร็จ เพื่อไม่ให้เสียของ และสามารถที่จะยึดครองอำนาจได้ตลอดไป แม่น้ำ 5 สายซึ่งเป็นเครือข่ายเผด็จการและลิ่วล้อบริวารของเผด็จการกับผู้นำของระบอบเผด็จการ ได้สร้างรัฐธรรมนูญเผด็จการ ปี 2560 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตีกรอบ ใส่ขื่อคา โซ่ตรวน มัดแขน ขา ผูกคอ คนไทยไว้อย่างแน่นหนา เพื่อให้รับใช้ชนชั้นปกครองในระบอบเผด็จการตลอดไป ผู้นำฝ่ายเผด็จการได้ดำเนินการให้ทำลายฝ่ายประชาธิปไตยทุกรูปแบบ หมายจะขุดรากถอนโคนประชาธิปไตยให้พังทลายให้สิ้นสูญ ไม่ให้มีพลังลุกขึ้นมาต่อสู้กับเผด็จการได้อีก
พวกเขาได้ให้ทำลายสถาปัตยกรรมเชิงสัญลักษณ์ของคณะราษฏรที่ปักหมุดหมายไว้หลายอย่างเช่น
1. รื้อถอนหมุดคณะราษฏร เปลี่ยนเป็น หมุดหน้าใส โดยไม่สนใจประวัติศาสตร์
2. รื้อสถาปัตยกรรม เสา 6 ต้น ของศาลฎีกา เดิม เพื่อทำลายหลัก เข็มทิศในการขับเคลื่อนประเทศของคณะราษฏร
3. รื้อทำลายอนุสาวรีย์ปราบกบฏที่ชนชั้นสูงฝ่ายเผด็จการพ่ายแพ้ให้แก่ฝ่ายประชาธิปไตย และอีกหลายๆอย่างในเชิงสัญลักษณ์ของการปฏิวัติสยาม
ระบอบเผด็จการร่วมกัน ฉุดลากประเทศไทยให้จมลงในหลุมดำแห่งความมืดมน ล้าหลัง ขัดขวาง ทำลายอำนาจของประชาชน ทำลายประชาธิปไตย พร้อมกับพัฒนาระบอบเผด็จการไปพร้อมกัน ลอกคราบเผด็จการแล้วสวมเสื้อคลุมประชาธิปไตย เช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งพวกเขาสามารถหลอกลวงประชาชนคนไทยได้จำนวนไม่น้อย เช่น พวกที่ยกย่องนิยมชมชอบเผด็จการอำนาจนิยม แต่เผด็จการไม่สามารถหลอกคนไทยฝ่ายประชาธิปไตยที่ตื่นรู้ เป็นปัญญาชนแล้วได้ พวกเขาไม่สามารถหลอกลวงสังคมโลกได้ จึงถูกประนาฌจากสังคมโลก ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า “ประชาธิปไตยจอมปลอม “
โลกส่วนใหญ่ยังคงไม่ให้การยอมรับรัฐบาลเผด็จการในเสื้อคลุมประชาธิปไตยคณะรัฐประหารนี้เช่นเดิม ยิ่งหัวหน้าคณะรัฐประหารเอาเจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพล เอาระบอบมาเฟีย ที่มีคดีติดตัวและ ที่สำคัญและมีอิทธิพลมากที่สุดคือกลุ่มมาเฟียทหาร จากกองทัพมาใช้เป็นมือเป็นเท้า ข่มขู่ คุกคาม แม้แต่นักการเมืองระดับ สส ระดับ นายก อบจ ในฝ่ายเผด็จการด้วยกันเองเช่นที่เห็นกันอยู่ ยิ่งไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลก
จากนี้ไป เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่รัก และหวงแหนสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ และประชาธิปไตยจะต้องร่วมกัน สานต่อเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของคณะราษฏร ทุกรูปแบบและทุกวิธีการ จนกว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะเพื่อไม่ให้ลูกหลานคนไทยเป็นทาส ไพร่ ลำบาก ยากจน จมปลักอยู่ในระบอบเผด็จการซ่อนรูป อันเลวร้ายแบบนี้อีกต่อไป ให้ลูกหลานคนไทยมีโอกาสศึกษาเรียนรู้ให้ดีที่สุด นำเอาความเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ ความรัก ความสามัคคี และแสงสว่างแห่งปัญญา มาสู่แผ่นดินนี้ด้วยกัน
# ครบรอบ 87 ปี วันปฎิวัติสยาม เริ่มนับหนึ่งในการอภิวัฒน์ อีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี