“วันชัย สอนศิริ”ขู่ฟ้องทางเพ่ง-อาญา“เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ”แน่ อย่าเป็นนักร้องตามกระแส ยันคุณสมบัติครบ เชื่อ คสช.สกรีนมาดีไร้มลทิน เชื่อหากคดีเหมือน“ธนาธร” ศาลรัฐธรรมนูญคงพร้อมสั่งให้ ส.ว.หยุดปฏิบัติหน้าที่
เมื่อเวลา 09.45 น.วันที่ 24 มิ.ย.62 ที่สำนักงาน ทีโอที แจ้งวัฒนะ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เตรียมยื่นหนังสือต่อ กกต. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ว. 21 คน กรณีการถือหุ้นสื่อมวลชน ว่า เรื่องการร้องเรียนหากมีข้อสงสัยว่ามีการกระทำผิด ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่คนที่จะร้องเรียนนั้นควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงหรือมีอยู่จริง ก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการได้เต็มที่ เพราะจะได้หาความถูกต้องให้เกิดขึ้นในทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ถ้าข้อเท็จจริงนั้นเป็นเรื่องเท็จและไม่มีอยู่จริง เป็นการที่ต้องการเล่นงานกันทางการเมือง สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น ตนคิดว่าคนร้องเรียนนั้นต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตนเอง ที่ต้องบอกตรงๆว่าก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็น ส.ว.นั้น ตนได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นการถอนหุ้น หรือลาออกจากบริษัท ตลอดจนคุณสมบัติใดๆ ตนเป็นนักกฎหมายก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว
“ผมยืนยันว่าเรื่องคุณสมบัติของผมไม่มีปัญหาใดๆ และหากในส่วนของผม เมื่อตรวจสอบแล้วว่าเป็นการร้องเป็นความเท็จ ดังนั้นผมอยากให้ผู้ร้องเตรียมรับการฟ้องของผมด้วย ผมจะฟ้องทั้งทางเพ่งและทางอาญาให้เป็นตัวอย่าง ไม่ใช่นึกแค่สนุกแล้วลุกขึ้นมาร้องเรียนอะไรกับใครก็ได้ ทำให้คนอื่นเสียหายโดยที่คนร้องไม่รับผิดชอบอะไร ดังนั้นหากนายเรืองไกร นำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนเมื่อไรก็เจอกับผมแน่ ผมยืนยันว่าจะฟ้องและดำเนินคดีกับนายเรืองไกร ให้ถึงที่สุด” นายวันชัย กล่าว
นายวันชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนถ้าอ่านด้วยตาธรรมดา จะรู้ได้เลยว่าตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.2526 จดทะเบียนจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น โดยที่ไม่มีชื่อตนแล้ว ดังนั้นสิ่งที่นำความเท็จมาร้องเรียนถือว่ามีเจตนาชัดเจน ซึ่งตนจะไม่ปล่อยให้คุณลอยนวลแน่นอน ส่วนจะเป็นวันไหนที่จะดำเนินการฟ้องนั้นต้องดูอีกที หากนายเรืองไกรไปยื่นฟ้องแล้วมีรายชื่อตน
อย่างไรก็ตามอยากให้คนที่เป็นนักร้องทำการตรวจสอบก่อน อย่าเอาเรื่องที่เป็นกระแส หรือเรื่องที่เป็นข่าว โดยที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นเขา ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าจะดำเนินการแน่ ทั้งนี้การดำเนินการได้มีสมาชิก ส.ว.หลายคน ได้เข้ามาหารือแล้ว ซึ่งมีบางรายที่พร้อมจะตั้งกองทุนให้ โดยที่ตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โต แต่มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของความถูกต้อง
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับเพื่อนสมาชิก ส.ว. ที่อาจจะถูกร้องด้วยแล้วหรือยัง นายวันชัย กล่าวว่า เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา ดังนั้นก่อนมารับตำแหน่งเขาก็ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเอง และอะไรที่เป็นปัญหาเขาก็จัดการหมดแล้ว และที่สำคัญที่สุด เวลาที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งมาว่าได้รับตำแหน่ง เขาก็จะสอบถามในเรื่องของคุณสมบัติต่างๆ ดังนั้นตัวเราเอง ถ้าจะรับตำแหน่งก็ต้องจัดการปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อย ตนเชื่อว่าแต่ละคนเขามั่นใจในตัวเองแล้ว แต่จะผิดพลาดหรือบกพร่องในประการใดนั้น ตนไม่รับประกัน แต่ในส่วนของตนเอง รับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตนเองมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน
เมื่อถามว่า ที่มีปัญหาคือเรื่องของใบบริคณห์สนธิ จัดตั้งบริษัทที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำสื่อด้วยนั้น นายวันชัย กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตนขอไม่ก้าวล่วง แต่ในความเห็นส่วนตัวรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า เป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ แต่ว่าคุณจะต้องเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในหนังสือพิมพ์ หมายความว่าจะต้องมีการผลิตหนังสือพิมพ์ และออกจำหน่ายจริง อีกทั้งมีวิทยุหรือโทรศัพท์ที่ดำเนินการจริง ซึ่งเป้าหมายของรัฐธรรมนูญคือไม่ต้องการให้เอาความเป็นสื่อของคุณมาครอบงำทางการเมือง ใช้อิทธิพลของความเป็นสื่อสร้างตัวเองแล้วเล่นงานคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเพียงบริคณห์สนธิโดยทั้งชีวิตไม่เคยประกอบกิจการสื่อ แล้วจะเอาอิทธิพลสื่อไปครอบงำได้อย่างไร ดังนั้นเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดูแค่ขอเท็จจริงเหล้านี้ประกอบการพิจารณา และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วจะผูกพันทุกองค์กร รวมทั้งศาลที่มีคำพิพากษาด้วย ดังนั้นตนไม่อยากให้ ส.ส.และ ส.ว.ตื่นตระหนกตกใจเกินความจำเป็น เพราะข้อเท็จจริงของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กับกรณีที่ ส.ส.และส.ว.ถูกร้องเป็นคนละเรื่อง และเป็นคนละข้อเท็จจริง จะนำมาเปรียบเทียบเหมือนกันไม่ได้
“ประเด็นเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ในทางการเมืองนั้นจะต้องมีข้อยุติ เพราะอยากให้บรรทัดฐานเกิดขึ้น ดังนั้นการที่เรื่องดังกล่าวไปถึงศาลรัฐธรรมนูญและวินิจฉัยให้ถึงที่สุดถือเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นหากฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลจะร้อง ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับใคร แต่มองว่าทุกฝ่ายต้องการบรรทัดฐานทางการเมืองและข้อยุติ” นายวันชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยพิจารณาวินิจฉัยให้นายธนาธร หยุดปฎิบัติหน้าที่และศาลฎีกาเคยตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งมาแล้ว กรณีนี้จะเป็นบรรทัดฐานเดียวกันหรือไม่ นายวันชัย กล่าวว่า ศาลฎีกาที่พิจารณาก็เป็นเพียงบางจังหวัดที่เกิดขึ้น อีกทั้งข้อเท็จจริงก็ต่างกัน ถ้าเราไปดูจะเห็นว่าบางจังหวัดแบบฟอร์มไม่ได้เป็นไปตามใบบริคณห์สนธิ แต่อาจจะมีการเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งศาลอาจจะดูในส่วนนี้ ดังนั้นอย่ามองว่าจะเหมือนกันเสมอไป
เมื่อถามต่อว่า ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธร หยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราวนั้น ในส่วนของส.ส.และส.ว.ที่โดยร้องจะต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ไปด้วยหรือไม่นั้น นายวันชัย กล่าวว่า หาก ส.ส. หรือ ส.ว.ที่โดนร้องที่พฤติการณ์เหมือนนายธนาธร จริง ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน ซึ่งในส่วนขอบ ส.ว.หากมีการร้องเรียนแล้วเรื่องมาถึงจริง คณะทำงานของ ส.ว.ก็คงจะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน คงไม่ปล่อยให้ไปคนละทิศคนละทาง แล้วหลังจากนั้นเราก็จะต้องมาประมวลดูว่าแนวทางจะดำเนินการไปต่อในทิศทางใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี